"ผมต้องขอขอบคุณ ขอบคุณมาก ๆ ครับ ผมรู้สึกตื้นตันและภาคภูมิใจในการเป็นศิลปินที่มีผู้ฟังมากที่สุดในโลกบนสปอติฟาย สิ่งนี้ยิ่งใหญ่เหนือกว่า J Balvin โดยเป็นการเคลื่อนไหวและเป็นความยิ่งใหญ่ในภาษาสเปน วันนี้เรากำลังแสดงให้เห็นว่า ชาวละตินมีพลังในการเชื่อมโยงกับผู้ฟังในระดับโลก โดยไม่จำเป็นต้องละทิ้งเอกลักษณ์ของเราไว้เบื้องหลัง สิ่งนี้ถือเป็นความสำเร็จสำหรับชุมชนชาวละตินทุกคน ทั้งนี้ ผมต้องขอขอบคุณทางสปอติฟาย ที่ได้ให้การสนับสนุนอย่างมหาศาลต่อวงการเพลงเรเกตอน" - J BALVIN
"J Balvin กำลังแสดงให้เห็นในช่วงเวลาสำคัญนี้ว่า เพลงภาษาสเปนไม่มีพรมแดน ผลงานเพลงของศิลปินผู้นี้ไม่ได้จำกัดแค่บนแพลตฟอร์มสตรีมเพลงเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมตามไนท์คลับ คลื่นวิทยุ และอื่น ๆ ซึ่งยังคงแพร่หลายในวงกว้าง และเข้าถึงผู้ฟังในทุกภูมิหลังทางสังคมทั่วโลก โดยศิลปินค่ายยูนิเวอร์แซล โคลอมเบีย อายุน้อยผู้นี้ กำลังกลายเป็นผู้สร้างตำนานหน้าใหม่ให้กับวงการเพลงของเรา" - Jesus Lopez ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของยูนิเวอร์แซล มิวสิค ประจำลาตินอเมริกาและคาบสมุทรไอบีเรีย กล่าว
อัลบั้ม "Vibras" ของ J Balvin ถือเป็นการเดบิวต์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของปีในวงการเพลงลาติน โดยอัลบั้มนี้ได้รับเลือกให้เป็น 'One of the Best Albums of The Year So Far' โดย TIME, ROLLING STONE และ BILLBOARD
ศิลปินผู้มีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองเมเดยิน ประเทศโคลอมเบียนี้มีนามว่า Jose ?lvaro Osorio Balvin หรือที่แฟน ๆ ทั่วโลกรู้จักกันในนาม J BALVIN เจ้าของรางวัลลาตินแกรมมี่หลายสมัย ซึ่งได้รับการยกย่องจาก Billboard ให้เป็น "ผลงานเบิกทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยปรากฏให้เห็นในวงการเพลงลาตินในรอบหลายปี" และเป็นศิลปินลาตินรายเดียวที่อยู่ในรายชื่อ "New Classics" ของ Rolling Stone ซึ่งได้กล่าวยกย่องไว้ว่า "บุคคลหัวคิดสร้างสรรค์... ผู้ที่ไม่ยอมอยู่ในกฎเกณฑ์ของวันเก่า เพื่อมุ่งกำหนดขอบเขตของวันข้างหน้า" J Balvin มีสไตล์ที่โดดเด่นเป็นของตนเอง ซึ่งให้ความเคารพนับถือต่อดาวเด่นแห่งวงการเพลงเรเกตอนรุ่นแรกจากเปอร์โตริโก แต่ขณะเดียวกันก็หลอมรวมเข้ากับจังหวะดนตรีโคลอมเบียนและเพลงฮิปฮอปกระแสหลัก รวมถึงเนื้อเพลงอันเย้ายวนใจ และความหลงใหลอันแรงกล้าในเรื่องแฟชั่น ส่งผลให้ J Balvin ขึ้นแท่นผู้นำวงการเพลงเรเกตอนรุ่นที่ 2 อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพื่อขับเคลื่อนดนตรีแนวเออร์เบินกลับเข้าสู่วงการเพลงลาตินทั่วโลก
J Balvin เป็นเจ้าของอัลบั้ม LA FAMILA ที่ทำขึ้นกับค่ายยักษ์ใหญ่จนประสบความสำเร็จในการสร้างชื่อให้กับตนเอง ทั้งยังเป็นเจ้าของอัลบั้มระดับแพลตตินัมอย่าง ENERGIA (อัลบั้มเพลงลาตินอันดับ 1 ประจำปี 2016) ตลอดจนซิงเกิลดังที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้อย่าง Mi Gente และ Machika โดย J Balvin กระโดดคว้าตำแหน่งซิงเกิลเพลงลาตินอันดับ 1 ไปได้ถึง 9 เพลง มียอดผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียกว่า 50 ล้านคน และยอดรับชมบน YouTube รวมกันถึง 1 หมื่นล้านครั้ง และเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซิงเกิล "Mi Gente" ของ J Balvin ได้กลายเป็นเพลงภาษาสเปนล้วนเพลงแรกที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Global 50 ของสปอติฟาย และวันนี้ Balvin ก็ได้แซงหน้า Drake เพื่อก้าวขึ้นเป็นศิลปินอันดับ 1 ของโลกบนสปอติฟาย นอกจากนี้ สไตล์อันบุกเบิกและความสำเร็จบนชาร์ตเพลงของ J Balvin ยังทำให้ศิลปินผู้นี้ กลายเป็นคอลลาบอเรเตอร์คิวทองอันดับต้น ๆ ของวงการเพลงลาติน โดยนับจนถึงวันนี้ เขาได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Beyonce, Justin Bieber, Cardi B, Liam Payne, Nicky Jam, Pharrell Williams, Ariana Grande, Major Lazer, Poo Bear, Juanes, Daddy Yankee, Camilla Cabelo และอื่น ๆ
สำหรับอัลบั้ม VIBRAS ที่ได้ปล่อยออกมาจนฮิตติดชาร์ตไปแล้วนี้ J Balvin ได้ตอกย้ำความสำเร็จด้วยการเพิ่มบทเพลงใหม่ในอัลบั้มดังกล่าว ซึ่งเป็นการรวบรวมเพลงเก่า ๆ ในสไตล์เรเกตอนแบบโอลด์สคูล ผสมผสานเข้ากับจังหวะสุดเร้าใจที่ทำให้แนวเพลงดังกล่าวมีความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงจังหวะมัน ๆ ที่จะทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องหลงรักดนตรีสไตล์ลาตินเออร์เบิน Balvin ได้เลือกที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของดนตรีแนวนี้ ด้วยการจับคู่ศิลปินเป็นกลุ่มเฉพาะ ซึ่งเป็นการสาดแสงสปอตไลท์ไปที่ศิลปินเพลงเรเกตอนร่วมสมัยชื่อดัง (Wisin y Yandel, Zion & Lennox) ตลอดจนศิลปินเพลงลาตินผู้ผสมผสานหลากหลายแนวเพลงที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง (Carla Morrison, Rosalio) และศิลปินดาวรุ่งระดับโลกอาทิ Willy William, Anitta และ Jeon รวมถึงซูเปอร์สตาร์มากความสามารถอีกหลายท่านที่มาร่วมกันสร้างสีสันกันในบทเพลงต่าง ๆ ตามที่ปรากฎอยู่ในเครดิต สำหรับเพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มนั้นเป็นผลงานการโปรดิวซ์ของ Sky โปรดิวเซอร์คู่ซี้ชาวโคลอมเบียที่ร่วมงานกับ Balvin มาอย่างยาวนาน ร่วมด้วยนักบุกเบิกเพลงเรเกตอนชาวเปอร์โตริโกอย่าง Tainy ขณะที่ Willy William และ Chuckie & Childsplay รับหน้าที่โปรดิวซ์ซิงเกิลฮิตอันดับ 1 อย่าง "Mi Gente" และ "Machika" ตามลำดับ แต่ไม่ว่าจะเป็นจังหวะดนตรีสุดเร้าใจในเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว หรือจังหวะสบาย ๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางฤดูร้อนของเพลง "Vibras" และซิงใหม่อย่าง "Ambiente" ศิลปินมากฝีมืออย่าง Balvin ก็ไม่ลืมที่จะผสานแนวดนตรีที่ทำให้ผู้ฟังทุกเพศทุกวัย จูนติดได้ง่าย เพื่อทำให้ผู้ฟังทั่วโลกเข้าใจถึงวัฒนธรรมลาติน และขับเคลื่อนให้เพลงภาษาสเปนเป็นที่นิยมเฉกเช่นเดียวกับเพลงป๊อปทั่วโลก
เตรียมตัวมันกันให้สุดเหวี่ยงกับทัวร์คอนเสิร์ต VIBRAS TOUR, Powered by Buchanan's Whisky ของ J BALVIN ที่อเมริกาเหนือในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยทัวร์คอนเสิร์ต 27 วันซึ่งจัดโดย Live Nation นี้ จะเปิดฉากในวันที่ 19 กันยายน ที่เมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ตามมาด้วยเมืองลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก ไมอามี ชิคาโก ลาสเวกัส ฮูสตัน และอื่น ๆ อีกมากมาย
ดาวน์โหลดรูปภาพและวิดีโอได้ที่
https://umusic.box.com/s/yaopaib78w4x20h290b657zkeyk46t4q
www.JBalvin.com – Instagram - Twitter - YouTube - Facebook – Spotify – Apple Music - iTunes
เกี่ยวกับยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป
ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป (Universal Music Group หรือ UMG) เป็นผู้นำด้านดนตรีและความบันเทิงระดับโลก โดยทำธุรกิจด้านการบันทึกเสียง การเผยแพร่ดนตรี รวมถึงการจำหน่ายสินค้า และผลิตคอนเทนต์ภาพและเสียงในกว่า 60 ประเทศ ด้วยประสบการณ์การบันทึกเสียงและบทเพลงในทุกประเภทดนตรี UMG จึงได้เฟ้นหาและพัฒนาศิลปิน รวมถึงได้โปรดิวซ์และจัดจำหน่ายดนตรีที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ด้วยความมุ่งมั่นในด้านศิลปะ นวัตกรรม และความเป็นผู้ประกอบการ UMG ได้เดินหน้าพัฒนาบริการ แพลตฟอร์ม และโมเดลธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสด้านศิลปะและการค้าให้กับบรรดาศิลปิน พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแฟนเพลง
ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป เป็นบริษัทในเครือ Vivendi สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www.universalmusic.com
No comments:
Post a Comment