คุณโจว เว่ย บนเวทีการประชุมสุดยอด Qualcomm 4G/5G Summit
- Vivo นำเสนอข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ AI ในการประชุมสุดยอด Qualcomm 4G/5G Summit
- Vivo ประสบความสำเร็จในการพัฒนา "5G First Call" เมื่อเดือนสิงหาคม 2561 และเตรียมนำเสนอผลการพัฒนาซอฟต์แวร์ 5G ในเดือนธันวาคม
- Vivo ประกาศแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G หรือ "อินเทลลิเจนท์โฟน"
Vivo ซึ่งเป็นพันธมิตรยาวนานของ Qualcomm ได้ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนา 5G และบทบาทในการบุกเบิกยุคใหม่ของการใช้ชีวิตอัจฉริยะ ในการประชุมสุดยอด Qualcomm 4G/5G Summit ซึ่งจัดขึ้นที่ฮ่องกงระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม 2561 โดยมีผู้นำอุตสาหกรรมมือถือชั้นนำของโลกมาร่วมงานอย่างคับคั่ง
ระหว่างการประชุมดังกล่าว คุณโจว เว่ย รองประธานบริษัท Vivo และหัวหน้าสถาบันวิจัยปัญญาประดิษฐ์ของ Vivo ได้กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการประชุม AI Forum โดยเน้นย้ำว่า "อินเทลลิเจนท์โฟนเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการพัฒนา 5G"
คุณโจวเน้นให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ล้ำลึกระหว่าง 5G กับ AI รวมถึงบทบาทที่มีต่อการเติบโตในอนาคตของสมาร์ทโฟน 5G ที่บริษัทเรียกว่า "อินเทลลิเจนท์โฟน" โดย AI ช่วยให้สมาร์ทโฟนเรียนรู้และคิดได้อย่างแท้จริง ขณะที่ 5G จะช่วยเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การผสมผสาน 5G กับ AI จะยกระดับ "สมาร์ทโฟน" เป็น "อินเทลลิเจนท์โฟน" พร้อมมอบฟีเจอร์ใหม่ๆ และสุดยอดประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้
คุณโจวเปิดเผยว่า Vivo มีแผนพัฒนาและเริ่มผลิตสมาร์ทโฟน 5G มาตรฐาน NSA และ SA ให้เสร็จในปี 2562 เพื่อเปิดตัวก่อนการวางจำหน่ายจริง จากนั้นจะวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในปี 2563 ทั้งนี้ ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม Vivo ลงทุนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนาสมาร์ทโฟน 5G เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีทึ่สุดให้แก่ผู้บริโภคภายในเวลาที่สั้นที่สุด
Vivo ลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยี 5G และเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนา 5G
แรงผลักดันในการพัฒนา 5G
ความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย รวมถึงฟีเจอร์และฟังก์ชั่นของสมาร์ทโฟนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากนับจากยุค 2G จนถึงยุค 4G ในปัจจุบัน ทุกการอัพเกรดเทคโนโลยีการสื่อสารเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ้นตามไปด้วย ปัจจุบัน ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาคือแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร 5G ยุคใหม่
ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมการสื่อสาร Vivo เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการสร้างมาตรฐานเทคโนโลยี 5G โดยในปี 2559 Vivo ได้จัดตั้งสถาบันวิจัย 5G ในปักกิ่ง เพื่อวางรากฐานการพัฒนาและสร้างมาตรฐานเทคโนโลยี 5G ในปีเดียวกัน Vivo ได้เข้าร่วมโครงการ 3GPP (3rd Generation Partnership Project, the 3rd Generation Partner Program) และเริ่มมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐาน 5G ปัจจุบัน บริษัทมีบทบาทอย่างมากในกลุ่มเทคโนโลยี RAN1, RAN2, RAN4, SA2, CT1 และกลุ่มเทคโนโลยีหลักอื่นๆใน 3GPP และจนถึงขณะนี้ Vivo ได้ส่งข้อเสนอทางเทคนิคกว่า 1,500 ข้อให้แก่ 3GPP และเป็นหนึ่งในผู้ให้ข้อมูลรายใหญ่ใน 3GPP
ในปี 2561 Vivo ได้เริ่มวิจัยและพัฒนาต้นแบบตัวทดสอบสัญญาณ 5G อย่างเป็นทางการ และประสบความสำเร็จในการพัฒนา 5G First Call เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นับเป็นหลักชัยสำคัญในการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ 5G เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ Vivo เตรียมแสดงการใช้งาน 5G บนมือถือในเดือนธันวาคมนี้
ในฐานะพันธมิตรรายสำคัญของโครงการ "China Mobile 5G Device Forerunner Initiative" Vivo ได้เพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการและมีส่วนร่วมที่น่าจดจำมากมายในการกำหนดมาตรฐาน 5G เช่น การประหยัดพลังงาน เสาอากาศ 5G multi-antenna การหน่วงเวลาต่ำ ประสิทธิภาพที่ไว้วางใจได้ การออกแบบโปรโตคอลขั้นสูง การออกแบบโปรโตคอลกายภาพ และลักษณะพิเศษอื่นๆ นอกจากนี้ บริษัทยังร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรรายสำคัญเพื่อผลักดันการพัฒนา 5G ต่อไป ในขณะที่ยุค 5G กำลังจะมาถึง
การพัฒนาสมาร์ทโฟน 5G ของ Vivo: ความท้าทายทางเทคนิคและความก้าวหน้าล่าสุด
ผู้บริโภคกำหนดอนาคตสมาร์ทโฟน 5G
Vivo พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยคำนึงถึงผู้บริโภคมาโดยตลอด ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์และบริการที่ตรงใจ สำหรับในยุค 5G ที่กำลังจะมาถึง Vivo เชื่อว่าผู้บริโภคจะยังคงเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน และบริษัทจะเดินหน้ากำหนดทิศทางการเติบโตของสมาร์ทโฟน 5G ต่อไป
ปัจจุบัน ปัญหาทางเทคนิคได้รับการแก้ไขด้วยการพัฒนาที่รวดเร็วของสมาร์ทโฟนและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แต่ลูกค้าก็ยังตั้งความหวังกับสมาร์ทโฟนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทุกวันนี้ สมาร์ทโฟนต้องสามารถคิดและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รายบุคคลได้ ปัจจัยเหล่านี้ไม่เพียงผลักดันให้ Vivo พัฒนาเทคโนโลยี 5G เท่านั้น แต่ยังต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "ชีวิตที่ฉลาดขึ้น" และระบบนิเวศสมาร์ทโฟนด้วย เพื่อสร้างสมาร์ทโฟนที่มีความฉลาดมากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้นนั่นเอง
คุณโจวกล่าวว่า "เราเชื่อว่าการผลิตสมาร์ทโฟนจะเปลี่ยนจากการมอบฟังก์ชั่นพื้นฐานแบบเดิมๆ ไปสู่การเพิ่มฟีเจอร์อัจฉริยะ เพื่อตอบสนองความต้องการอินเทลลิเจนท์โฟนของลูกค้า โดยในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยี 5G และ AI จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของการใช้งานและการผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ"
เทคโนโลยี AI คือหัวใจสำคัญในการพัฒนา "อินเทลลิเจนท์โฟน"
Vivo เชื่อว่าการผสาน 5G กับ AI จะเป็นเทรนด์หลักของสมาร์ทโฟนยุค 5G ดังนั้น นอกเหนือจากการวางรากฐานเทคโนโลยี 5G แล้ว Vivo ยังเป็นหัวหอกในการวิจัยและพัฒนา AI ด้วย โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 Vivo ได้จัดตั้ง AI Labs เพื่อเริ่มการวิจัยและพัฒนา จากนั้นในเดือนมีนาคม 2561 Vivo ได้เปิดตัว Jovi ซึ่งเป็นแบรนด์ AI น้องใหม่ โดยความพยายามกว่าครึ่งปีของทีมงานส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าอย่างมากในด้านเทคโนโลยี AI
คุณโจวเปิดเผยว่า AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีจดจำเสียง NLP หรือดีปเลิร์นนิ่งเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการได้อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ Vivo จึงเดินหน้าสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนที่ทำหน้าที่เป็นเทอร์มินัลอัจฉริยะและศูนย์กลางการเชื่อมต่อ ก่อเกิดเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างและเท่าเทียม เพื่อส่งมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
คุณโจวยังได้อธิบายถึงความเข้าใจของ Vivo ที่มีต่อ AI รวมถึงความทุ่มเทของบริษัทในภาคส่วนนี้ ขณะที่เทคโนโลยี 5G จะเข้ามาเป็นตัวกำหนดการใช้งานในรูปแบบใหม่ๆ และสมาร์ทโฟนในอนาคตจะสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง ค้นพบด้วยตัวเอง และให้คำแนะนำกับตัวเองได้
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 Vivo ได้จัดตั้งกลุ่มความร่วมมือ IoT Open Ecosystem Alliance ร่วมกับบริษัทชั้นนำอื่นๆในอุตสาหกรรม IoT ระบบนิเวศดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้แม้จะต่างแบรนด์กัน ขณะเดียวกัน เมื่อนักพัฒนาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ลูกค้าก็จะได้รับประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน และที่สำคัญที่สุดคือ ลูกค้าสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและประสบการณ์การใช้งานของตนเอง นอกจากนี้ Vivo กำลังสร้างระบบนิเวศ "อินเทลลิเจนท์โฟน" ของตนเอง โดยมีการลงทุนมหาศาลและบุกเบิกการยกระดับการใช้งานเทคโนโลยี 5G พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งาน
ดาวน์โหลดรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://edelmanftp.box.com/s/5mp44p3s5k5li7px04e9uf95bujqv1kx
No comments:
Post a Comment