Wednesday, August 31, 2016
Puma Energy ขยายทีมงานระดับโลก
Puma Energy บริษัทพลังงานกลางน้ำและปลายน้ำระดับโลก มีความยินดีที่จะประกาศว่า บริษัทได้ขยายทีมงานโดยว่าจ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพิ่ม 2 ตำแหน่ง ได้แก่ หัวหน้าฝ่ายค้าปลีกระดับโลก (Global Head of Retail) และ หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลการปฏิบัติงานระดับโลก (Global Head of Compliance)
(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20160830/402490LOGO )
อเลสซิโอ โตเรลลี เข้าร่วมงานกับบริษัทในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าปลีกระดับโลก โดยย้ายมาจาก Eni Refining & Marketing ซึ่งเขาดูแลในส่วนของบริการเคลื่อนย้าย Retail & Smart Mobility Services ในอิตาลี ก่อนหน้านี้ คุณโตเรลลีได้รับบทบาทหลากหลายในแวดวงค้าปลีกระดับโลก ตั้งแต่นวัตกรรมและการพัฒนา ไปจนถึงพาหนะเพื่อการพาณิชย์ และตั้งแต่การพัฒนาเครือข่าย ไปจนถึงการควบรวมกิจการ ระหว่างที่ร่วมงานกับ Eni และก่อนหน้านั้นที่ Shell (ตั้งแต่ปี 2544 - 2554) ทั้งนี้ Puma Energy มีสถานีบริการน้ำมัน 2,419 แห่งทั่วโลก
แอนดริว แมคแคลร์รอน เข้าร่วมงานกับ Puma Energy ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลการปฏิบัติงานระดับโลก ก่อนหน้านี้ คุณแมคแคลร์รอนทำงานอยู่ที่ BP (ปี 2530-2559) โดยรับผิดชอบแผนงานจริยธรรมและการกำกับดูแลการปฏิบัติงาน (Ethics and Compliance) ให้กับธุรกิจหลายแห่งของบริษัทที่กระจายอยู่ทั่วโลก สำหรับ Puma Energy นั้น ปัจจุบันมีพนักงานที่ทำงานอย่างแข็งขันเป็นจำนวน 7,900 ราย ใน 47 ประเทศ
ปิแอร์ เอลาดารี ซีอีโอของ Puma Energy กล่าวว่า "อเลสซิโอและแอนดริวมีประวัติที่ได้รับการยอมรับในสายงานของตน โดยการควบคุมการปฏิบัติงานได้อย่างดีเยี่ยมในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น เป็นคุณสมบัติสำคัญที่พวกเขาจะนำมาใช้รับมือกับความท้าทายใหม่ที่ Puma Energy เราตั้งเป้าหมายใหญ่ ๆ ไว้เสมอ และบทบาทเหล่านี้จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนผลกำไรของบริษัทให้เติบโตขึ้น"
ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.pumaenergy.com
ที่มา: Puma Energy
Puma Energy Expands Global Team
Puma Energy, the global mid and downstream energy company, is pleased to announce the broadening of its team with two senior hires: a Global Head of Retail and Global Head of Compliance.
Alessio Torelli joins the company as Global Head of Retail from Eni Refining & Marketing where he was responsible for Retail & Smart Mobility Services in Italy. Prior to this, Mr. Torelli covered several international Retail roles, from Innovation & Development to Commercial Fleet, from Network Development to M&A in Eni and previously in Shell (from 2001 to 2011). Puma Energy operates 2,419 retail sites around the world.
Andrew McClarron joins the company as Global Head of Compliance. Previously, Mr. McClarron worked at BP (2016-1987) where he was responsible for every facet of the Ethics and Compliance programme for a number of global businesses. Puma Energy has 7,900 people hard at work in 47 countries.
Pierre Eladari, CEO for Puma Energy said "Alessio and Andrew have proven track records in their respective fields, developing outstanding operational controls in dynamic environments which are the perfect foundations for their new challenge at Puma Energy. We have consistently large ambitions for Puma Energy and these roles can contribute to driving profitable growth."
For further information visit: http://www.pumaenergy.com
Source: Puma Energy
3 นักเรียนไทยคว้ารางวัล Stockholm Junior Water Prize จากผลงานนวัตกรรมกักเก็บน้ำสุดล้ำ
นางสาวสุรีย์พร ตรีเพชรประภา นางสาวธิดารัตน์ เพียรจัด และ นางสาวกาญจนา คมกล้า ตัวแทนนักเรียนจากประเทศไทย ได้รับรางวัล Stockholm Junior Water Prize ประจำปี 2559 จากผลงานนวัตกรรมการกักเก็บน้ำซึ่งทำงานเลียนแบบต้นสับปะรดสี โดยในโอกาสนี้ เจ้าฟ้าชายคาร์ล ฟิลิป แห่งสวีเดน ได้พระราชทานรางวัล ในพิธีมอบรางวัลซึ่งจัดขึ้นที่งานสัปดาห์น้ำโลก (World Water Week) ณ กรุงสตอกโฮล์ม
หลังจากที่ได้ทดสอบประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำตามธรรมชาติของต้นสับปะรดสี โดยเฉพาะด้านรูปทรงของพืชที่สามารถกักเก็บน้ำได้เป็นอย่างดีแล้ว สุรีย์พร ตรีเพชรประภา ธิดารัตน์ เพียรจัด และ กาญจนา คมกล้า จึงได้สร้างอุปกรณ์กักเก็บน้ำที่มีกลไกการทำงานคล้ายกับการเก็บน้ำของต้นสับปะรดสี และได้นำอุปกรณ์ดังกล่าวไปติดตั้งบนต้นยางพารา ซึ่งผลปรากฏว่า นักเรียนไทยทั้ง 3 คนสามารถคว้ารางวัล Stockholm Junior Water Prize ประจำปี 2559 ไปครองได้สำเร็จ จากผลงานดังกล่าวซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ธรรมชาติคือครูที่ดีที่สุดของมนุษย์
คณะกรรมการตัดสินรางวัลรู้สึกประทับใจในความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัด ความวิริยะอุตสาหะ ความกระตือรือร้น และความสนใจ เอาใจใส่ที่มีต่อน้ำ ของนักเรียนไทยผู้ชนะรางวัล
"ผลงานที่ชนะรางวัลในครั้งนี้จะช่วยจัดการกับปัญหาความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในอนาคต รวมทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในชนบท ผ่านการใช้เทคโนโลยีสุดล้ำที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่าย แต่ทว่าซ่อนความซับซ้อนของกลไกภายในไว้เป็นอย่างดี!" คณะกรรมการตัดสินรางวัลระบุในคำประกาศกิตติคุณ
"อุปกรณ์ดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง โดยเกษตรกรหลายร้อยคนได้ทดลองใช้อุปกรณ์ในพื้นที่เพาะปลูก และต่างก็ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพืชสวยงามที่มีศักยภาพในการกักเก็บน้ำอย่างยอดเยี่ยม"
เมื่อถามถึงการต่อยอดโครงการในอนาคต นางสาวสุรีย์พร ตรีเพชรประภา กล่าวว่า "ดิฉันจะนำแนวคิดนี้ไปใช้เพื่อช่วยบรรเทาความยากจนในชุมชนของเรา"
Torgny Holmgren กรรมการบริหารของ Stockholm International Water Institute (SIWI) กล่าวว่า "สิ่งนี้แสดงว่าในการที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้ได้อย่างแท้จริงนั้น เราต้องเริ่มต้นตั้งแต่ระดับชุมชน และผลงานชิ้นนี้ก็ถือเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่สะท้อนถึงความเรียบง่าย ความชาญฉลาด และตอบโจทย์เรื่องการปรับใช้งาน ซึ่งจะสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่"
การแข่งขันชิงรางวัล Stockholm Junior Water Prize จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นความสนใจด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมในหมู่นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ระดับหัวกะทิจากทั่วทุกมุมโลก โดยปีนี้มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับประเทศจำนวนหลายพันคน เพื่อเป็นตัวแทนจาก 29 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้าย ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างงานสัปดาห์น้ำโลกประจำปี 2559 ที่กรุงสตอกโฮล์ม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stockholm International Water Institute, Stockholm Junior Water Prize และ World Water Week สามารถเยี่ยมชมได้ที่ http://www.siwi.org และ http://www.worldwaterweek.org
ที่มา: Stockholm International Water Institute
หลังจากที่ได้ทดสอบประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำตามธรรมชาติของต้นสับปะรดสี โดยเฉพาะด้านรูปทรงของพืชที่สามารถกักเก็บน้ำได้เป็นอย่างดีแล้ว สุรีย์พร ตรีเพชรประภา ธิดารัตน์ เพียรจัด และ กาญจนา คมกล้า จึงได้สร้างอุปกรณ์กักเก็บน้ำที่มีกลไกการทำงานคล้ายกับการเก็บน้ำของต้นสับปะรดสี และได้นำอุปกรณ์ดังกล่าวไปติดตั้งบนต้นยางพารา ซึ่งผลปรากฏว่า นักเรียนไทยทั้ง 3 คนสามารถคว้ารางวัล Stockholm Junior Water Prize ประจำปี 2559 ไปครองได้สำเร็จ จากผลงานดังกล่าวซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ธรรมชาติคือครูที่ดีที่สุดของมนุษย์
คณะกรรมการตัดสินรางวัลรู้สึกประทับใจในความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัด ความวิริยะอุตสาหะ ความกระตือรือร้น และความสนใจ เอาใจใส่ที่มีต่อน้ำ ของนักเรียนไทยผู้ชนะรางวัล
"ผลงานที่ชนะรางวัลในครั้งนี้จะช่วยจัดการกับปัญหาความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในอนาคต รวมทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในชนบท ผ่านการใช้เทคโนโลยีสุดล้ำที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่าย แต่ทว่าซ่อนความซับซ้อนของกลไกภายในไว้เป็นอย่างดี!" คณะกรรมการตัดสินรางวัลระบุในคำประกาศกิตติคุณ
"อุปกรณ์ดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง โดยเกษตรกรหลายร้อยคนได้ทดลองใช้อุปกรณ์ในพื้นที่เพาะปลูก และต่างก็ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพืชสวยงามที่มีศักยภาพในการกักเก็บน้ำอย่างยอดเยี่ยม"
เมื่อถามถึงการต่อยอดโครงการในอนาคต นางสาวสุรีย์พร ตรีเพชรประภา กล่าวว่า "ดิฉันจะนำแนวคิดนี้ไปใช้เพื่อช่วยบรรเทาความยากจนในชุมชนของเรา"
Torgny Holmgren กรรมการบริหารของ Stockholm International Water Institute (SIWI) กล่าวว่า "สิ่งนี้แสดงว่าในการที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้ได้อย่างแท้จริงนั้น เราต้องเริ่มต้นตั้งแต่ระดับชุมชน และผลงานชิ้นนี้ก็ถือเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่สะท้อนถึงความเรียบง่าย ความชาญฉลาด และตอบโจทย์เรื่องการปรับใช้งาน ซึ่งจะสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่"
การแข่งขันชิงรางวัล Stockholm Junior Water Prize จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นความสนใจด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมในหมู่นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ระดับหัวกะทิจากทั่วทุกมุมโลก โดยปีนี้มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับประเทศจำนวนหลายพันคน เพื่อเป็นตัวแทนจาก 29 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้าย ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างงานสัปดาห์น้ำโลกประจำปี 2559 ที่กรุงสตอกโฮล์ม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stockholm International Water Institute, Stockholm Junior Water Prize และ World Water Week สามารถเยี่ยมชมได้ที่ http://www.siwi.org และ http://www.worldwaterweek.org
ที่มา: Stockholm International Water Institute
Thai Students Win 2016 Stockholm Junior Water Prize for Natural Innovative Water Retention Device
Three students from Thailand, Sureeporn Triphetprapa, Thidarat Phianchat and Kanjana Komkla, received the 2016 Stockholm Junior Water Prize on Tuesday for their innovative water retention device that mimics the water retention of the Bromeliad plant. H.R.H. Prince Carl Philip of Sweden presented the prize at an award ceremony during World Water Week in Stockholm.
By examining the efficacy of natural water collection by plants - especially in terms of the shape of plants that collect and capture water - Sureeporn Triphetprapa, Thidarat Phianchat and Kanjana Komkla built a device that mimics the water retention of the Bromeliad plant. The device has also been installed on rubber trees on rubber plantations. For this, they have been awarded the 2016 Stockholm Junior Water Prize, showcasing that nature is the best teacher.
The Jury was impressed by the winners' exceptional creativity, unrelenting diligence, enthusiasm and true passion for water.
"The winning project addresses future water security and rural livelihoods using an elegant leap-frog technology which looks simple, but its beauty masks its complexity!" the Jury said in its citation.
"It has already proven to be scalable and is now being tested in the field, by hundreds of farmers, who are now benefiting from the inspiration from beautiful plants which have an exceptional capacity to collect and store water."
Asked how she would want to take the winning project further, Sureeporn Triphetprapa said: "I will use our idea to relieve poverty in our community."
"This shows that to make real progress towards achieving the Sustainable Development Goals, we need to start at the local level. This is a very good example of that; a simple, smart and scalable solution, making a big difference," said Torgny Holmgren, Executive Director of SIWI.
The Stockholm Junior Water Prize competition brings together the world's brightest young scientists to encourage their continued interest in water and the environment. This year, thousands of participants in countries all over the globe joined national competitions for the chance to represent their nation at the international final held during the World Water Week in Stockholm. Teams from 29 countries competed in the 2016 finals.
Information about Stockholm International Water Institute, Stockholm Junior Water Prize and World Water Week: http://www.siwi.org and http://www.worldwaterweek.org
Press contact: Susanne Hedberg, Communications Officer, Tel +46-8-1213-6036
Source: Stockholm International Water Institute
By examining the efficacy of natural water collection by plants - especially in terms of the shape of plants that collect and capture water - Sureeporn Triphetprapa, Thidarat Phianchat and Kanjana Komkla built a device that mimics the water retention of the Bromeliad plant. The device has also been installed on rubber trees on rubber plantations. For this, they have been awarded the 2016 Stockholm Junior Water Prize, showcasing that nature is the best teacher.
The Jury was impressed by the winners' exceptional creativity, unrelenting diligence, enthusiasm and true passion for water.
"The winning project addresses future water security and rural livelihoods using an elegant leap-frog technology which looks simple, but its beauty masks its complexity!" the Jury said in its citation.
"It has already proven to be scalable and is now being tested in the field, by hundreds of farmers, who are now benefiting from the inspiration from beautiful plants which have an exceptional capacity to collect and store water."
Asked how she would want to take the winning project further, Sureeporn Triphetprapa said: "I will use our idea to relieve poverty in our community."
"This shows that to make real progress towards achieving the Sustainable Development Goals, we need to start at the local level. This is a very good example of that; a simple, smart and scalable solution, making a big difference," said Torgny Holmgren, Executive Director of SIWI.
The Stockholm Junior Water Prize competition brings together the world's brightest young scientists to encourage their continued interest in water and the environment. This year, thousands of participants in countries all over the globe joined national competitions for the chance to represent their nation at the international final held during the World Water Week in Stockholm. Teams from 29 countries competed in the 2016 finals.
Information about Stockholm International Water Institute, Stockholm Junior Water Prize and World Water Week: http://www.siwi.org and http://www.worldwaterweek.org
Press contact: Susanne Hedberg, Communications Officer, Tel +46-8-1213-6036
Source: Stockholm International Water Institute
ASEAN Character Award 2016 Winners Announced
The ASEAN-Japan Centre announced on August 18 the winners of the ASEAN Character Award 2016. This year, three out of 36 self- or recommended nominees were chosen by a group of professional jurors.
The winners will be given opportunities to exhibit their character products at the Tokyo Game Show 2016 on September 15-16, 2016, at Makuhari Messe in Japan. In addition, each winner will have an opportunity of making presentations on their works during the ASEAN Networking Seminar on September 17 at the meeting room 303 of International Conference Hall (3F) at Makuhari Messe.
The winners for the ASEAN Character Award 2016 are:
Grand Prize
"ORIGANIMALS"
Giggle Garage Sdn. Bhd. (Malaysia)
http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M103865/201608293691/_prw_OI1fl_pmY5MHFR.jpg
Second Prize
"Tidlom The Sky Hanger"
Zylostudio Co., Ltd. (Thailand)
http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M103865/201608293691/_prw_OI2fl_YBVm09FQ.jpg
Special Jury Award
"Rickshaw NaPain"
My Play Co., Ltd. (Myanmar)
http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M103865/201608293691/_prw_OI3fl_ODY3Hx56.jpg
For more details on the ASEAN Character Award, please refer to the website at
https://asean.jp/aseancharacter/
For more information, please contact:
ASEAN Character Award Secretariat, ASEAN-Japan Centre
info-aca@asean.jp
About ASEAN-Japan Centre
Since its establishment in 1981 by the governments of ASEAN member states and Japan, the ASEAN Promotion Centre on Trade, Investment and Tourism (ASEAN-Japan Centre) has been promoting exports from ASEAN to Japan while revitalizing investment, tourism and human exchanges between Japan and ASEAN.
Source: ASEAN-Japan Centre
The winners will be given opportunities to exhibit their character products at the Tokyo Game Show 2016 on September 15-16, 2016, at Makuhari Messe in Japan. In addition, each winner will have an opportunity of making presentations on their works during the ASEAN Networking Seminar on September 17 at the meeting room 303 of International Conference Hall (3F) at Makuhari Messe.
The winners for the ASEAN Character Award 2016 are:
Grand Prize
"ORIGANIMALS"
Giggle Garage Sdn. Bhd. (Malaysia)
http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M103865/201608293691/_prw_OI1fl_pmY5MHFR.jpg
Second Prize
"Tidlom The Sky Hanger"
Zylostudio Co., Ltd. (Thailand)
http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M103865/201608293691/_prw_OI2fl_YBVm09FQ.jpg
Special Jury Award
"Rickshaw NaPain"
My Play Co., Ltd. (Myanmar)
http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M103865/201608293691/_prw_OI3fl_ODY3Hx56.jpg
For more details on the ASEAN Character Award, please refer to the website at
https://asean.jp/aseancharacter/
For more information, please contact:
ASEAN Character Award Secretariat, ASEAN-Japan Centre
info-aca@asean.jp
About ASEAN-Japan Centre
Since its establishment in 1981 by the governments of ASEAN member states and Japan, the ASEAN Promotion Centre on Trade, Investment and Tourism (ASEAN-Japan Centre) has been promoting exports from ASEAN to Japan while revitalizing investment, tourism and human exchanges between Japan and ASEAN.
Source: ASEAN-Japan Centre
ASEAN Character Award 2016 ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ASEAN-Japan Centre ได้ประกาศผู้ชนะรางวัล ASEAN Character Award 2016 จำนวน 3 รางวัลที่ผ่านการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ จากผลงานที่ส่งเข้าประกวดหรือได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรวม 36 ผลงานในปีนี้
ผู้ชนะรางวัลจะได้รับโอกาสให้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ตัวการ์ตูนของตนเองที่งาน Tokyo Game Show 2016 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 กันยายน ณ ศูนย์การประชุม Makuhari Messe ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ผู้ชนะแต่ละรายยังจะมีโอกาสได้นำเสนอผลงานของตนในระหว่างงานสัมมนา ASEAN Networking Seminar วันที่ 17 กันยายน ณ ห้องประชุม 303 อาคาร International Conference Hall (ชั้น 3) ของศูนย์การประชุม Makuhari Messe อีกด้วย
ผู้ชนะรางวัล ASEAN Character Award 2016 ได้แก่:
รางวัลชนะเลิศ (Grand Prize)
ผลงาน "ORIGANIMALS"
บริษัท Giggle Garage Sdn. Bhd. (มาเลเซีย)
รางวัลรองชนะเลิศ (Second Prize)
ผลงาน "ติดลม ห้อยเวหา" (Tidlom The Sky Hanger)
บริษัท ไซโลสตูดิโอ จำกัด (ประเทศไทย)
รางวัลขวัญใจกรรมการ (Special Jury Award)
ผลงาน "Rickshaw NaPain"
บริษัท My Play Co., Ltd. (เมียนมา)
http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M103865/201608293691/_prw_OI3fl_ODY3Hx56.jpg
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัล ASEAN Character Award ได้ทางเว็บไซต์
https://asean.jp/aseancharacter/
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
ASEAN Character Award Secretariat, ASEAN-Japan Centre
info-aca@asean.jp
เกี่ยวกับ ASEAN-Japan Centre
ASEAN Promotion Centre on Trade, Investment and Tourism (ASEAN-Japan Centre) ก่อตั้งขึ้นในปี 1981 โดยรัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการส่งออกของอาเซียนไปยังญี่ปุ่น พร้อมกับฟื้นฟูการลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างญี่ปุ่นและอาเซียน
ที่มา: ASEAN-Japan Centre
ASEAN Character Award 2016 Winners Announced
The ASEAN-Japan Centre announced on August 18 the winners of the ASEAN Character Award 2016. This year, three out of 36 self- or recommended nominees were chosen by a group of professional jurors.
The winners will be given opportunities to exhibit their character products at the Tokyo Game Show 2016 on September 15-16, 2016, at Makuhari Messe in Japan. In addition, each winner will have an opportunity of making presentations on their works during the ASEAN Networking Seminar on September 17 at the meeting room 303 of International Conference Hall (3F) at Makuhari Messe.
The winners for the ASEAN Character Award 2016 are:
Grand Prize
"ORIGANIMALS"
Giggle Garage Sdn. Bhd. (Malaysia)
Second Prize
"Tidlom The Sky Hanger"
Zylostudio Co., Ltd. (Thailand)
Special Jury Award
"Rickshaw NaPain"
My Play Co., Ltd. (Myanmar)
For more details on the ASEAN Character Award, please refer to the website at
https://asean.jp/aseancharacter/
For more information, please contact:
ASEAN Character Award Secretariat, ASEAN-Japan Centre
info-aca@asean.jp
About ASEAN-Japan Centre
Since its establishment in 1981 by the governments of ASEAN member states and Japan, the ASEAN Promotion Centre on Trade, Investment and Tourism (ASEAN-Japan Centre) has been promoting exports from ASEAN to Japan while revitalizing investment, tourism and human exchanges between Japan and ASEAN.
Source: ASEAN-Japan Centre
The winners will be given opportunities to exhibit their character products at the Tokyo Game Show 2016 on September 15-16, 2016, at Makuhari Messe in Japan. In addition, each winner will have an opportunity of making presentations on their works during the ASEAN Networking Seminar on September 17 at the meeting room 303 of International Conference Hall (3F) at Makuhari Messe.
The winners for the ASEAN Character Award 2016 are:
Grand Prize
"ORIGANIMALS"
Giggle Garage Sdn. Bhd. (Malaysia)
Second Prize
"Tidlom The Sky Hanger"
Zylostudio Co., Ltd. (Thailand)
Special Jury Award
"Rickshaw NaPain"
My Play Co., Ltd. (Myanmar)
For more details on the ASEAN Character Award, please refer to the website at
https://asean.jp/aseancharacter/
For more information, please contact:
ASEAN Character Award Secretariat, ASEAN-Japan Centre
info-aca@asean.jp
About ASEAN-Japan Centre
Since its establishment in 1981 by the governments of ASEAN member states and Japan, the ASEAN Promotion Centre on Trade, Investment and Tourism (ASEAN-Japan Centre) has been promoting exports from ASEAN to Japan while revitalizing investment, tourism and human exchanges between Japan and ASEAN.
Source: ASEAN-Japan Centre
อิเซตัน มิทซึโคชิ กรุ๊ป เตรียมเปิดสเปเชียลตี้สโตร์แห่งใหม่ "ISETAN The Japan Store Kuala Lumpur" ในมาเลเซีย นำเสนอคุณภาพ ไลฟ์สไตล์ และความงามตามแบบฉบับญี่ปุ่นขนานแท้
อิเซตัน มิทซึโคชิ กรุ๊ป ด้วยการสนับสนุนจากกองทุน คูล เจเปน ฟันด์ อิงค์ ของรัฐบาล จะเปิดสเปเชียลตี้สโตร์แห่งใหม่ "ISETAN The Japan Store Kuala Lumpur" ในประเทศมาเลเซีย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2016
เนื่องจากความสนใจในญี่ปุ่นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั่วทุกมุมโลก เราจึงมีความยินดีที่จะได้แนะนำประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เทคโนโลยี ความหลากหลาย และการออกแบบที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของญี่ปุ่นให้ชาวโลกได้เห็นและสัมผัส ร้านแห่งใหม่นี้จะนำเสนอไลฟ์สไตล์และความงามแบบฉบับญี่ปุ่นให้แก่ลูกค้า โดยเราไม่เพียงมอบสิ่งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังจะสร้างประสบการณ์ความเป็นญี่ปุ่นขนานแท้อีกด้วย
ร้านนี้มี 6 ชั้น ซึ่งจะจัดแสดงสินค้าคุณภาพสูง ตลอดจนนำเสนอประสบการณ์และบริการต่างๆ ดังนี้:
ชั้น LFG: เปิดประสบการณ์รับประทานอาหารรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับรสชาติและเทคโนโลยีตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค สาเก เบียร์และวิสกี้ ขนมญี่ปุ่นและตะวันตก ชาเชียว อาหารสำเร็จรูป พื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร และอาหารสด เป็นต้น
ชั้น GF: พื้นที่จัดแสดงแฟชั่น ศิลปะ เทคโนโลยี และความหลากหลายของญี่ปุ่น
ชั้น 1F: ศูนย์รวมวัฒนธรรมแฟชั่นของญี่ปุ่น สะท้อนการผสมผสานอย่างเป็นเอกลักษณ์
ชั้น 2F: แหล่งรวมวัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีสุดแนวจากญี่ปุ่น ที่จะช่วยยกระดับไลฟ์สไตล์สุขภาพและความงาม
ชั้น 3F: สัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ผ่านร้านหนังสือ โรงเรียนสอนวัฒนธรรม และเลานจ์สำหรับถ่ายรูป เป็นต้น
ชั้น 4F: พบกับร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ พร้อมเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2017
ฮิโรชิ โอนิชิ ประธานและซีอีโอ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า:
"เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์ และการบริการที่ยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นให้โลกได้รู้จัก ตามที่กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่นได้เปิดตัวโครงการ "Cool Japan" เมื่อปี 2011 เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ประจำภูมิภาค แฟชั่น และสินค้าอื่นๆ ของญี่ปุ่นไปทั่วโลก โดยในการนี้ อิเซตัน มิทซึโคชิ กรุ๊ป ได้เปิดตัวแคมเปญ "JAPAN SENSES" เพื่อนำเสนอผลงานที่สะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่นจากทั่วประเทศญี่ปุ่น ผสมผสานการออกแบบที่มีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ให้กับลูกค้าของเรา และเพื่อเป็นการถ่ายทอดเจตนารมณ์ของ "Cool Japan" ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น บัดนี้ เราพร้อมแล้วที่จะแสดงให้โลกได้เห็นถึงฝีมืออันยอดเยี่ยมซึ่งญี่ปุ่นภูมิใจนำเสนอ ณ ศูนย์การค้า LOT 10 ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ด้วยการสนับสนุนจาก คูล เจเปน ฟันด์ อิงค์"
ข้อมูลร้านโดยสังเขป:
ชื่อร้าน: ISETAN The Japan Store Kuala Lumpur
บริษัท: Isetan Cool Japan Department Store SDN. BHD.
ที่ตั้ง: LOT 10 Shopping Centre, 50 Jalan Sultan Ismail, 50250 Kuala Lumpur, Malaysia
ขนาด: ประมาณ 11,000 ตร.ม.
ข่าวประชาสัมพันธ์ต้นฉบับ (ภาษาอังกฤษ):
http://pdf.irpocket.com/C3099/xoy0/i7rK/g0ec.pdf
เว็บไซต์ The Japan Store: http://thejapanstore.mistore.jp/
เว็บไซต์บริษัท: http://www.imhds.co.jp/english/
เนื่องจากความสนใจในญี่ปุ่นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั่วทุกมุมโลก เราจึงมีความยินดีที่จะได้แนะนำประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เทคโนโลยี ความหลากหลาย และการออกแบบที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของญี่ปุ่นให้ชาวโลกได้เห็นและสัมผัส ร้านแห่งใหม่นี้จะนำเสนอไลฟ์สไตล์และความงามแบบฉบับญี่ปุ่นให้แก่ลูกค้า โดยเราไม่เพียงมอบสิ่งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังจะสร้างประสบการณ์ความเป็นญี่ปุ่นขนานแท้อีกด้วย
ร้านนี้มี 6 ชั้น ซึ่งจะจัดแสดงสินค้าคุณภาพสูง ตลอดจนนำเสนอประสบการณ์และบริการต่างๆ ดังนี้:
ชั้น LFG: เปิดประสบการณ์รับประทานอาหารรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับรสชาติและเทคโนโลยีตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค สาเก เบียร์และวิสกี้ ขนมญี่ปุ่นและตะวันตก ชาเชียว อาหารสำเร็จรูป พื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร และอาหารสด เป็นต้น
ชั้น GF: พื้นที่จัดแสดงแฟชั่น ศิลปะ เทคโนโลยี และความหลากหลายของญี่ปุ่น
ชั้น 1F: ศูนย์รวมวัฒนธรรมแฟชั่นของญี่ปุ่น สะท้อนการผสมผสานอย่างเป็นเอกลักษณ์
ชั้น 2F: แหล่งรวมวัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีสุดแนวจากญี่ปุ่น ที่จะช่วยยกระดับไลฟ์สไตล์สุขภาพและความงาม
ชั้น 3F: สัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ผ่านร้านหนังสือ โรงเรียนสอนวัฒนธรรม และเลานจ์สำหรับถ่ายรูป เป็นต้น
ชั้น 4F: พบกับร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ พร้อมเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2017
ฮิโรชิ โอนิชิ ประธานและซีอีโอ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า:
"เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์ และการบริการที่ยอดเยี่ยมของญี่ปุ่นให้โลกได้รู้จัก ตามที่กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่นได้เปิดตัวโครงการ "Cool Japan" เมื่อปี 2011 เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ประจำภูมิภาค แฟชั่น และสินค้าอื่นๆ ของญี่ปุ่นไปทั่วโลก โดยในการนี้ อิเซตัน มิทซึโคชิ กรุ๊ป ได้เปิดตัวแคมเปญ "JAPAN SENSES" เพื่อนำเสนอผลงานที่สะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่นจากทั่วประเทศญี่ปุ่น ผสมผสานการออกแบบที่มีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ให้กับลูกค้าของเรา และเพื่อเป็นการถ่ายทอดเจตนารมณ์ของ "Cool Japan" ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น บัดนี้ เราพร้อมแล้วที่จะแสดงให้โลกได้เห็นถึงฝีมืออันยอดเยี่ยมซึ่งญี่ปุ่นภูมิใจนำเสนอ ณ ศูนย์การค้า LOT 10 ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ด้วยการสนับสนุนจาก คูล เจเปน ฟันด์ อิงค์"
ข้อมูลร้านโดยสังเขป:
ชื่อร้าน: ISETAN The Japan Store Kuala Lumpur
บริษัท: Isetan Cool Japan Department Store SDN. BHD.
ที่ตั้ง: LOT 10 Shopping Centre, 50 Jalan Sultan Ismail, 50250 Kuala Lumpur, Malaysia
ขนาด: ประมาณ 11,000 ตร.ม.
ข่าวประชาสัมพันธ์ต้นฉบับ (ภาษาอังกฤษ):
http://pdf.irpocket.com/C3099/xoy0/i7rK/g0ec.pdf
เว็บไซต์ The Japan Store: http://thejapanstore.mistore.jp/
เว็บไซต์บริษัท: http://www.imhds.co.jp/english/
Isetan Mitsukoshi Group to Open New Specialty Store "ISETAN The Japan Store Kuala Lumpur" in Malaysia, Introducing Genuine Japanese Quality, Lifestyles and Aesthetics
The Isetan Mitsukoshi Group, supported by the government-financed Cool Japan Fund Inc., will open a new specialty store, "ISETAN The Japan Store Kuala Lumpur," in Malaysia at the end of October 2016.
As global interest in Japan continues to grow, we are pleased to introduce Japanese history, culture, technology, diversity and lifestyle designs. The new store will deliver Japanese lifestyles and aesthetics to customers. We will bring not only the best of Japan, but authentic Japanese experiences as well.
The store will have six floors introducing high-quality products, experiences and services:
LGF: New dining style based on authentic Japanese tastes and technologies -- groceries, sake, beer & whisky, Japanese and Western sweets and green tea, delicatessen, eat-in dining space, fresh foods, etc.
GF: Fashion, art, technology and Japan's rich diversity are expressed
1F: Japan's fashion culture, a melting pot of unique combinations
2F: A collection of products featuring unique Japanese materials and technology to enhance beautiful, healthy lifestyles
3F: Experience Japanese culture -- bookstore, culture academy, photo lounge, etc.
4F: Restaurant floor featuring authentic Japanese cuisine opening in January 2017
Comment by Hiroshi Ohnishi, President and CEO:
"We will introduce Japan's exceptional products, experiences and services to the world. In 2011, Japan's Ministry of Economy, Trade and Industry (METI) launched "Cool Japan," a program promoting the introduction of regional products, fashion and other content to the world. In this context, the Isetan Mitsukoshi Group has promoted the "JAPAN SENSES" campaign, introducing to our customers remarkable traditional crafts from all over Japan, styling them with a newborn originality. Now, to more clearly convey the spirit of "Cool Japan," we are ready to show the world the exceptional craftsmanship Japan is proud to offer at the fully renovated LOT 10 in Kuala Lumpur, supported by Cool Japan Fund Inc."
Store Overview:
Store name: ISETAN The Japan Store Kuala Lumpur
Company: Isetan Cool Japan Department Store SDN. BHD.
Store location: LOT 10 Shopping Centre, 50 Jalan Sultan Ismail, 50250 Kuala Lumpur, Malaysia
Store size: Approximately 11,000 m2
Original press release (English):
http://pdf.irpocket.com/C3099/xoy0/i7rK/g0ec.pdf
The Japan Store website: http://thejapanstore.mistore.jp/
Corporate website: http://www.imhds.co.jp/english/
As global interest in Japan continues to grow, we are pleased to introduce Japanese history, culture, technology, diversity and lifestyle designs. The new store will deliver Japanese lifestyles and aesthetics to customers. We will bring not only the best of Japan, but authentic Japanese experiences as well.
The store will have six floors introducing high-quality products, experiences and services:
LGF: New dining style based on authentic Japanese tastes and technologies -- groceries, sake, beer & whisky, Japanese and Western sweets and green tea, delicatessen, eat-in dining space, fresh foods, etc.
GF: Fashion, art, technology and Japan's rich diversity are expressed
1F: Japan's fashion culture, a melting pot of unique combinations
2F: A collection of products featuring unique Japanese materials and technology to enhance beautiful, healthy lifestyles
3F: Experience Japanese culture -- bookstore, culture academy, photo lounge, etc.
4F: Restaurant floor featuring authentic Japanese cuisine opening in January 2017
Comment by Hiroshi Ohnishi, President and CEO:
"We will introduce Japan's exceptional products, experiences and services to the world. In 2011, Japan's Ministry of Economy, Trade and Industry (METI) launched "Cool Japan," a program promoting the introduction of regional products, fashion and other content to the world. In this context, the Isetan Mitsukoshi Group has promoted the "JAPAN SENSES" campaign, introducing to our customers remarkable traditional crafts from all over Japan, styling them with a newborn originality. Now, to more clearly convey the spirit of "Cool Japan," we are ready to show the world the exceptional craftsmanship Japan is proud to offer at the fully renovated LOT 10 in Kuala Lumpur, supported by Cool Japan Fund Inc."
Store Overview:
Store name: ISETAN The Japan Store Kuala Lumpur
Company: Isetan Cool Japan Department Store SDN. BHD.
Store location: LOT 10 Shopping Centre, 50 Jalan Sultan Ismail, 50250 Kuala Lumpur, Malaysia
Store size: Approximately 11,000 m2
Original press release (English):
http://pdf.irpocket.com/C3099/xoy0/i7rK/g0ec.pdf
The Japan Store website: http://thejapanstore.mistore.jp/
Corporate website: http://www.imhds.co.jp/english/
เพลง “Imagine” เวอร์ชั่นใหม่ของเซอร์ ไอแวน ฮอตฮิตติด 3 ชาร์ตเพลงดังระดับโลก
เซอร์ ไอแวน นักร้องและนักการกุศลชื่อดัง สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเพลง ด้วยการพาเพลง "Imagine" เวอร์ชั่นใหม่ที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับของจอห์น เลนนอน ลอยลำติดท็อป 10 ของ 3 ชาร์ตเพลงดังระดับโลก ซึ่งนับเป็นเวลา 45 ปีพอดีหลังจากที่เพลง "Imagine" เวอร์ชั่นต้นฉบับเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 1971
ในสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจอห์น เลนนอน เพลง "Imagine" ของเซอร์ ไอแวน ติดอันดับ 9 บน Commercial Pop Chart ของ Music Week โดยเพลงนี้เข้าสู่ชาร์ตในเดือนสิงหาคมพร้อมๆกับเพลงของเซเลน่า โกเมซ, บ๊อบ ซินแคลร์, อัชเชอร์ และคาลวิน แฮร์ริส
ส่วนในสหรัฐอเมริกา เพลง "Imagine" ของเซอร์ ไอแวน ก็รั้งอันดับ 9 บน National Dance/Crossover Top 40 Chart ของ DJ Times นิตยสารสำหรับดีเจมืออาชีพที่เก่าแก่ที่สุดและได้รับการยอมรับมากที่สุดในอเมริกา โดยเพลงนี้ติดชาร์ตพร้อมกับเพลงของจัสติน ทิมเบอร์เลค, จัสติน บีเบอร์, เซีย, ฌอน พอล และริฮานน่า
สำหรับในนิวซีแลนด์นั้น เพลง "Imagine" ของเซอร์ ไอแวน เป็นเพลงที่ดีเจดาวน์โหลดมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในเดือนกรกฎาคมบนเว็บไซต์ของ Serato White Label ในเครือ SERATO ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ต่างๆสำหรับดีเจ โดยเพลงนี้ติดชาร์ตพร้อมกับเพลงของเกว็น สเตฟานี, เอ็ม.ไอ.เอ. และอิมานี
นอกจากนี้ เพลง "Imagine" เวอร์ชั่นอิเล็กทรอนิกแดนซ์ (EDM) ของเซอร์ ไอแวน ( http://bit.ly/2bzzO9D ) ยังฮอตฮิตติด Billboard Dance Club Chart นานหลายสัปดาห์ เพลงนี้เกิดจากการโปรดิวซ์ร่วมกันระหว่างโอมาร์ โอแกรม เจ้าของรางวัลแกรมมี่ และปีเตอร์ ราเฟลสัน นักเรียบเรียงดนตรีระดับตำนาน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วโลก โดยแฟนเพลง "Imagine" ต่างขยับแข้งขยับขาไปพร้อมกับเพลงดังเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกจากอัลบัมใหม่ "Peaceman Shines" ( http://bit.ly/2c9Yryf ) ที่มีทั้งสิ้น 10 เพลง โดยส่วนใหญ่เป็นเพลงต่อต้านสงครามและส่งเสริมสันติภาพจากยุค 60 และต้นยุค 70 ที่นำมาสร้างสรรค์ใหม่โดยโปรดิวเซอร์ 10 คน และมี 2 เพลงใหม่ที่เซอร์ ไอแวน เป็นผู้ร่วมแต่งเพลงขึ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซอร์ ไอแวน เปิดตัวเพลง "Imagine" เวอร์ชั่นใหม่ เขาเคยทำเช่นนี้มาแล้วเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2001 หรือก่อนเกิดโศกนาฏกรรม 11 กันยายนเพียงหนึ่งสัปดาห์ โดยในตอนนั้นเขาได้เริ่มเดินบนเส้นทางสายดนตรี และกลายเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ที่นำเพลงบัลลาดช้าๆ ของวงเดอะ บีเทิลส์ และจอห์น เลนนอน มาทำเป็นเพลงแดนซ์จังหวะเร็ว เซอร์ ไอแวน ได้เซ็นสัญญากับทอม ซิลเวอร์แมน เจ้าของค่ายเพลง Tommy Boy Label และเพลง "Imagine" เวอร์ชั่นใหม่ของเขาก็ทะยานขึ้นติดท็อป 40 บน Billboard Dance Chart ในทันที ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้กาลเวลาผ่านไป 30 ปีหลังจอห์น เลนนอน เปิดตัวเพลงเวอร์ชั่นต้นฉบับในปี 1971 เนื้อเพลง "Imagine" ก็ยังคงมีความหมายต่อคนรุ่นใหม่ และบัดนี้ แม้ผ่านไปแล้ว 15 ปีหลังเซอร์ ไอแวน เปิดตัวเพลงเวอร์ชั่นดัดแปลงครั้งแรกเมื่อปี 2001 การก่อการร้ายก็ยังมีอยู่ทั่วโลก เขาจึงถือโอกาสนี้เยียวยาโลกด้วยเสียงเพลงอีกครั้ง และได้เรียกร้องให้ผู้คนทั่วโลกรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมกับระดมทุนเพื่อสาธารณประโยชน์ด้วย
ในปี 2005 เซอร์ ไอแวน บุตรชายของซิกกี บี วิลซิก ผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกันเอาชวิทซ์ ได้ก่อตั้งมูลนิธิ The Peaceman Foundation ขึ้น ในฐานะองค์กรการกุศลที่บริจาคเงินให้แก่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอื่นๆ ซึ่งช่วยเหลือผู้คนที่ประสบภาวะความผิดปกติทางจิตใจเนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD) อันเป็นผลจากการเผชิญเหตุการณ์รุนแรง เช่น การทำร้ายร่างกายกลุ่ม LGBT รวมถึงความโหดร้ายของสงครามและการก่อการร้าย เป็นต้น เซอร์ ไอแวน เข้าใจเป็นอย่างดีว่าผู้รอดชีวิตต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เนื่องจากบิดาของเขาประสบภาวะ PTSD โดยมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง มองเห็นภาพในอดีต ฝันร้าย และซึมเศร้า อันเป็นผลมาจากการถูกทารุณในค่ายกักกันและการเสียชีวิตของสมาชิกครอบครัว 59 คนในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั้งนี้ เงินค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดจากซิงเกิล "Imagine" และอัลบัม "Peaceman Shines" ของเซอร์ ไอแวน จะนำไปบริจาคให้กับ The Peaceman Foundation เพื่อต่อสู้กับ PTSD และเยียวยาบาดแผลทางจิตใจอันเกิดจากความเกลียดชังและความรุนแรง โดยทั้งซิงเกิลเพลงและอัลบัมวางจำหน่ายแล้วบน iTunes, Amazon MP3 และร้านจำหน่ายเพลงดิจิตอลชั้นนำอีกมากมาย ส่วนซีดีสามารถซื้อได้ที่ CD Baby
เพลง "Imagine" ของเซอร์ ไอแวน บน iTunes: https://itun.es/us/U99Tcb
อัลบัม "Peaceman Shines" ของเซอร์ ไอแวน บน iTunes: https://itun.es/us/D-pXcb
รับชมข้อมูลเกี่ยวกับเซอร์ ไอแวน และ The Peaceman Foundation ได้ที่ www.SirIvan.com และ www.SirIvan.com/The-Peaceman-Foundation
ในสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจอห์น เลนนอน เพลง "Imagine" ของเซอร์ ไอแวน ติดอันดับ 9 บน Commercial Pop Chart ของ Music Week โดยเพลงนี้เข้าสู่ชาร์ตในเดือนสิงหาคมพร้อมๆกับเพลงของเซเลน่า โกเมซ, บ๊อบ ซินแคลร์, อัชเชอร์ และคาลวิน แฮร์ริส
ส่วนในสหรัฐอเมริกา เพลง "Imagine" ของเซอร์ ไอแวน ก็รั้งอันดับ 9 บน National Dance/Crossover Top 40 Chart ของ DJ Times นิตยสารสำหรับดีเจมืออาชีพที่เก่าแก่ที่สุดและได้รับการยอมรับมากที่สุดในอเมริกา โดยเพลงนี้ติดชาร์ตพร้อมกับเพลงของจัสติน ทิมเบอร์เลค, จัสติน บีเบอร์, เซีย, ฌอน พอล และริฮานน่า
สำหรับในนิวซีแลนด์นั้น เพลง "Imagine" ของเซอร์ ไอแวน เป็นเพลงที่ดีเจดาวน์โหลดมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในเดือนกรกฎาคมบนเว็บไซต์ของ Serato White Label ในเครือ SERATO ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ต่างๆสำหรับดีเจ โดยเพลงนี้ติดชาร์ตพร้อมกับเพลงของเกว็น สเตฟานี, เอ็ม.ไอ.เอ. และอิมานี
นอกจากนี้ เพลง "Imagine" เวอร์ชั่นอิเล็กทรอนิกแดนซ์ (EDM) ของเซอร์ ไอแวน ( http://bit.ly/2bzzO9D ) ยังฮอตฮิตติด Billboard Dance Club Chart นานหลายสัปดาห์ เพลงนี้เกิดจากการโปรดิวซ์ร่วมกันระหว่างโอมาร์ โอแกรม เจ้าของรางวัลแกรมมี่ และปีเตอร์ ราเฟลสัน นักเรียบเรียงดนตรีระดับตำนาน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วโลก โดยแฟนเพลง "Imagine" ต่างขยับแข้งขยับขาไปพร้อมกับเพลงดังเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกจากอัลบัมใหม่ "Peaceman Shines" ( http://bit.ly/2c9Yryf ) ที่มีทั้งสิ้น 10 เพลง โดยส่วนใหญ่เป็นเพลงต่อต้านสงครามและส่งเสริมสันติภาพจากยุค 60 และต้นยุค 70 ที่นำมาสร้างสรรค์ใหม่โดยโปรดิวเซอร์ 10 คน และมี 2 เพลงใหม่ที่เซอร์ ไอแวน เป็นผู้ร่วมแต่งเพลงขึ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซอร์ ไอแวน เปิดตัวเพลง "Imagine" เวอร์ชั่นใหม่ เขาเคยทำเช่นนี้มาแล้วเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2001 หรือก่อนเกิดโศกนาฏกรรม 11 กันยายนเพียงหนึ่งสัปดาห์ โดยในตอนนั้นเขาได้เริ่มเดินบนเส้นทางสายดนตรี และกลายเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ที่นำเพลงบัลลาดช้าๆ ของวงเดอะ บีเทิลส์ และจอห์น เลนนอน มาทำเป็นเพลงแดนซ์จังหวะเร็ว เซอร์ ไอแวน ได้เซ็นสัญญากับทอม ซิลเวอร์แมน เจ้าของค่ายเพลง Tommy Boy Label และเพลง "Imagine" เวอร์ชั่นใหม่ของเขาก็ทะยานขึ้นติดท็อป 40 บน Billboard Dance Chart ในทันที ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้กาลเวลาผ่านไป 30 ปีหลังจอห์น เลนนอน เปิดตัวเพลงเวอร์ชั่นต้นฉบับในปี 1971 เนื้อเพลง "Imagine" ก็ยังคงมีความหมายต่อคนรุ่นใหม่ และบัดนี้ แม้ผ่านไปแล้ว 15 ปีหลังเซอร์ ไอแวน เปิดตัวเพลงเวอร์ชั่นดัดแปลงครั้งแรกเมื่อปี 2001 การก่อการร้ายก็ยังมีอยู่ทั่วโลก เขาจึงถือโอกาสนี้เยียวยาโลกด้วยเสียงเพลงอีกครั้ง และได้เรียกร้องให้ผู้คนทั่วโลกรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมกับระดมทุนเพื่อสาธารณประโยชน์ด้วย
ในปี 2005 เซอร์ ไอแวน บุตรชายของซิกกี บี วิลซิก ผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกันเอาชวิทซ์ ได้ก่อตั้งมูลนิธิ The Peaceman Foundation ขึ้น ในฐานะองค์กรการกุศลที่บริจาคเงินให้แก่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอื่นๆ ซึ่งช่วยเหลือผู้คนที่ประสบภาวะความผิดปกติทางจิตใจเนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD) อันเป็นผลจากการเผชิญเหตุการณ์รุนแรง เช่น การทำร้ายร่างกายกลุ่ม LGBT รวมถึงความโหดร้ายของสงครามและการก่อการร้าย เป็นต้น เซอร์ ไอแวน เข้าใจเป็นอย่างดีว่าผู้รอดชีวิตต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เนื่องจากบิดาของเขาประสบภาวะ PTSD โดยมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง มองเห็นภาพในอดีต ฝันร้าย และซึมเศร้า อันเป็นผลมาจากการถูกทารุณในค่ายกักกันและการเสียชีวิตของสมาชิกครอบครัว 59 คนในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั้งนี้ เงินค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดจากซิงเกิล "Imagine" และอัลบัม "Peaceman Shines" ของเซอร์ ไอแวน จะนำไปบริจาคให้กับ The Peaceman Foundation เพื่อต่อสู้กับ PTSD และเยียวยาบาดแผลทางจิตใจอันเกิดจากความเกลียดชังและความรุนแรง โดยทั้งซิงเกิลเพลงและอัลบัมวางจำหน่ายแล้วบน iTunes, Amazon MP3 และร้านจำหน่ายเพลงดิจิตอลชั้นนำอีกมากมาย ส่วนซีดีสามารถซื้อได้ที่ CD Baby
เพลง "Imagine" ของเซอร์ ไอแวน บน iTunes: https://itun.es/us/U99Tcb
อัลบัม "Peaceman Shines" ของเซอร์ ไอแวน บน iTunes: https://itun.es/us/D-pXcb
รับชมข้อมูลเกี่ยวกับเซอร์ ไอแวน และ The Peaceman Foundation ได้ที่ www.SirIvan.com และ www.SirIvan.com/The-Peaceman-Foundation
SIR IVAN's "Imagine" Ranks Top 10 In The World 45 Years After John Lennon's Original
Music history was made this month as pop star and philanthropist SIR IVAN went Top 10 with an all new uptempo version of John Lennon's "Imagine", on three significant industry charts, 45 years after the original release in 1971.
In the U.K. where John Lennon was born, "Imagine" by SIR IVAN ranks # 9 on Music Week's Commercial Pop Chart. SIR IVAN entered the radio chart in August along with Selena Gomez, Bob Sinclar, Usher and Calvin Harris.
In the U.S., John Lennon's adopted home, "Imagine" by SIR IVAN coincidentally also ranks # 9 on the DJ Times National Dance/Crossover Top 40 Chart. The DJ Times is the oldest and most respected magazine for professional DJs in America. SIR IVAN entered the club chart along with Justin Timberlake, Justin Bieber, Sia, Sean Paul and Rihanna.
New Zealand based SERATO'S promotion division, Serato White Label, ranks "Imagine" by SIR lVAN # 1 for the greatest amount of DJ downloads during the month of July. SERATO is the leading DJ equipment and software manufacturer in the world. Although SIR IVAN sits on the top of the chart, he was also joined by Gwen Stefani, M.I.A. and Imany.
SIR IVAN's new electronic dance music (EDM) version of "Imagine" ( http://bit.ly/2bzzO9D ) spent weeks on the Billboard Dance Club Chart. The song was co-produced by Grammy Award winner Omar Akram and legendary music arranger Peter Rafelson. It has been praised globally and fans of both the original and the new are dancing and working out to the most iconic peace song ever written. "Imagine" is the first single released off SIR IVAN's new 10 song album called "Peaceman Shines" ( http://bit.ly/2c9Yryf ). Each of the 10 songs, created by 10 different producers, are well known anti-war or peace songs from the 60s and early 70s, except for two original songs, co-written by SIR IVAN, that share the same theme.
This is not the first time SIR IVAN has released an uptempo version of "Imagine." He did so on September 4th, 2001, exactly one week before September 11th, when he launched his music career and became the first recording artist in history to turn any slow ballad of the Beatles or John Lennon into an uptempo dance record. Personally signed to the Tommy Boy label by its owner, Tom Silverman, SIR IVAN's revolutionary fast paced version of "Imagine" became an instant Top 40 hit on the Billboard Dance Club Chart. This proved that even thirty years after the original was released by John Lennon in 1971, the lyrics of "Imagine" were just as relevant to a whole new generation. Now, 15 years after SIR IVAN first turned the ballad into a dance record, and because terrorist attacks are occurring all over the world, he is once again giving the planet an opportunity to heal itself through the therapeutic power of music. He urges us to come together as one, while raising money for a worthy cause.
In 2005, SIR IVAN, son of Auschwitz survivor Siggi B. Wilzig, created The Peaceman Foundation, a charity that donates funds to other non-profit organizations that help people suffering from Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD). PTSD is a debilitating mental condition that often results from exposure to severe acts of violence, such as physical attacks against members of the LGBT community, atrocities of war and terrorism. SIR IVAN has seen firsthand what survivors go through. His own father suffered from classic PTSD symptoms; fierce headaches, flashbacks, nightmares and depression, as a result of brutal beatings in the concentration camps and the murder of 59 members of his family during the Holocaust. All of SIR IVAN's recording artist royalties from the single "Imagine" and the album "Peaceman Shines" will be donated to The Peaceman Foundation to battle PTSD and provide treatment for the psychological wounds caused by hatred and violence. Both are available on iTunes, Amazon MP3, and many other top digital music stores. Physical CDs can be purchased at CD baby.
SIR IVAN's "Imagine" on iTunes: https://itun.es/us/U99Tcb
SIR IVAN's album "Peaceman Shines" on iTunes: https://itun.es/us/D-pXcb
For information on SIR IVAN and The Peaceman Foundation – please follow the below links:
http://www.sirivan.com/ and www.SirIvan.com/The-Peaceman-Foundation
In the U.K. where John Lennon was born, "Imagine" by SIR IVAN ranks # 9 on Music Week's Commercial Pop Chart. SIR IVAN entered the radio chart in August along with Selena Gomez, Bob Sinclar, Usher and Calvin Harris.
In the U.S., John Lennon's adopted home, "Imagine" by SIR IVAN coincidentally also ranks # 9 on the DJ Times National Dance/Crossover Top 40 Chart. The DJ Times is the oldest and most respected magazine for professional DJs in America. SIR IVAN entered the club chart along with Justin Timberlake, Justin Bieber, Sia, Sean Paul and Rihanna.
New Zealand based SERATO'S promotion division, Serato White Label, ranks "Imagine" by SIR lVAN # 1 for the greatest amount of DJ downloads during the month of July. SERATO is the leading DJ equipment and software manufacturer in the world. Although SIR IVAN sits on the top of the chart, he was also joined by Gwen Stefani, M.I.A. and Imany.
SIR IVAN's new electronic dance music (EDM) version of "Imagine" ( http://bit.ly/2bzzO9D ) spent weeks on the Billboard Dance Club Chart. The song was co-produced by Grammy Award winner Omar Akram and legendary music arranger Peter Rafelson. It has been praised globally and fans of both the original and the new are dancing and working out to the most iconic peace song ever written. "Imagine" is the first single released off SIR IVAN's new 10 song album called "Peaceman Shines" ( http://bit.ly/2c9Yryf ). Each of the 10 songs, created by 10 different producers, are well known anti-war or peace songs from the 60s and early 70s, except for two original songs, co-written by SIR IVAN, that share the same theme.
This is not the first time SIR IVAN has released an uptempo version of "Imagine." He did so on September 4th, 2001, exactly one week before September 11th, when he launched his music career and became the first recording artist in history to turn any slow ballad of the Beatles or John Lennon into an uptempo dance record. Personally signed to the Tommy Boy label by its owner, Tom Silverman, SIR IVAN's revolutionary fast paced version of "Imagine" became an instant Top 40 hit on the Billboard Dance Club Chart. This proved that even thirty years after the original was released by John Lennon in 1971, the lyrics of "Imagine" were just as relevant to a whole new generation. Now, 15 years after SIR IVAN first turned the ballad into a dance record, and because terrorist attacks are occurring all over the world, he is once again giving the planet an opportunity to heal itself through the therapeutic power of music. He urges us to come together as one, while raising money for a worthy cause.
In 2005, SIR IVAN, son of Auschwitz survivor Siggi B. Wilzig, created The Peaceman Foundation, a charity that donates funds to other non-profit organizations that help people suffering from Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD). PTSD is a debilitating mental condition that often results from exposure to severe acts of violence, such as physical attacks against members of the LGBT community, atrocities of war and terrorism. SIR IVAN has seen firsthand what survivors go through. His own father suffered from classic PTSD symptoms; fierce headaches, flashbacks, nightmares and depression, as a result of brutal beatings in the concentration camps and the murder of 59 members of his family during the Holocaust. All of SIR IVAN's recording artist royalties from the single "Imagine" and the album "Peaceman Shines" will be donated to The Peaceman Foundation to battle PTSD and provide treatment for the psychological wounds caused by hatred and violence. Both are available on iTunes, Amazon MP3, and many other top digital music stores. Physical CDs can be purchased at CD baby.
SIR IVAN's "Imagine" on iTunes: https://itun.es/us/U99Tcb
SIR IVAN's album "Peaceman Shines" on iTunes: https://itun.es/us/D-pXcb
For information on SIR IVAN and The Peaceman Foundation – please follow the below links:
http://www.sirivan.com/ and www.SirIvan.com/The-Peaceman-Foundation
Asia Plantation Capital คว้าใบอนุญาตผลิตและแปรรูปไม้กฤษณาจากมาเลเซีย
Asia Plantation Capital (APC) บริษัทผู้บริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกอย่างยั่งยืนพร้อมรางวัลการันตีคุณภาพ ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการในการผลิตและแปรรูปไม้กฤษณาเต็มรูปแบบจาก Majlis Perbandaran Pasir Gudang (MPPG) หรือสภาเทศบาลนครปาซีร์กุดังภายหลังจากที่ได้มีการประเมินโรงกลั่นและศูนย์วิจัยไม้กฤษณาแล้ว MPPG เป็นองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นของปาซีร์กุดัง กรุงยะโฮร์บาห์รู อันเป็นที่ตั้งของโรงงานและศูนย์วิจัย เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษอิสกันดาร์ ประเทศมาเลเซีย
สาระสำคัญของใบอนุญาต MPPG คือแบบแผนในการวัดและเปรียบเทียบสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ทั้งในด้านความปลอดภัย สภาพแวดล้อม เกณฑ์ในการปฏิบัติและดำเนินการ เป็นต้น ด้วยใบอนุญาตนี้ทำให้ APC ได้รับไฟเขียวในการผลิตและแปรรูปเกี่ยวกับไม้กฤษณาทั้งหมด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ น้ำมันกฤษณา ชิ้นไม้สับ บัคฮอร์ (ภาษาอาหรับ แปลว่าชิ้นไม้สับชุบน้ำมันหอม) ธูป และผลิตภัณฑ์อื่นๆ นอกจากนี้ใบอนุญาตยังบ่งชี้ถึงความเป็นเลิศในการควบคุมคุณภาพของ APC อีกทั้งยังช่วยโปรโมทให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักในตลาดมากยิ่งขึ้น
กว่าจะได้รับใบอนุญาตและเอกสารประกอบการพิจารณานั้น APC ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดครอบคลุมเป็นเวลาหลายเดือน ทั้งจาก MPPG และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัยของมาเลเซีย (BOMBA) กระทรวงสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระทรวงอาชีวอนามัยและสุขภาพด้วย
สตีฟ วัตส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ APC ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "ความเข้มงวดของเกณฑ์ในการทดสอบจาก MPPG นี้ แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานล่าสุดในด้านต่าง ๆ ที่อุตสาหกรรมทั้งหลายพึงมี และเราเองก็มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ APC ผ่านการทดสอบในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้อง นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ APC ที่เราได้ตั้งใจไว้สำหรับฉลองครบ 1 ปีของโรงกลั่น การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราได้ทุ่มเทให้งานออกมาดีที่สุด นั่นจึงมีความหมายสำหรับเรามากกว่าการเป็นแค่ใบรับรอง เนื่องจากช่วยตอกย้ำถึงความสำคัญของพันธกิจของ APC ในการผลิตไม้กฤษณาที่มีคุณภาพสูงด้วยวิธีการที่ยั่งยืนและเคารพต่อสิ่งแวดล้อม" นอกจากนี้ วัตส์ยังสรุปอีกว่า "การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้จะช่วยเสริมความแกร่งให้กับ APC ในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณา และเราจะยังคงพัฒนากระบวนการผลิตและระบบต่าง ๆ ของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าเรายืนอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมนี้"
APC ตั้งอยู่บนพื้นที่ 44,000 ตารางฟุต ในนิคมอุตสาหกรรมมาไซ ประกอบด้วย โรงกลั่นน้ำมันกฤษณา ศูนย์แปรรูปชิ้นไม้สับ โรงงานธูป และศูนย์วิจัย อีกทั้งยังมีศูนย์บริการผู้เยี่ยมชม ตลอดจนร้านค้าส่งที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณาหลากหลายประเภทที่ผลิตโดย APC นอกจากนี้ ในพื้นที่ยังมีห้องปฏิบัติการวิจัยน้ำหอมและน้ำมันหอมระเหย รวมถึงระบบเพาะเลี้ยงของ APC และระบบการวิเคราะห์เอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมี MSDS ด้วย
โรงงานใช้ระบบพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ครบครันด้วยศูนย์กลั่นไอน้ำแบบแลกเปลี่ยนความร้อนรุ่นล่าสุดที่ใช้น้ำบริสุทธิ์ รวมถึงระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งช่วยรองรับเรื่องประสิทธิภาพเชิงเศรษฐกิจในระดับสูงสุด
APC ดำเนินกิจการควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามภารกิจของ MPPG ที่ต้องการพัฒนาความเจริญของเมืองอย่างยั่งยืนด้วยวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม APC มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า และอุทิศตนเพื่อ "การพัฒนาแบบองค์รวมอย่างยั่งยืน" ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การทำงานของบริษัทเพียงเท่านั้น หากแต่ยังขยายความร่วมมือไปยังชุมชนท้องถิ่น ทั้งในด้านการลงทุน และการร่วมทุนกับเกษตรกรท้องถิ่นเพื่อช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
ซาอาฮิรา มูฮัมหมัด
ผู้บริหารอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด
อีเมล: zaahira@asiaplantationcapital.com
โทร: +6012 203 5344
ซาแมนธา ธาม
ผู้บริหารฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด
อีเมล: samantha.tham@asiaplantationcapital.com
มือถือ: +65 9144 0933
รูปภาพ -http://photos.prnasia.com/prnh/20160608/8521603739-a
รูปภาพ -http://photos.prnasia.com/prnh/20160608/8521603739-b
สาระสำคัญของใบอนุญาต MPPG คือแบบแผนในการวัดและเปรียบเทียบสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ทั้งในด้านความปลอดภัย สภาพแวดล้อม เกณฑ์ในการปฏิบัติและดำเนินการ เป็นต้น ด้วยใบอนุญาตนี้ทำให้ APC ได้รับไฟเขียวในการผลิตและแปรรูปเกี่ยวกับไม้กฤษณาทั้งหมด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ น้ำมันกฤษณา ชิ้นไม้สับ บัคฮอร์ (ภาษาอาหรับ แปลว่าชิ้นไม้สับชุบน้ำมันหอม) ธูป และผลิตภัณฑ์อื่นๆ นอกจากนี้ใบอนุญาตยังบ่งชี้ถึงความเป็นเลิศในการควบคุมคุณภาพของ APC อีกทั้งยังช่วยโปรโมทให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักในตลาดมากยิ่งขึ้น
กว่าจะได้รับใบอนุญาตและเอกสารประกอบการพิจารณานั้น APC ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดครอบคลุมเป็นเวลาหลายเดือน ทั้งจาก MPPG และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัยของมาเลเซีย (BOMBA) กระทรวงสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระทรวงอาชีวอนามัยและสุขภาพด้วย
สตีฟ วัตส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ APC ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "ความเข้มงวดของเกณฑ์ในการทดสอบจาก MPPG นี้ แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานล่าสุดในด้านต่าง ๆ ที่อุตสาหกรรมทั้งหลายพึงมี และเราเองก็มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ APC ผ่านการทดสอบในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้อง นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ APC ที่เราได้ตั้งใจไว้สำหรับฉลองครบ 1 ปีของโรงกลั่น การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราได้ทุ่มเทให้งานออกมาดีที่สุด นั่นจึงมีความหมายสำหรับเรามากกว่าการเป็นแค่ใบรับรอง เนื่องจากช่วยตอกย้ำถึงความสำคัญของพันธกิจของ APC ในการผลิตไม้กฤษณาที่มีคุณภาพสูงด้วยวิธีการที่ยั่งยืนและเคารพต่อสิ่งแวดล้อม" นอกจากนี้ วัตส์ยังสรุปอีกว่า "การได้รับใบอนุญาตครั้งนี้จะช่วยเสริมความแกร่งให้กับ APC ในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณา และเราจะยังคงพัฒนากระบวนการผลิตและระบบต่าง ๆ ของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าเรายืนอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมนี้"
APC ตั้งอยู่บนพื้นที่ 44,000 ตารางฟุต ในนิคมอุตสาหกรรมมาไซ ประกอบด้วย โรงกลั่นน้ำมันกฤษณา ศูนย์แปรรูปชิ้นไม้สับ โรงงานธูป และศูนย์วิจัย อีกทั้งยังมีศูนย์บริการผู้เยี่ยมชม ตลอดจนร้านค้าส่งที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณาหลากหลายประเภทที่ผลิตโดย APC นอกจากนี้ ในพื้นที่ยังมีห้องปฏิบัติการวิจัยน้ำหอมและน้ำมันหอมระเหย รวมถึงระบบเพาะเลี้ยงของ APC และระบบการวิเคราะห์เอกสารข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมี MSDS ด้วย
โรงงานใช้ระบบพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ครบครันด้วยศูนย์กลั่นไอน้ำแบบแลกเปลี่ยนความร้อนรุ่นล่าสุดที่ใช้น้ำบริสุทธิ์ รวมถึงระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งช่วยรองรับเรื่องประสิทธิภาพเชิงเศรษฐกิจในระดับสูงสุด
APC ดำเนินกิจการควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามภารกิจของ MPPG ที่ต้องการพัฒนาความเจริญของเมืองอย่างยั่งยืนด้วยวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม APC มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า และอุทิศตนเพื่อ "การพัฒนาแบบองค์รวมอย่างยั่งยืน" ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การทำงานของบริษัทเพียงเท่านั้น หากแต่ยังขยายความร่วมมือไปยังชุมชนท้องถิ่น ทั้งในด้านการลงทุน และการร่วมทุนกับเกษตรกรท้องถิ่นเพื่อช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
ซาอาฮิรา มูฮัมหมัด
ผู้บริหารอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด
อีเมล: zaahira@asiaplantationcapital.com
โทร: +6012 203 5344
ซาแมนธา ธาม
ผู้บริหารฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด
อีเมล: samantha.tham@asiaplantationcapital.com
มือถือ: +65 9144 0933
รูปภาพ -http://photos.prnasia.com/prnh/20160608/8521603739-a
รูปภาพ -http://photos.prnasia.com/prnh/20160608/8521603739-b
Asia Plantation Capital Berhad Obtains MPPG License in Malaysia
Award-winning sustainable plantation management company, Asia Plantation Capital, has officially obtained a full manufacturing and processing license, after an assessment of its agarwood distillery and research centre. The license was awarded by the Majlis Perbandaran Pasir Gudang (MPPG: the Pasir Gudang Municipal Council), the local authority that administrates Pasir Gudang, Johor Bahru -- where the state of the art facility is located -- as well as other areas in the Iskandar Malaysia region.
In essence, the MPPG license is a benchmarking scheme for industries to comply with on standards such as safety, the environment, operations and processing criteria, to name but a few. With this license, Asia Plantation Capital is given the green light to manufacture, produce and process all agarwood and related products such as Oud oil, woodchips, bakhoor, incense sticks and more. The license also promotes market recognition of these products, and demonstrates excellence in quality control.
To obtain this license and receive the supporting documents, a thorough and comprehensive inspection was carried out over several months, not only by the MPPG, but also by other bodies such as the Fire and Rescue Department of Malaysia (BOMBA), the Department of Environment, and the Department of Occupational Safety and Health.
Steve Watts, Asia Plantation Capital's CEO, Asia Pacific said, "The MPPG's stringent testing criteria represents the industry's latest standards, and we are very pleased that Asia Plantation Capital has successfully met all the relevant requirements. This comes as another significant milestone for us at Asia Plantation Capital, as we mark our first anniversary of the distillery. It's a testament to the outstanding work we have put in, and means more to us than mere certification. It proves again how important our commitment is to producing Agarwood of the highest quality, in a sustainable manner, and with respect for the environment. Moreover," Watts concluded, "it strengthens our stand as a market leader. We will continue to constantly improve our processes and systems to ensure that we are at the forefront of the industry."
Asia Plantation Capital's facility incorporates an Oud oil distillery, a wood chip processing centre, a fragrance stick factory and a research centre, and occupies a 44,000 sq. ft. unit in the Masai Industrial Park. Also situated within the complex is a visitor centre, along with a wholesale factory shop stocked with the ever-growing range of agarwood products that APC produces. The facility also houses a laboratory for perfumes and essential oils, Asia Plantation Capital inoculation systems production, and MSDS analysis systems.
Equipped with the latest heat exchange steam distillation units using purified water -- as well as a clean energy solar power system to ensure maximum economic efficiency -- the factory utilises sustainable and environmentally-friendly energy systems throughout.
Parallel to Asia Plantation Capital's ethos, part of the MPPG's mission is to strive to develop a prosperous town in a sustainable manner with the characteristics of a green, urban environment in mind. Asia Plantation Capital's unceasing commitment and dedication to 'holistic sustainability' is not limited solely to its operations, but extends to involving local communities, investing in them, and establishing joint ventures with local farmers to provide and secure jobs.
For further information, please contact:
Zaahira Muhammad
Senior PR & Marketing Executive
Email: zaahira@asiaplantationcapital.com
Office: +6012 203 5344
Samantha Tham
PR & Marketing Executive
Email: samantha.tham@asiaplantationcapital.com
Mobile: +65 9144 0933
Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20160608/8521603739-a
Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20160608/8521603739-b
In essence, the MPPG license is a benchmarking scheme for industries to comply with on standards such as safety, the environment, operations and processing criteria, to name but a few. With this license, Asia Plantation Capital is given the green light to manufacture, produce and process all agarwood and related products such as Oud oil, woodchips, bakhoor, incense sticks and more. The license also promotes market recognition of these products, and demonstrates excellence in quality control.
To obtain this license and receive the supporting documents, a thorough and comprehensive inspection was carried out over several months, not only by the MPPG, but also by other bodies such as the Fire and Rescue Department of Malaysia (BOMBA), the Department of Environment, and the Department of Occupational Safety and Health.
Steve Watts, Asia Plantation Capital's CEO, Asia Pacific said, "The MPPG's stringent testing criteria represents the industry's latest standards, and we are very pleased that Asia Plantation Capital has successfully met all the relevant requirements. This comes as another significant milestone for us at Asia Plantation Capital, as we mark our first anniversary of the distillery. It's a testament to the outstanding work we have put in, and means more to us than mere certification. It proves again how important our commitment is to producing Agarwood of the highest quality, in a sustainable manner, and with respect for the environment. Moreover," Watts concluded, "it strengthens our stand as a market leader. We will continue to constantly improve our processes and systems to ensure that we are at the forefront of the industry."
Asia Plantation Capital's facility incorporates an Oud oil distillery, a wood chip processing centre, a fragrance stick factory and a research centre, and occupies a 44,000 sq. ft. unit in the Masai Industrial Park. Also situated within the complex is a visitor centre, along with a wholesale factory shop stocked with the ever-growing range of agarwood products that APC produces. The facility also houses a laboratory for perfumes and essential oils, Asia Plantation Capital inoculation systems production, and MSDS analysis systems.
Equipped with the latest heat exchange steam distillation units using purified water -- as well as a clean energy solar power system to ensure maximum economic efficiency -- the factory utilises sustainable and environmentally-friendly energy systems throughout.
Parallel to Asia Plantation Capital's ethos, part of the MPPG's mission is to strive to develop a prosperous town in a sustainable manner with the characteristics of a green, urban environment in mind. Asia Plantation Capital's unceasing commitment and dedication to 'holistic sustainability' is not limited solely to its operations, but extends to involving local communities, investing in them, and establishing joint ventures with local farmers to provide and secure jobs.
For further information, please contact:
Zaahira Muhammad
Senior PR & Marketing Executive
Email: zaahira@asiaplantationcapital.com
Office: +6012 203 5344
Samantha Tham
PR & Marketing Executive
Email: samantha.tham@asiaplantationcapital.com
Mobile: +65 9144 0933
Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20160608/8521603739-a
Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20160608/8521603739-b
หัวเว่ย จับมือ OVUM เปิดเผยรายงาน "วิวัฒนาการของบิ๊กวิดีโอ – การศึกษาโอกาสจากบริการวิดีโอสู่การพลิกโฉมอุตสาหกรรมโทรคมนาคม"
- กุญแจ 3 ประการสู่ความสำเร็จในการพลิกโฉมธุรกิจบิ๊กวิดีโอของผู้ให้บริษัทโทรคมนาคม
หัวเว่ย และ OVUM ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยเทคโนโลยีและที่ปรึกษาระดับโลก เปิดเผยรายงาน "วิวัฒนาการของบิ๊กวิดีโอ - การศึกษาโอกาสจากบริการวิดีโอสู่การพลิกโฉมอุตสาหกรรมโทรคมนาคม" ("The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities") โดยรายงานฉบับนี้ครอบคลุมสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทโทรคมนาคมที่ให้บริการวิดีโอรูปแบบต่างๆ แก่ตลาดสื่อสารและบันเทิง รวมถึงตลาดแนวดิ่งอื่นๆ พร้อมทั้งเปิดเผยแนวโน้มล่าสุดสำหรับวิวัฒนาการของบิ๊กวิดีโอ ตลอดจนให้คำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงผ่านไอซีทีและบิ๊กวิดีโอ ซึ่งจะเน้นไปที่การใช้งานและการเข้าถึงวิดีโอของลูกค้าบุคคล ครอบครัว และองค์กร
รายงานดังกล่าวนำเสนอการวิเคราะห์อย่างครอบคลุมเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของธุรกิจวิดีโอ รวมทั้งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมองธุรกิจในอนาคตของอุตสาหกรรม โมเดลธุรกิจที่เป็นไปได้ แนวโน้มการบริโภคของผู้ใช้บริการ และแรงผลักดันของเทคโนโลยีล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายงานได้ชี้ว่า
- ภายในปี 2563 การใช้วิดีโอผ่านทางมือถือจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 75% ของปริมาณการใช้งานทั้งหมดบนเครือข่าย 4G จากระดับ 15% ในปี 2559 โดยวิดีโอ 4K UHD, วิดีโอบนโซเชียลมีเดีย, แอปพลิเคชัน VR/AR, การเข้าถึงเครือข่าย 5G/FTTx และแนวโน้มเทคโนโลยีไอทีล่าสุด (คลาวด์คอมพิวติ้ง, บิ๊กดาต้า, Telco OS ฯลฯ) จะเป็นแรงขับเคลื่อนการใช้งานวิดีโอให้เพิ่มสูงขึ้น
- นอกจากนี้ การใช้วิดีโอเชิงธุรกิจจะเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตของวิดีโอ โดยนอกเหนือไปจากบริการวิดีโอในปัจจุบัน เช่น การฝึกอบรม การประชุมกับลูกค้า และบริการการแพทย์ทางไกลแล้ว เครื่องมือการประชุมผ่านวิดีโอรูปแบบใหม่ๆ จะถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ
- การประชุมผ่านวิดีโอมีบทบาทต่อการกำหนดรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ของผู้ให้บริการโทรคมนาคม โดยผู้ให้บริการรายใหญ่กำลังสำรวจแนวทางใหม่ๆ ในการดำเนินกลยุทธ์การใช้วิดีโอเชิงธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ท่ามกลางโอกาสมากมายจากการพลิกโฉมธุรกิจวิดีโอ
เนื่องจากบิ๊กวิดีโอถูกกำหนดแล้วว่าเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง รายงานนี้จึงได้ชี้ชัดลงไปว่า IPTV, SVOD และการใช้บริการวิดีโอในวงกว้างจะมีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจบิ๊กวิดีโอของผู้ให้บริการโทรคมนาคม โดยบันได 3 ขั้นสู่ความสำเร็จ ได้แก่:
- ประการแรก ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะต้องใช้โอกาสจากการให้บริการที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการกำหนดให้กลุ่มบุคคลทั่วไป ครอบครัว และองค์กร เป็น 3 ตลาดสำคัญที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมควรจัดหาแพคเกจบริการที่แปลกใหม่ตามกลุ่มเป้าหมาย อาทิ บริการออนไลน์หรือบริการวิดีโอผ่านมือถือ และบริการความบันเทิงทางโทรทัศน์ เป็นต้น
- ประการที่สอง ผู้ให้บริการโทรคมนาคมควรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างและรักษาความจงรักภักดีของลูกค้า ด้วยการศึกษารูปแบบการทำรายได้จากธุรกิจวิดีโอใหม่ๆ ตั้งแต่การจ่ายเงินซื้อบริการทั่วไป ไปจนถึงการจ่ายเงินเพื่อซื้อประสบการณ์การใช้งานวิดีโอคุณภาพสูงที่แตกต่างอย่างเหนือชั้น
- ประการที่สาม ผู้ให้บริการโทรคมนาคมควรพยายามขับเคลื่อนการบูรณาการให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมวิดีโอทั้งระบบ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมจัดจำหน่ายวิดีโอโดยทั่วถึงกัน
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในสถานการณ์ที่การใช้งานวิดีโอเติบโตเร็วเช่นนี้ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจำเป็นต้องวางแผนพัฒนาธุรกิจวิดีโอในเชิงรุกและเชิงกลยุทธ์ที่ต่างจากการดำเนินการภายใต้ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งานในปัจจุบัน โดยต้องพลิกโฉมโครงข่ายจากเดิมที่เป็นท่อส่งข้อมูลธรรมดา สู่การเป็นเครือข่ายที่รองรับวิดีโอเป็นหลัก และขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมด้วยแบบแผนธุรกิจและความร่วมมือที่แปลกใหม่ในระบบนิเวศของอุตสาหกรรม
"The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities" รวบรวมหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านบิ๊กวิดีโอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเข้าใจที่ตกผลึกของ OVUM และหัวเว่ย รายงานฉบับนี้ได้รับการสนับสนุนโดยงานวิจัยอันครอบคลุมจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นแนวหน้าจากทั่วทุกมุมโลก หัวเว่ยระบุว่า บริษัทจะยังคงพันธกิจในการสำรวจตลาดบิ๊กวิดีโอต่อไป ด้วยเป้าหมายที่จะสนับสนุนวิวัฒนาการของบิ๊กวีดีโอ และส่งเสริมให้บรรดาผู้ให้บริการโทรคมนาคมประสบความสำเร็จจากโอกาสทางธุรกิจใหม่นี้
ดาวน์โหลดรายงาน "The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities" ได้ที่: http://photos.prnasia.com/prnk/20160829/0861608784-a
เกี่ยวกับหัวเว่ย
หัวเว่ย เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ชั้นนำระดับโลก เรามีจุดมุ่งหมายคือการเติมความสมบูรณ์ให้ชีวิตและยกระดับประสิทธิภาพด้วยการสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น โดยเรารับบทเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ผู้ผลักดันนวัตกรรมในสังคมสารสนเทศ และผู้มีส่วนช่วยเหลืออุตสาหกรรม ด้วยแรงผลักดันจากนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพันธมิตรแบบเปิดกว้าง หัวเว่ยได้สร้างสรรค์โซลูชันไอซีทีแบบเอ็นด์ทูเอ็นด์ที่ช่วยให้ลูกค้ามีความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมแลเครือข่ายระดับองค์กร อุปกรณ์ และคลาวด์คอมพิวติ้ง พนักงาน 170,000 คนทั่วโลกของหัวเว่ยมีพันธกิจในการสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคม บริษัทและผู้บริโภค โซลูชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอซีทีของเราถูกนำไปใช้ในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค เพื่อให้บริการแก่ประชากรมากกว่าหนึ่งในสามของโลก ทั้งนี้ หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นในปี 2530 และเป็นบริษัทเอกชนที่พนักงานเป็นเจ้าของร่วมกัน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.huawei.com
เกี่ยวกับ 2016 HUAWEI CONNECT
HUAWEI CONNECT จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 2 กันยายนนี้ ที่ Expo Center, Mercedes-Benz Arena และ Shanghai World Expo Exhibition and Convention Center ทั้งนี้ HUAWEI CONNECT ถือเป็นการประชุมครบวงจรวสำหรับระบบนิเวศ ICT ทั่วโลก โดยมีผู้นำอุตสาหกรรมกว่า 15,000 รายเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพื่อเตรียมการสำหรับโลกแห่งการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น และการพลิกโฉมธุรกิจของอุตสาหกรรมต่างๆสู่ดิจิทัล เราขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชมบูธ Big Data ภายในงาน HUAWEI CONNECT และติดตามข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับรายงาน Big Data ได้ที่งานนี้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชมได้ที่:
http://www.huawei.com/minisite/huaweiconnect2016/en/index.html
หัวเว่ย และ OVUM ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยเทคโนโลยีและที่ปรึกษาระดับโลก เปิดเผยรายงาน "วิวัฒนาการของบิ๊กวิดีโอ - การศึกษาโอกาสจากบริการวิดีโอสู่การพลิกโฉมอุตสาหกรรมโทรคมนาคม" ("The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities") โดยรายงานฉบับนี้ครอบคลุมสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทโทรคมนาคมที่ให้บริการวิดีโอรูปแบบต่างๆ แก่ตลาดสื่อสารและบันเทิง รวมถึงตลาดแนวดิ่งอื่นๆ พร้อมทั้งเปิดเผยแนวโน้มล่าสุดสำหรับวิวัฒนาการของบิ๊กวิดีโอ ตลอดจนให้คำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงผ่านไอซีทีและบิ๊กวิดีโอ ซึ่งจะเน้นไปที่การใช้งานและการเข้าถึงวิดีโอของลูกค้าบุคคล ครอบครัว และองค์กร
รายงานดังกล่าวนำเสนอการวิเคราะห์อย่างครอบคลุมเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของธุรกิจวิดีโอ รวมทั้งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมองธุรกิจในอนาคตของอุตสาหกรรม โมเดลธุรกิจที่เป็นไปได้ แนวโน้มการบริโภคของผู้ใช้บริการ และแรงผลักดันของเทคโนโลยีล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายงานได้ชี้ว่า
- ภายในปี 2563 การใช้วิดีโอผ่านทางมือถือจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 75% ของปริมาณการใช้งานทั้งหมดบนเครือข่าย 4G จากระดับ 15% ในปี 2559 โดยวิดีโอ 4K UHD, วิดีโอบนโซเชียลมีเดีย, แอปพลิเคชัน VR/AR, การเข้าถึงเครือข่าย 5G/FTTx และแนวโน้มเทคโนโลยีไอทีล่าสุด (คลาวด์คอมพิวติ้ง, บิ๊กดาต้า, Telco OS ฯลฯ) จะเป็นแรงขับเคลื่อนการใช้งานวิดีโอให้เพิ่มสูงขึ้น
- นอกจากนี้ การใช้วิดีโอเชิงธุรกิจจะเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตของวิดีโอ โดยนอกเหนือไปจากบริการวิดีโอในปัจจุบัน เช่น การฝึกอบรม การประชุมกับลูกค้า และบริการการแพทย์ทางไกลแล้ว เครื่องมือการประชุมผ่านวิดีโอรูปแบบใหม่ๆ จะถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ
- การประชุมผ่านวิดีโอมีบทบาทต่อการกำหนดรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ของผู้ให้บริการโทรคมนาคม โดยผู้ให้บริการรายใหญ่กำลังสำรวจแนวทางใหม่ๆ ในการดำเนินกลยุทธ์การใช้วิดีโอเชิงธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ท่ามกลางโอกาสมากมายจากการพลิกโฉมธุรกิจวิดีโอ
เนื่องจากบิ๊กวิดีโอถูกกำหนดแล้วว่าเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง รายงานนี้จึงได้ชี้ชัดลงไปว่า IPTV, SVOD และการใช้บริการวิดีโอในวงกว้างจะมีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจบิ๊กวิดีโอของผู้ให้บริการโทรคมนาคม โดยบันได 3 ขั้นสู่ความสำเร็จ ได้แก่:
- ประการแรก ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะต้องใช้โอกาสจากการให้บริการที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการกำหนดให้กลุ่มบุคคลทั่วไป ครอบครัว และองค์กร เป็น 3 ตลาดสำคัญที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมควรจัดหาแพคเกจบริการที่แปลกใหม่ตามกลุ่มเป้าหมาย อาทิ บริการออนไลน์หรือบริการวิดีโอผ่านมือถือ และบริการความบันเทิงทางโทรทัศน์ เป็นต้น
- ประการที่สอง ผู้ให้บริการโทรคมนาคมควรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างและรักษาความจงรักภักดีของลูกค้า ด้วยการศึกษารูปแบบการทำรายได้จากธุรกิจวิดีโอใหม่ๆ ตั้งแต่การจ่ายเงินซื้อบริการทั่วไป ไปจนถึงการจ่ายเงินเพื่อซื้อประสบการณ์การใช้งานวิดีโอคุณภาพสูงที่แตกต่างอย่างเหนือชั้น
- ประการที่สาม ผู้ให้บริการโทรคมนาคมควรพยายามขับเคลื่อนการบูรณาการให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมวิดีโอทั้งระบบ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมจัดจำหน่ายวิดีโอโดยทั่วถึงกัน
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในสถานการณ์ที่การใช้งานวิดีโอเติบโตเร็วเช่นนี้ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจำเป็นต้องวางแผนพัฒนาธุรกิจวิดีโอในเชิงรุกและเชิงกลยุทธ์ที่ต่างจากการดำเนินการภายใต้ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งานในปัจจุบัน โดยต้องพลิกโฉมโครงข่ายจากเดิมที่เป็นท่อส่งข้อมูลธรรมดา สู่การเป็นเครือข่ายที่รองรับวิดีโอเป็นหลัก และขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมด้วยแบบแผนธุรกิจและความร่วมมือที่แปลกใหม่ในระบบนิเวศของอุตสาหกรรม
"The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities" รวบรวมหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านบิ๊กวิดีโอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเข้าใจที่ตกผลึกของ OVUM และหัวเว่ย รายงานฉบับนี้ได้รับการสนับสนุนโดยงานวิจัยอันครอบคลุมจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นแนวหน้าจากทั่วทุกมุมโลก หัวเว่ยระบุว่า บริษัทจะยังคงพันธกิจในการสำรวจตลาดบิ๊กวิดีโอต่อไป ด้วยเป้าหมายที่จะสนับสนุนวิวัฒนาการของบิ๊กวีดีโอ และส่งเสริมให้บรรดาผู้ให้บริการโทรคมนาคมประสบความสำเร็จจากโอกาสทางธุรกิจใหม่นี้
ดาวน์โหลดรายงาน "The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities" ได้ที่: http://photos.prnasia.com/prnk/20160829/0861608784-a
เกี่ยวกับหัวเว่ย
หัวเว่ย เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ชั้นนำระดับโลก เรามีจุดมุ่งหมายคือการเติมความสมบูรณ์ให้ชีวิตและยกระดับประสิทธิภาพด้วยการสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น โดยเรารับบทเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ผู้ผลักดันนวัตกรรมในสังคมสารสนเทศ และผู้มีส่วนช่วยเหลืออุตสาหกรรม ด้วยแรงผลักดันจากนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพันธมิตรแบบเปิดกว้าง หัวเว่ยได้สร้างสรรค์โซลูชันไอซีทีแบบเอ็นด์ทูเอ็นด์ที่ช่วยให้ลูกค้ามีความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมแลเครือข่ายระดับองค์กร อุปกรณ์ และคลาวด์คอมพิวติ้ง พนักงาน 170,000 คนทั่วโลกของหัวเว่ยมีพันธกิจในการสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคม บริษัทและผู้บริโภค โซลูชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอซีทีของเราถูกนำไปใช้ในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค เพื่อให้บริการแก่ประชากรมากกว่าหนึ่งในสามของโลก ทั้งนี้ หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นในปี 2530 และเป็นบริษัทเอกชนที่พนักงานเป็นเจ้าของร่วมกัน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.huawei.com
เกี่ยวกับ 2016 HUAWEI CONNECT
HUAWEI CONNECT จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 2 กันยายนนี้ ที่ Expo Center, Mercedes-Benz Arena และ Shanghai World Expo Exhibition and Convention Center ทั้งนี้ HUAWEI CONNECT ถือเป็นการประชุมครบวงจรวสำหรับระบบนิเวศ ICT ทั่วโลก โดยมีผู้นำอุตสาหกรรมกว่า 15,000 รายเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพื่อเตรียมการสำหรับโลกแห่งการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น และการพลิกโฉมธุรกิจของอุตสาหกรรมต่างๆสู่ดิจิทัล เราขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชมบูธ Big Data ภายในงาน HUAWEI CONNECT และติดตามข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับรายงาน Big Data ได้ที่งานนี้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชมได้ที่:
http://www.huawei.com/minisite/huaweiconnect2016/en/index.html
Tuesday, August 30, 2016
Canadian ad agency tries to crack U.S. market with cheeky pitch to work on both Clinton and Trump campaigns at the same time
When advertising or marketing companies want to enter the U.S. market they usually set up an office in New York. Toronto-based creative agency Zulu Alpha Kilo has done something completely different. Hot on the heels of its 2016 Ad Age Small Agency of the Year win (http://adage.com/article/special-report-small-agency-conference-and-awards/a-2016-small-agency-year-zulu-alpha-kilo/305036/), the company has sent an unsolicited and hilarious video RFP (Request For Proposal) to the campaigns of both Hillary Clinton and Donald Trump.
The video, (https://youtu.be/WEvx7_Lc7Lg) which also includes several spoof Clinton and Trump ads (http://zulualphakilo.com/trumpclintongallery), marks the second appearance of the company's very unreal founder. He was first introduced for the agency's own website – which pokes fun at the absurdities of all ad agency website and even itself – earlier this year. The character is played by veteran commercial and film actor Doug Murray, who recently featured in Spotlight, 2015's Oscar winner for Best Picture.
Whether it's saying no to spec (http://youtu.be/essNmNOrQto) or using its own website (http://www.zulualphakilo.com) to poke fun at the marketing industry, Zulu continues its unconventional spirit with this political satire.
Zulu was named 2016 overall agency of the year Gold Medal winner in late July. The Ad Age Small Agency Awards go to independent agencies with up to 150 employees that have demonstrated smart strategies and innovative ideas for clients. Zulu's win was the first time a non-US agency has ever been awarded the title, creating the inspiration for the spoof video.
About Zulu Alpha Kilo:
Zulu Alpha Kilo is based in Toronto, Ontario with a staff of 90 full-time "Zuligans." The company enjoys a maverick position in the industry by daring to do things different. Most recently Zulu won Ad Age's Small Agency of the Year top honors globally.
For more information and interview requests please contact: Katherine, pr@zulualphakilo.com
Zulu Alpha Kilo บริษัทโฆษณาสัญชาติแคนาดา กรุยทางสู่ตลาดสหรัฐด้วยวิดีโอล้อการเมือง
เมื่อบริษัทโฆษณาหรือบริษัทด้านการตลาดต้องการเข้าสู่ตลาดอเมริกา พวกเขามักจะตั้งสำนักงานขึ้นในนิวยอร์ก แต่สำหรับ Zulu Alpha Kilo เอเจนซี่โฆษณาจากโทรอนโต กลับทำในสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยหลังจากที่เพิ่งชนะรางวัล Ad Age Small Agency of the Year 2016 (http://adage.com/article/special-report-small-agency-conference-and-awards/a-2016-small-agency-year-zulu-alpha-kilo/305036/) มาหมาด ๆ Zulu ได้ปล่อยคลิปวิดีโอ RFP (Request for Proposal) อันตลกขบขันที่ล้อเลียนการหาเสียงของ ฮิลลารี คลินตัน และ โดนัลด์ ทรัมป์ 2 ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
คลิปวิดีโอ (https://youtu.be/WEvx7_Lc7Lg) ซึ่งรวมถึงโฆษณาล้อเลียนคลินตันและทรัมป์อีกหลายชิ้น (http://zulualphakilo.com/trumpclintongallery) นับเป็นการปรากฏตัวเป็นครั้งที่ 2 ของผู้ก่อตั้งบริษัทตัวปลอม หลังจากที่เคยปรากฏตัวครั้งแรกในการเปิดตัวเว็บไซต์ของบริษัทเมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วยการล้อเลียนความไร้สาระของเว็บไซต์โฆษณาทั้งหมดและแม้กระทั่งเว็บไซต์ของตนเองด้วย สำหรับวิดีโอชุดนี้แสดงนำโดยดั๊ก เมอร์เรย์ นักแสดงภาพยนตร์และโฆษณาสุดเก๋า ที่เพิ่งร่วมงานในภาพยนตร์เรื่อง Spotlight ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนต์ยอดเยี่ยม ประจำปี 2558
ไม่ว่าจะเป็นคลิป "saying no to spec" (http://youtu.be/essNmNOrQto) หรือล้อเลียนเว็บไซต์ของตัวเอง (http://www.zulualphakilo.com) Zulu ยังคงยึดมั่นในแนวทางเสียดสีการเมืองต่อไป เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับอุตสาหกรรมการตลาด
ชื่อของ Zulu ดังกระฉ่อนแวดวงโฆษณาเมื่อปลายเดือน ก.ค. 2559 ในฐานะเจ้าของรางวัลเหรียญทองจากเวที Ad Age Small Agency Awards โดยรางวัลนี้มอบให้กับบริษัทโฆษณาอิสระที่มีพนักงานไม่เกิน 150 คน ซึ่งได้แสดงกลยุทธ์อันชาญฉลาดและนำเสนอความคิดสร้างสรรค์สำหรับลูกค้า Zulu เป็นบริษัทนอกสหรัฐแห่งแรกที่ได้รับรางวัลนี้ ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจผ่านทางวิดีโอล้อเลียน
เกี่ยวกับ Zulu Alpha Kilo:
Zulu Alpha Kilo มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโทรอนโต รัฐออนแทริโอ โดยมีพนักงานประจำที่เรียกว่า "Zuligans" 90 ชีวิต บริษัทดำเนินงานอย่างอิสระและสวนกระแสอุตสาหกรรม ด้วยความกล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง ล่าสุด Zulu ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติระดับโลกอย่าง Ad Age's Small Agency of the Year มาการันตีด้วย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและนัดสัมภาษณ์ กรุณาติดต่อ Katherine ทางอีเมล: pr@zulualphakilo.com
FASTSIGNS(R) รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รับแผนขยายธุรกิจทั่วโลก
- ผู้นำธุรกิจแฟรนไชส์ป้ายสัญลักษณ์ กราฟฟิก และการสื่อสารด้วยภาพ เตรียมร่วมจัดแสดงในงาน Franchise & License Expo Indonesia ณ กรุงจาการ์ตา ในวันที่ 2-4 ก.ย. นี้
FASTSIGNS International, Inc. ผู้นำธุรกิจป้ายสัญลักษณ์ กราฟฟิก และการสื่อสารด้วยภาพ ประกาศแผนขยายธุรกิจทั่วโลก โดยเน้นไปที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเตรียมเข้าร่วมงาน Franchise & License Expo ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 2-4 ก.ย. นี้ เพื่อเฟ้นหาแฟรนไชส์ซีต้นแบบประจำภูมิภาค
ปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์ FASTSIGNS กว่า 615 แห่ง ใน 9 ประเทศทั่วโลก และยังคงมองหาช่องทางในการขยายธุรกิจ โดยตั้งเป้าว่าจะเปิดศูนย์เพิ่มอีก 45-50 แห่งในปี 2559 รวมถึงเซ็นสัญญาเพื่อเจาะตลาดใหม่ ๆ อีก 2 แห่งหรือมากกว่านั้น เพื่อรองรับความต้องการด้านการสื่อสารด้วยภาพและเทคโนโลยีป้ายดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ทางบริษัทขอเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจ เข้าเยี่ยมชมพื้นที่จัดแสดงของ World Franchise Associates (WFA) ณ ศูนย์การประชุมจาการ์ตา เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์ต่าง ๆ ในการเข้าร่วมธุรกิจ
"การเดินหน้าขยายธุรกิจทั่วโลกนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาแฟรนไชส์ของเรา และนับเป็นโอกาสทองที่เราจะได้สร้างเครือข่ายกับผู้เข้าร่วมงานกว่า 15,000 ราย ที่มหกรรมแฟรนไชส์ชั้นนำในจาการ์ตา" มาร์ค เจมสัน รองประธานบริหาร ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนแฟรนไชส์ของ FASTSIGNS International, Inc. กล่าว "นอกจากการฝึกอบรมและการสนับสนุนที่เหนือชั้นแล้ว เรายังได้รับการยอมรับในฐานะแฟรนไชส์ชั้นนำระดับโลก จากหนังสือพิมพ์และนิตยสารธุรกิจชั้นแนวหน้าหลายฉบับ เราขอเชิญชวนผู้ประกอบการมาศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแฟรนไชส์ของเรา ซึ่งเป็นผู้นำในแวดวงการสื่อสารธุรกิจที่ล้ำสมัย ผ่านการนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ให้ธุรกิจทั่วโลกสามารถเข้าถึงลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูง"
FASTSIGNS จะดำเนินงานร่วมกับ World Franchise Associates บริษัทผู้ให้บริการแฟรนไชส์ระดับโลก ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกด้านข้อตกลงมาสเตอร์แฟรนไชส์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และแอฟริกาเหนือ โดยทรอย แฟรงคลิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ World Franchise Associates ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเป็นผู้นำในการเฟ้นหาตัวแทนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อร่วมเป็นแฟรนไชส์กับ FASTSIGNS
"เป็นที่ทราบกันดีว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและให้ผลสำเร็จ" ทรอย แฟรงคลิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ World Franchise Associates ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว "แบรนด์ต่างๆ จากสหรัฐจะมีโอกาสมากมายในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เราตื่นเต้นที่จะได้มีส่วนช่วย FASTSIGNS International คัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สนใจมาเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ระดับรางวัลและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้"
มหกรรม Annual Franchise and License Expo Indonesia ครั้งที่ 14 อัดแน่นไปด้วยโปรแกรมและกิจกรรมต่างๆ ที่จะเปิดโอกาสให้แบรนด์ธุรกิจและแฟรนไชส์หน้าใหม่ได้สร้างเครือข่ายที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของตน โดย Franchise and License Expo Indonesia มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแฟรนไชส์ และเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้จัดแสดง ตลอดจนผู้เข้าชมงาน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจกับแฟรนไชส์ FASTSIGNS กรุณาติดต่อ มาร์ค เจมสัน (อีเมล: mark.jameson@fastsigns.com หรือโทร. 214-346-5679) หรือดาวน์โหลดอีบุ๊กเพื่อศึกษาโอกาสทางธุรกิจกับแฟรนไชส์ FASTSIGNS ได้ที่ http://amzn.to/1FrnDJu
เกี่ยวกับ FASTSIGNS(R)
FASTSIGNS International, Inc. เป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ธุรกิจป้ายสัญลักษณ์และการสื่อสารด้วยภาพที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ และยังเป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ศูนย์ FASTSIGNS(R) จำนวนกว่า 615 แห่งที่ดำเนินงานอย่างเป็นอิสระใน 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ เวลส์ ซาอุดิอาระเบีย ยูเออี แกรนด์เคย์แมน เม็กซิโก และออสเตรเลีย (ซึ่งดำเนินงานในชื่อ SIGNWAVE(R))
ศูนย์ FASTSIGNS นำเสนอโซลูชันวิชวลกราฟฟิกและป้ายสัญลักษณ์ที่ครบวงจร เพื่อช่วยให้บริษัททุกขนาดและทุกอุตสาหกรรมสามารถดึงดูดความสนใจ สื่อสารข้อความ เพิ่มยอดขาย ช่วยนำทางลูกค้า และต่อยอดแบรนด์ของตนให้เข้าถึงลูกค้าในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้าน งานอีเวนท์ วัสดุสวมใส่ และสื่อการตลาด สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันวิชวลกราฟฟิกและป้ายสัญลักษณ์ หรือค้นหาศูนย์ FASTINGS ได้ที่ fastsigns.com ติดตามเราได้ทางทวิตเตอร์ @FASTSIGNS เฟซบุ๊ก facebook.com/FASTSIGNS หรือลิงค์อิน linkedin.com/company/fastsigns
สถาบัน Franchise Research Institute ยกให้ FASTSIGNS เป็นแฟรนไชส์อันดับต้นๆ ในประเภทป้ายและกราฟฟิก และมอบประกาศนียบัตรรับรอง 2015 World-Class Franchise แก่บริษัท ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน FASTSIGNS ยังได้รับการยอมรับจาก USA Today, นิตยสาร Military Times, นิตยสาร G.I. Jobs และ Franchise Business Review ว่าเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ยอดเยี่ยมสำหรับทหารผ่านศึก และล่าสุด บริษัทได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 15 ผู้ที่ได้รับรางวัล 2016 Secretary of Defense Employer Support Freedom Award ซึ่งเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติสูงสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่มอบให้กับนายจ้างที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการให้การสนับสนุนแก่สมาชิกของ National Guard and Reserve สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมแฟรนไชส์ FASTSIGNS กรุณาติดต่อ มาร์ค เจมสัน ( mark.jameson@fastsigns.com หรือโทร. +1 214-346-5679) หรือเข้าชมที่ http://www.fastsigns.com/
ติดต่อ:
Sloane Fistel
Fish Consulting
+1 954-893-9150
sfistel@fish-consulting.com
G2A เผยความสำเร็จอันงดงามของบริษัท ระหว่างการแถลงข่าวประจำปีในงาน Gamescom 2016
นักพัฒนาเกมกว่า 900 รายจากทั่วโลกเพิ่มยอดขายผ่าน G2A Direct
การแถลงข่าวประจำปี International Media Conference ของ G2A ระหว่างงาน Gamescom 2016 ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากบรรดาสื่อมวลชน โดยมีสื่อมวลชน 32 คนจาก 7 ประเทศเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวที่ถ่ายทอดสดผ่านทางTwitch พร้อมกับเยี่ยมชมบูธของ G2A และพูดคุยแบบเป็นส่วนตัวกับซีอีโอและผู้นำทีมพัฒนาธุรกิจของ G2A
เป้าหมายสำคัญของการแถลงข่าวในครั้งนี้คือ การเน้นย้ำว่า G2A ได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 35 ล้านดอลลาร์เพื่อทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างการแถลงข่าวในงาน Gamescom 2015 โดยในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี G2A ได้พัฒนาโซลูชั่นและระบบสุดล้ำสมัยสำหรับนักพัฒนาและผู้จำหน่ายเกมจนสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก และได้เปิดตัว G2A Direct เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีนักพัฒนาเกมกว่า 900 รายที่ลงทะเบียนใช้งาน G2A Direct ภายหลังการเปิดตัวไม่ถึงหนึ่งเดือน G2A Direct - Open Doors Developer Support System
นักพัฒนาเกมจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ดังนี้
- สร้างหน้าโปรไฟล์บนเว็บเพจ G2A โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- เสียค่าคอมมิชชั่นจากการขายเกมเพียง 10.8%
- เข้าถึงลูกค้ากว่า 10 ล้านราย และการชำระเงิน 150 รูปแบบในกว่า 170 ประเทศ
- บริการแปลข้อมูลผลิตภัณฑ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- รับค่าธรรมเนียมนักพัฒนาสูงสุด 10%
- ปรับแต่งหน้าร้านได้เอง
- ตำแหน่งด้านบนสุดในหน้าประมูล
- บริการค้นหารหัสเกมในฐานข้อมูล
นวัตกรรมใหม่ๆของ G2A ประกอบด้วย
1. Trust Pilot ระบบจัดอันดับโดยผู้ซื้อ เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือและความรับผิดชอบของผู้ขาย
2. Verification Steps ระบบยืนยันตัวตนผู้ขายแบบหลายชั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในตลาดเกม
3. การออกแบบและให้บริการ G2A Shield รูปแบบใหม่
4. ระบบการชำระเงิน G2A Pay ที่ใช้งานง่ายขึ้น
Bartosz Skwarczek ซีอีโอของ G2A ได้สรุปความสำเร็จของบริษัท พร้อมกับนำเสนอผลลัพธ์ของการที่ G2A ได้ปรับปรุงและพัฒนาตลาดเกมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาระบบสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายทุกคน เขากล่าวว่าบริษัทเติบโตขึ้นหลังการพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้ โดยระบุว่า "จำนวนผลิตภัณฑ์เกมดิจิตอลเพิ่มขึ้นจาก 18,000 รายการ สู่ 37,000 รายการ จำนวนผู้ขายเพิ่มจาก 50,000 ราย สู่ 250,000 ราย จำนวนลูกค้ารายเดือนเพิ่มขึ้นจาก 250,000 ราย สู่ 400,000 ราย และจำนวนพนักงานของเราเพิ่มขึ้นจาก 300 คน เป็นมากกว่า 650 คน"
เขากล่าวเสริมว่า "ก่อนหน้านี้ ลูกค้า G2A Goldmine ทำเงินได้ 1.5 ล้านดอลลาร์ และตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นแตะ 4 ล้านดอลลาร์ในขณะนี้ เรายินดีที่ได้แบ่งปันโอกาสทางธุรกิจกับเหล่าเกมเมอร์ และเรายินดีต้อนรับทุกคน" https://www.g2a.com/goldmine
G2A เปิดเผยด้วยว่า จำนวนผู้กดถูกใจเพจเฟซบุ๊กของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 8.8 แสนคน สู่ 1.7 ล้านคน ขณะที่จำนวนผู้เยี่ยมชมโซเชียลมีเดียของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 201 ล้านราย สู่ 277 ล้านราย และลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านคนสู่ 10 ล้านคน นอกจากนี้ สื่อมวลชนยังได้รับฟังคำยืนยันจากนักพัฒนาที่ทำงานกับ G2A อย่างใกล้ชิด อาทิ Anshar Studios S.A., Reality 51, Superhot, Datcroft, Navi, Keen Software House, XS Software และ Ingenico Payments http://www.slideshare.net/G2A_Admin/gamescom-2016-ceo-presentation-65443965
ขณะเดียวกัน ทีมงานของ G2A ได้ตอบคำถามอันท้าทายจากสื่อมวลชน เพื่อไขข้อกระจ่างเกี่ยวกับการทำงานของตลาดซื้อขายและความสำเร็จอันโดดเด่นในปีที่ผ่านมา จากนั้นบรรดาสื่อมวลชนยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานปาร์ตี้ระดับวีไอพีในช่วงเย็น ซึ่ง G2A จัดขึ้นร่วมกับ G-Star และ Pocket Gamers เพราะคติประจำใจของ G2A คือ ทำงานให้หนักและปาร์ตี้ให้หนักยิ่งกว่า!
การแถลงข่าวประจำปี International Media Conference ของ G2A ระหว่างงาน Gamescom 2016 ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากบรรดาสื่อมวลชน โดยมีสื่อมวลชน 32 คนจาก 7 ประเทศเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวที่ถ่ายทอดสดผ่านทางTwitch พร้อมกับเยี่ยมชมบูธของ G2A และพูดคุยแบบเป็นส่วนตัวกับซีอีโอและผู้นำทีมพัฒนาธุรกิจของ G2A
เป้าหมายสำคัญของการแถลงข่าวในครั้งนี้คือ การเน้นย้ำว่า G2A ได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 35 ล้านดอลลาร์เพื่อทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างการแถลงข่าวในงาน Gamescom 2015 โดยในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี G2A ได้พัฒนาโซลูชั่นและระบบสุดล้ำสมัยสำหรับนักพัฒนาและผู้จำหน่ายเกมจนสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก และได้เปิดตัว G2A Direct เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีนักพัฒนาเกมกว่า 900 รายที่ลงทะเบียนใช้งาน G2A Direct ภายหลังการเปิดตัวไม่ถึงหนึ่งเดือน G2A Direct - Open Doors Developer Support System
นักพัฒนาเกมจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ดังนี้
- สร้างหน้าโปรไฟล์บนเว็บเพจ G2A โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- เสียค่าคอมมิชชั่นจากการขายเกมเพียง 10.8%
- เข้าถึงลูกค้ากว่า 10 ล้านราย และการชำระเงิน 150 รูปแบบในกว่า 170 ประเทศ
- บริการแปลข้อมูลผลิตภัณฑ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- รับค่าธรรมเนียมนักพัฒนาสูงสุด 10%
- ปรับแต่งหน้าร้านได้เอง
- ตำแหน่งด้านบนสุดในหน้าประมูล
- บริการค้นหารหัสเกมในฐานข้อมูล
นวัตกรรมใหม่ๆของ G2A ประกอบด้วย
1. Trust Pilot ระบบจัดอันดับโดยผู้ซื้อ เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือและความรับผิดชอบของผู้ขาย
2. Verification Steps ระบบยืนยันตัวตนผู้ขายแบบหลายชั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในตลาดเกม
3. การออกแบบและให้บริการ G2A Shield รูปแบบใหม่
4. ระบบการชำระเงิน G2A Pay ที่ใช้งานง่ายขึ้น
Bartosz Skwarczek ซีอีโอของ G2A ได้สรุปความสำเร็จของบริษัท พร้อมกับนำเสนอผลลัพธ์ของการที่ G2A ได้ปรับปรุงและพัฒนาตลาดเกมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาระบบสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายทุกคน เขากล่าวว่าบริษัทเติบโตขึ้นหลังการพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้ โดยระบุว่า "จำนวนผลิตภัณฑ์เกมดิจิตอลเพิ่มขึ้นจาก 18,000 รายการ สู่ 37,000 รายการ จำนวนผู้ขายเพิ่มจาก 50,000 ราย สู่ 250,000 ราย จำนวนลูกค้ารายเดือนเพิ่มขึ้นจาก 250,000 ราย สู่ 400,000 ราย และจำนวนพนักงานของเราเพิ่มขึ้นจาก 300 คน เป็นมากกว่า 650 คน"
เขากล่าวเสริมว่า "ก่อนหน้านี้ ลูกค้า G2A Goldmine ทำเงินได้ 1.5 ล้านดอลลาร์ และตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นแตะ 4 ล้านดอลลาร์ในขณะนี้ เรายินดีที่ได้แบ่งปันโอกาสทางธุรกิจกับเหล่าเกมเมอร์ และเรายินดีต้อนรับทุกคน" https://www.g2a.com/goldmine
G2A เปิดเผยด้วยว่า จำนวนผู้กดถูกใจเพจเฟซบุ๊กของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 8.8 แสนคน สู่ 1.7 ล้านคน ขณะที่จำนวนผู้เยี่ยมชมโซเชียลมีเดียของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 201 ล้านราย สู่ 277 ล้านราย และลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านคนสู่ 10 ล้านคน นอกจากนี้ สื่อมวลชนยังได้รับฟังคำยืนยันจากนักพัฒนาที่ทำงานกับ G2A อย่างใกล้ชิด อาทิ Anshar Studios S.A., Reality 51, Superhot, Datcroft, Navi, Keen Software House, XS Software และ Ingenico Payments http://www.slideshare.net/G2A_Admin/gamescom-2016-ceo-presentation-65443965
ขณะเดียวกัน ทีมงานของ G2A ได้ตอบคำถามอันท้าทายจากสื่อมวลชน เพื่อไขข้อกระจ่างเกี่ยวกับการทำงานของตลาดซื้อขายและความสำเร็จอันโดดเด่นในปีที่ผ่านมา จากนั้นบรรดาสื่อมวลชนยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานปาร์ตี้ระดับวีไอพีในช่วงเย็น ซึ่ง G2A จัดขึ้นร่วมกับ G-Star และ Pocket Gamers เพราะคติประจำใจของ G2A คือ ทำงานให้หนักและปาร์ตี้ให้หนักยิ่งกว่า!
G2A in the News - Promised and Delivered Amazing Results at Gamescom 2016
900 Game Developers world-wide apply to grow their sales through G2A Direct
G2A's presentation at the International Media Conference at Gamescom in 2016 saw the company receiving significant media attention. Thirty-two journalists from more than seven countries arrived to participate in the conference which was watched on Twitch. Journalists visited G2A's exhibition stand for one-to-one meetings with G2A's CEO and the G2A business development team leaders.
The focus of the G2A conference was to highlight how G2A had invested over $35 million in the Ecosystem to deliver what they promised at their 2015 Gamescom media conference. G2A had resolved, within one year, to develop a world-first innovative solution/system for developers and publishers and this became a reality when they launched G2A Direct on 29th July 2016. Over 900 developers have now applied to join G2A Direct in less than one month since the launch. G2A Direct - Open Doors Developer Support System
G2A now gives developers:
- free hosting on the G2A webpage
- 10.8% commissions on inventory sales
- access to 10 million customers and 150 payment methods in over 170 countries
- free translation of product information
- up to 10% developer fee
- store customization
- top position on the auction page
- game code database query service
Additional innovations include:
1) Focus on user rating process to enhance accountability and trustworthiness Trust Pilot
2) Verification Steps for added front end security on the marketplace
3) Design and implement the new G2A Shield
4) Even easier integration of G2A Pay
CEO Bartosz Skwarczek outlined G2A's achievement and showed the evidence of how G2A had enhanced and developed the marketplace, and specifically the ecosystem, for all buyers and sellers. The CEO stated that growth followed these innovations. "Gaming digital products went up from 18K to 37K. Sellers increased from 50K to 250K. Customers every month went from 250K to 400K. Employees increased from 300 to over 650 people."
He added: "G2A announced that their Goldmine customers previously earned $1.5 million and that this figure went up to $4 million. We love to share business opportunities with gamers. Everyone is welcome." https://www.g2a.com/goldmine
Additionally, the number of Facebook likes increased from 0.88 to 1.7 million. Social Media reach rose from 201 to 277 million and customers from 4 million to 10 million. Journalists heard some testimonials from developers who have worked closely with G2A such as: Anshar Studios S.A., Reality 51 and Superhot as well as: Datcroft, Navi, Keen Software House, XS Software and Ingenico Payments. http://www.slideshare.net/G2A_Admin/gamescom-2016-ceo-presentation-65443965
The G2A Team answered challenging questions from the floor to transparently explain how the concept of the G2A Marketplace works and the stellar achievements of the past year. Guests were invited to attend the international VIP after party later that evening in association with G-Star and Pocket Gamers. G2A's DNA is to work hard and party harder!
G2A's presentation at the International Media Conference at Gamescom in 2016 saw the company receiving significant media attention. Thirty-two journalists from more than seven countries arrived to participate in the conference which was watched on Twitch. Journalists visited G2A's exhibition stand for one-to-one meetings with G2A's CEO and the G2A business development team leaders.
The focus of the G2A conference was to highlight how G2A had invested over $35 million in the Ecosystem to deliver what they promised at their 2015 Gamescom media conference. G2A had resolved, within one year, to develop a world-first innovative solution/system for developers and publishers and this became a reality when they launched G2A Direct on 29th July 2016. Over 900 developers have now applied to join G2A Direct in less than one month since the launch. G2A Direct - Open Doors Developer Support System
G2A now gives developers:
- free hosting on the G2A webpage
- 10.8% commissions on inventory sales
- access to 10 million customers and 150 payment methods in over 170 countries
- free translation of product information
- up to 10% developer fee
- store customization
- top position on the auction page
- game code database query service
Additional innovations include:
1) Focus on user rating process to enhance accountability and trustworthiness Trust Pilot
2) Verification Steps for added front end security on the marketplace
3) Design and implement the new G2A Shield
4) Even easier integration of G2A Pay
CEO Bartosz Skwarczek outlined G2A's achievement and showed the evidence of how G2A had enhanced and developed the marketplace, and specifically the ecosystem, for all buyers and sellers. The CEO stated that growth followed these innovations. "Gaming digital products went up from 18K to 37K. Sellers increased from 50K to 250K. Customers every month went from 250K to 400K. Employees increased from 300 to over 650 people."
He added: "G2A announced that their Goldmine customers previously earned $1.5 million and that this figure went up to $4 million. We love to share business opportunities with gamers. Everyone is welcome." https://www.g2a.com/goldmine
Additionally, the number of Facebook likes increased from 0.88 to 1.7 million. Social Media reach rose from 201 to 277 million and customers from 4 million to 10 million. Journalists heard some testimonials from developers who have worked closely with G2A such as: Anshar Studios S.A., Reality 51 and Superhot as well as: Datcroft, Navi, Keen Software House, XS Software and Ingenico Payments. http://www.slideshare.net/G2A_Admin/gamescom-2016-ceo-presentation-65443965
The G2A Team answered challenging questions from the floor to transparently explain how the concept of the G2A Marketplace works and the stellar achievements of the past year. Guests were invited to attend the international VIP after party later that evening in association with G-Star and Pocket Gamers. G2A's DNA is to work hard and party harder!
Huawei and OVUM Jointly Release "The Evolution of Big Video - Examining Telco Transformation Video Opportunities"
Three key focuses in enabling telcos' Big Video business transformation
Huawei and OVUM, a leading global technology research and advisory firm, have jointly released the "The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities". This paper covers the current situation for telcos providing video services for the entertainment and communications markets, as well as vertical industry segments. Focused on the usage and penetration of video among the individual, family, and enterprise customer, the paper unveils the latest trends for the evolution of big video and provides suggestions and insights in supporting telcos journeying through ICT and Big Video transformation.
The paper offers a comprehensive analysis on the current status of the video business, as well as insights on the industry's future business outlook, possible business models, subscribers' consumption trends and latest technology-driven forces. Specifically, the white paper points out that:
- By 2020, mobile video usage will have increased to about 75% of total 4G traffic, from 15% in 2016, with 4K UHD video, social media video, mobile video, VR/AR applications, 5G/FTTx network penetration and latest IT technology trends (cloud computing, big data, Telco OS etc.) being the driving forces boosting video usage.
- Enterprise video is also becoming a major factor of this growing video trend. On top of existing incumbent provided video services such as training, meetings with clients and remote medical services, a series of new video conferencing tools is being broadly deployed in various industries.
- Video conferencing is quickly shaping the strategic infrastructure business of telcos. Major players are exploring new ways to implement successful strategies for enterprise video, striving to be the leaders in the field amidst the video business transformation opportunities.
Since big video has already been identified as a strategic imperative, the paper points out that IPTV, SVOD and the broad application of video services will influence how telcos build their big video business strategies. Three important steps to success are:
- First, telcos will need to fully capitalize on the opportunities offered by targeted bundled services: identify individual, family and enterprise groups as the three major markets into which telcos should provide target-oriented and innovative bundled services, such as aggregated online or mobile video services and TV entertainment offerings.
- Second, telcos should strive to ensure customer loyalty and retention by exploring new video business monetization models from simply paying for services to paying for a differentiated, high-quality video user experience.
- Third, yet as important, telcos should attempt to drive integration across the entire video industry ecosystem to maximize the market opportunities for all participants in the video distribution value chain.
Given the explosive growth of video usage, in order to be successful, telcos will need to be proactive and strategically plan their video business development blueprint, as opposed to execution under current existing infrastructure. They will need to transform their networks from simple data conduits to video-centric networks, and drive the growth of the industry through innovative business models and collaboration in the industry ecosystem.
"The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities" jointly presents the insights of OVUM and Huawei's best practices in the field of big video, and is supported by comprehensive research from leading telcos around the world. Huawei has stated that it would continue its commitment to explore the big video market, with the view to support the evolution of big video and support telcos' success in this new business opportunity.
"The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities" can be downloaded here [http://photos.prnasia.com/prnk/20160829/0861608784-a].
About Huawei
Huawei is a leading global information and communications technology (ICT) solutions provider. Our aim is to enrich life and improve efficiency through a better connected world, acting as a responsible corporate citizen, innovative enabler for the information society, and collaborative contributor to the industry. Driven by customer-centric innovation and open partnerships, Huawei has established an end-to-end ICT solutions portfolio that gives customers competitive advantages in telecom and enterprise networks, devices and cloud computing. Huawei's 170,000 employees worldwide are committed to creating maximum value for telecom operators, enterprises and consumers. Our innovative ICT solutions, products and services are used in more than 170 countries and regions, serving over one-third of the world's population. Founded in 1987, Huawei is a private company fully owned by its employees.
For more information, please visit:
www.huawei.com
About 2016 HUAWEI CONNECT
HUAWEI CONNECT will be held August 31 to September 2, at Expo Center, Mercedes-Benz Arena, and Shanghai World Expo Exhibition and Convention Center. It is an integrated conference for the global ICT ecosystem with over 15,000 industry leaders gathering to envision a Better Connected World and the digital transformation of industries. Guests are welcome to visit the Big Data booth of HUAWEI CONNECT and gain further insights on the Big Data white paper.
For more information, please visit:
http://www.huawei.com/minisite/huaweiconnect2016/en/index.html
Huawei and OVUM, a leading global technology research and advisory firm, have jointly released the "The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities". This paper covers the current situation for telcos providing video services for the entertainment and communications markets, as well as vertical industry segments. Focused on the usage and penetration of video among the individual, family, and enterprise customer, the paper unveils the latest trends for the evolution of big video and provides suggestions and insights in supporting telcos journeying through ICT and Big Video transformation.
The paper offers a comprehensive analysis on the current status of the video business, as well as insights on the industry's future business outlook, possible business models, subscribers' consumption trends and latest technology-driven forces. Specifically, the white paper points out that:
- By 2020, mobile video usage will have increased to about 75% of total 4G traffic, from 15% in 2016, with 4K UHD video, social media video, mobile video, VR/AR applications, 5G/FTTx network penetration and latest IT technology trends (cloud computing, big data, Telco OS etc.) being the driving forces boosting video usage.
- Enterprise video is also becoming a major factor of this growing video trend. On top of existing incumbent provided video services such as training, meetings with clients and remote medical services, a series of new video conferencing tools is being broadly deployed in various industries.
- Video conferencing is quickly shaping the strategic infrastructure business of telcos. Major players are exploring new ways to implement successful strategies for enterprise video, striving to be the leaders in the field amidst the video business transformation opportunities.
Since big video has already been identified as a strategic imperative, the paper points out that IPTV, SVOD and the broad application of video services will influence how telcos build their big video business strategies. Three important steps to success are:
- First, telcos will need to fully capitalize on the opportunities offered by targeted bundled services: identify individual, family and enterprise groups as the three major markets into which telcos should provide target-oriented and innovative bundled services, such as aggregated online or mobile video services and TV entertainment offerings.
- Second, telcos should strive to ensure customer loyalty and retention by exploring new video business monetization models from simply paying for services to paying for a differentiated, high-quality video user experience.
- Third, yet as important, telcos should attempt to drive integration across the entire video industry ecosystem to maximize the market opportunities for all participants in the video distribution value chain.
Given the explosive growth of video usage, in order to be successful, telcos will need to be proactive and strategically plan their video business development blueprint, as opposed to execution under current existing infrastructure. They will need to transform their networks from simple data conduits to video-centric networks, and drive the growth of the industry through innovative business models and collaboration in the industry ecosystem.
"The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities" jointly presents the insights of OVUM and Huawei's best practices in the field of big video, and is supported by comprehensive research from leading telcos around the world. Huawei has stated that it would continue its commitment to explore the big video market, with the view to support the evolution of big video and support telcos' success in this new business opportunity.
"The Evolution of Big Video - Examining telco transformation video opportunities" can be downloaded here [http://photos.prnasia.com/prnk/20160829/0861608784-a].
About Huawei
Huawei is a leading global information and communications technology (ICT) solutions provider. Our aim is to enrich life and improve efficiency through a better connected world, acting as a responsible corporate citizen, innovative enabler for the information society, and collaborative contributor to the industry. Driven by customer-centric innovation and open partnerships, Huawei has established an end-to-end ICT solutions portfolio that gives customers competitive advantages in telecom and enterprise networks, devices and cloud computing. Huawei's 170,000 employees worldwide are committed to creating maximum value for telecom operators, enterprises and consumers. Our innovative ICT solutions, products and services are used in more than 170 countries and regions, serving over one-third of the world's population. Founded in 1987, Huawei is a private company fully owned by its employees.
For more information, please visit:
www.huawei.com
About 2016 HUAWEI CONNECT
HUAWEI CONNECT will be held August 31 to September 2, at Expo Center, Mercedes-Benz Arena, and Shanghai World Expo Exhibition and Convention Center. It is an integrated conference for the global ICT ecosystem with over 15,000 industry leaders gathering to envision a Better Connected World and the digital transformation of industries. Guests are welcome to visit the Big Data booth of HUAWEI CONNECT and gain further insights on the Big Data white paper.
For more information, please visit:
http://www.huawei.com/minisite/huaweiconnect2016/en/index.html
Biotherm Homme and David Beckham Open New Chapter of Their Collaboration With New Skincare Campaign
Biotherm Homme, Ndegree(s)1 in premium men's skincare[1], presents Force Supreme: The Story of My Life the new film featuring David Beckham. The video, shot by acclaimed director Johan Renck, celebrates the legendary sportsman's life story as told through his extraordinary body of ink.
To view the Multimedia News Release, please click:
http://www.multivu.com/players/uk/7914051-biotherm-david-beckham-skincare-campaign
Standing for a generation of men who are traveling, working and living more throughout their 40s, David Beckham remains a grooming icon and a role model. Beyond his 40s, his success story is still being written. And he decides how to tell it for new Biotherm Homme Force Supreme campaign.
David Beckham: "I use Biotherm Homme Force Supreme serum to improve my skin. I also recently discovered the new Force Supreme Life Essence which is really a booster in the morning."
From cleansing to targeting the eye zone to hydrating: the Force Supreme range, with all-new Force Supreme Life Essence, covers every step on the road to better, younger-looking skin.
About Biotherm Homme
French luxury skincare brand Biotherm launched Biotherm Homme in 1985. For 30 years, Biotherm Homme has played a pioneering role in men's skincare, creating solutions to respond to the specific needs of men's skin, with products such as the breakthrough gel moisturizer Aquapower and the corrective anti-aging cream Force Supreme. The brand offers a complete range of over 80 advanced skincare solutions adapted to different skin types and concerns. They all share the power of aquatic ingredients, which ensure light and invigorating textures. Biotherm Homme is one of the brands across the L'Oreal Luxe portfolio http://www.biothermhomme.com
Follow Biotherm Homme on Instagram @BiothermHomme
To view the Multimedia News Release, please click:
http://www.multivu.com/players/uk/7914051-biotherm-david-beckham-skincare-campaign
Standing for a generation of men who are traveling, working and living more throughout their 40s, David Beckham remains a grooming icon and a role model. Beyond his 40s, his success story is still being written. And he decides how to tell it for new Biotherm Homme Force Supreme campaign.
David Beckham: "I use Biotherm Homme Force Supreme serum to improve my skin. I also recently discovered the new Force Supreme Life Essence which is really a booster in the morning."
From cleansing to targeting the eye zone to hydrating: the Force Supreme range, with all-new Force Supreme Life Essence, covers every step on the road to better, younger-looking skin.
About Biotherm Homme
French luxury skincare brand Biotherm launched Biotherm Homme in 1985. For 30 years, Biotherm Homme has played a pioneering role in men's skincare, creating solutions to respond to the specific needs of men's skin, with products such as the breakthrough gel moisturizer Aquapower and the corrective anti-aging cream Force Supreme. The brand offers a complete range of over 80 advanced skincare solutions adapted to different skin types and concerns. They all share the power of aquatic ingredients, which ensure light and invigorating textures. Biotherm Homme is one of the brands across the L'Oreal Luxe portfolio http://www.biothermhomme.com
Follow Biotherm Homme on Instagram @BiothermHomme
Subscribe to:
Posts (Atom)