Thursday, December 17, 2015

ผลวิจัยเผยอุตสาหกรรมค้าปลีกและสินค้าผู้บริโภคต้องปรับปรุงห่วงโซ่มูลค่าเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน



Consumer Goods Forum และ Capgemini เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยต้องมีการพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้กลายเป็นเครือข่ายมูลค่าที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค

Consumer Goods Forum (CGF) และ Capgemini เปิดเผยข้อมูลจากรายงานฉบับใหม่ในหัวข้อ "Rethinking the Value Chain: New Realities in Collaborative Business" โดยระบุถึงแนวโน้มต่างๆในอนาคตของอุตสาหกรรมค้าปลีกและสินค้าผู้บริโภค (CPR) และสรุปว่า “ห่วงโซ่มูลค่า” แบบดั้งเดิมไม่เพียงพอต่อการตอบสนองตลาดอีกต่อไป หากต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว จำเป็นต้องใช้ “เครือข่ายมูลค่า” ในการทำธุรกิจ รายงานฉบับนี้ได้รับการเปิดเผยระหว่างการประชุมคณะกรรมการบริหารของ CGF ในกรุงอัมสเตอร์ดัม โดยผู้เข้าร่วมประชุมที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษประกอบด้วย มูห์ตาร์ เคนท์ ประธานและซีอีโอบริษัท โคคา-โคลา คัมปะนี และโมโตยะ โอกาดะ ประธานและซีอีโอกลุ่มบริษัทอิออน ผู้ริเริ่มโปรเจคท์นี้ในระดับผู้บริหาร และเป็นผู้สนับสนุน End-to-End Value Chain & Standards Pillar ซึ่งเป็นหัวใจของโปรเจคท์นี้  


มุมมองใหม่เกี่ยวกับห่วงโซ่มูลค่านี้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก และทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราต้องเลิกคิดว่าห่วงโซ่มูลค่าเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง ซึ่งผลิตภัณฑ์และข้อมูลข่าวสารไหลเป็นแนวตรงจากซัพพลายเออร์ไปยังผู้ผลิต-ผู้ค้าปลีก-ผู้บริโภคตามลำดับ แต่ควรมองว่าเป็นเครือข่ายมูลค่าที่มีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง โดยมีการไหลของสินค้าและข้อมูลหลากหลายช่องทางตลอดกระบวนการเพิ่มมูลค่าและการดำเนินธุรกิจ ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บริโภคกำลังมีอำนาจมากขึ้น โดยเป็นผู้ตัดสินใจในสิ่งต่างๆที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเครือข่ายมูลค่า และอุตสาหกรรมต้องตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค มิใช่ผู้บริโภคตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม

มูห์ตาร์ เคนท์ กล่าวว่า “ผู้บริโภคทุกวันนี้มีอำนาจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีอำนาจและช่องทางในการแบ่งปันความเห็นและความกังวลต่างๆกับผู้รับสารกลุ่มใหญ่ขึ้นกว่าที่เคย ผ่านทางสื่อดิจิตอลและโซเชียลที่ขยายขอบเขตกว้างขึ้น ในยุคที่ผู้บริโภคมีความคาดหวังมากขึ้นและปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ เราต้องถามตัวเองว่า เราจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมและทำประโยชน์ให้ผู้บริโภคได้อย่างไร ท่ามกลางความท้าทายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนซึ่งรออยู่ข้างหน้านี้ ดังนั้น รายงานฉบับนี้ที่จัดทำโดย Consumer Goods Forum จึงได้พิจารณาถึงแนวทางสำคัญบางประการในการคาดคะเนและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกนี้”

รายงานฉบับนี้คือผลลัพธ์จากการประชุมเชิงปฏิบัติการที่ครอบคลุม และการสัมภาษณ์ผู้นำทางความคิดจากธุรกิจ CPR ชั้นแนวหน้าของโลก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในประเด็นดังกล่าว รายงานนี้ตอกย้ำว่าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปฏิรูปแนวทางการประสานงานกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด     

โมโตยะ โอกาดะ แสดงความเห็นว่า “สมาชิกของ Consumer Goods Forum และอุตสาหกรรมของเรา มีความรับผิดชอบร่วมกันในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก รายงาน Future Value Network ฉบับนี้ เน้นถึงโอกาสใหม่ๆอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงมากมายที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของเรา เพื่อให้เราทั้งหมดมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำให้ชีวิตของผู้บริโภคดียิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็แสดงความรับผิดชอบของเราในด้านคุณค่าและความน่าเชื่อถือ เราสามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ด้วยการร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีต โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังนั้น เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน”

รายงานนี้เน้นประเด็นสำคัญ 3 ประการ ที่จะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการลงทุน และอุตสาหกรรมควรประสานความร่วมมือกัน ดังนี้

- การมีส่วนร่วมของผู้บริโภค
เข้าไปพูดคุยกับผู้บริโภคอย่างจริงจัง และทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมของเรา อุตสาหกรรมจำเป็นต้องอัพเดทข้อมูลของผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถเพิ่มมูลค่าในการตอบสนองความต้องการและการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคได้ โดยบริษัทต่างๆจำเป็นต้องใช้หลักการที่ชัดเจนร่วมกันเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค

- ความโปร่งใส
แจ้งให้ผู้บริโภคทราบอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับธรรมชาติและการตรวจสอบย้อนกลับของส่วนประกอบ สารอาหาร และแหล่งที่มาของสินค้า รวมถึงให้ข้อมูลผู้บริโภคเกี่ยวกับรายละเอียด ความปลอดภัย ผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขณะเดียวกันก็ต้องยกระดับประสิทธิภาพในอุตสาหกรรม เหล่านี้ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนในการร่วมกันกำหนดนิยามข้อมูลผลิตภัณฑ์ คุณภาพข้อมูล และการแบ่งปันข้อมูลทั่วโลก นอกเหนือไปจากการติดตามตรวจสอบและการตรวจสอบบัญชีทั่วไป

- การส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภค
กลับไปทบทวนความคิดที่ว่า การจัดส่งสินค้าไปยังร้านค้าและผู้บริโภคคือกระบวนการที่บริษัทต่างๆดำเนินงานอย่างเป็นอิสระจากกัน จากนั้นลองแสวงหาโอกาสในการร่วมมือกันภายใต้สภาวการณ์ที่เหมาะสม เพื่อยกระดับความรวดเร็ว ประสิทธิภาพ และความพึงพอใจของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด การดำเนินงานในรูปแบบใหม่นี้จำเป็นต้องมี “เครือข่าย” พันธมิตรรูปแบบใหม่ ในการไขว่คว้าโอกาสเหล่านี้ ภาคอุตสาหกรรมจะต้องลงทุนในเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่น กระบวนการทำงานใหม่ และวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างมากขึ้น

ปีเตอร์ ฟรีดแมน กรรมการผู้จัดการของ Consumer Goods Forum กล่าวว่า “CGF แสวงหาแนวทางสนับสนุนธุรกิจต่างๆให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคมาโดยตลอด รายงานนี้ตอกย้ำความสำคัญของการลงมือทำเพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งสองประการ ทั้งยังสนับสนุนพันธกิจของเราและกระตุ้นให้เราเร่งสร้างความร่วมมือกันในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม”

เท็ด เลอวีน ผู้นำระดับโลกฝ่ายสินค้าผู้บริโภคและการค้าปลีกจาก Capgemini แสดงความเห็นว่า “ในฐานะอุตสาหกรรม เราจำเป็นต้องเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีจำเพาะ ซึ่งนำเสนอแนวทางการทำธุรกิจและบริการบิ๊กดาต้า เพื่อผลักดันสินค้าสู่ตลาดให้เร็วขึ้นและสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม สำหรับ Capgemini เรามองเห็นโอกาสสำหรับบริษัทค้าปลีกและสินค้าผู้บริโภคในการเดินหน้าสู่ห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค ซึ่งสร้างเครือข่ายมูลค่าแบบ  end-to-end ที่เข้าถึงผู้บริโภคในพื้นที่จากทุกช่องทาง ทุกการมองเห็น และทุกการรับรู้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล”

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลดรายงานได้ที่ http://www.futurevaluenetwork.com

เกี่ยวกับ Consumer Goods Forum (CGF)

Consumer Goods Forum (CGF) คือเครือข่ายอุตสาหกรรมระดับโลกที่ยึดหลักความเสมอภาค บรรดาสมาชิกของเครือข่ายได้ร่วมกันผลักดันให้ทั่วโลกใช้หลักปฏิบัติและมาตรฐานที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสินค้าผู้บริโภคทั่วโลก สมาชิกเหล่านี้ประกอบด้วยซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทค้าปลีก ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ และอื่นๆ กว่า 400 แห่งจาก 70 ประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายของอุตสาหกรรมทั้งในด้านภูมิศาสตร์ ขนาด ประเภทสินค้า และรูปแบบธุรกิจ บริษัทสมาชิกมียอดขายรวมกัน 2.5 ล้านล้านยูโร มีการจ้างพนักงานโดยตรงรวมกันเกือบ 10 ล้านคน และมีลูกจ้างที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่มูลค่าอีก 90 ล้านคน ทั้งนี้ CGF กำกับดูแลโดยคณะกรรมการบริหารที่ประกอบด้วยซีอีโอจากบริษัทผู้ผลิตและบริษัทค้าปลีก 50 ราย

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.theconsumergoodsforum.com

เกี่ยวกับ Capgemini

Capgemini เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดในโลกในด้านการให้คำปรึกษา เทคโนโลยี และการจัดจ้างบุคคลภายนอก บริษัทมีพนักงาน 180,000 คนใน 40 ประเทศ และมีรายได้ทั่วโลก 1.0573 หมื่นล้านยูโรในปี 2557 Capgemini สร้างสรรค์และส่งมอบโซลูชั่นธุรกิจ เทคโนโลยี และดิจิตอลที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขัน Capgemini เป็นองค์กรพหุวัฒนธรรมอย่างแท้จริง บริษัทได้พัฒนารูปแบบการดำเนินงานของตนเองอย่าง  Collaborative Business Experience(TM) และใช้โมเดลการส่งสินค้าทั่วโลกอย่าง Rightshore(R) ด้วย  

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.capgemini.com

Rightshore(R) คือเครื่องหมายการค้าของ Capgemini 

ที่มา: Consumer Goods Forum และ Capgemini

No comments:

Post a Comment