วลีติดปากอย่าง "Dieselgate" ที่หมายถึงการโกงค่ามลพิษในไอเสียรถยนต์ และ "Defeat Device" หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการโกงดังกล่าว ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงในเครื่องยนต์ดีเซล และคำถามเกี่ยวกับอนาคตของเครื่องยนต์สันดาปตามมามากมายว่า เครื่องยนต์ดีเซลหรือเครื่องยนต์เบนซินแบบใดจะรองรับการใช้งานในอนาคตและสะท้อนแนวคิดการขับขี่ที่ยังยืนและปล่อยมลพิษต่ำกันแน่ และภาคคมนาคมควรเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไรในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ราวๆ 40% ภายในปี 2573 เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ ซึ่งการตั้งเป้าไว้อย่างชัดเจนให้รถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ทุกคันตั้งแต่ปี 2563 มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่เกิน 95 กรัม/กิโลเมตร ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ มาตรการและข้อเสนอต่างๆ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถยนต์และรถบรรทุกน้ำหนักเบาจึงเพิ่มแรงกดดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้น
การประชุม International Congress for Renewable Mobility "Fuels of the Future" ครั้งที่ 15 จะจัดขึ้นวันที่ 22-23 มกราคม 2561 ณ กรุงเบอร์ลิน โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ร่วมประชุมจะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนในหลากหลายประเด็น สำหรับจุดสนใจสำคัญในการประชุมครั้งนี้คือ "การลดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์" ของภาคคมนาคม และเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี ระบบส่งกำลัง และเชื้อเพลิงทดแทน
ด้วยกรอบระยะเวลาที่จำกัด ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการพัฒนาเทคโนโลยีขับเคลื่อนที่จำเป็นให้เป็นผลสำเร็จ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดค่าขีดจำกัดในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความพึงพอใจของผู้บริโภคควบคู่ไปด้วย ซึ่งผู้ร่วมประชุมจากแขนงต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเมือง วิทยาศาสตร์ การวิจัย ธุรกิจ และสมาคมสิ่งแวดล้อม จะใช้เวทีนี้ในการแสดงจุดยืนและนำเสนอกลยุทธเพื่อรับมือความท้าทายของปกป้องสภาพภูมิอากาศ พร้อมเปิดเผยแนวทางแห่งอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นทางเลือกที่ใช้ได้จริงในการบูรณาการระบบ
นอกเหนือจากการพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาปในทางเทคนิคด้วยการผสมผสานการทำงานเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าหรือที่เรียกว่ากระบวนการไฮบริดไดเซชั่นแล้ว การลดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเชื้อเพลิงก็มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้เป้าหมายในการปกป้องสภาพภูมิอากาศบรรลุผลสำเร็จได้ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.fuels-of-the-future.com
No comments:
Post a Comment