Monday, June 25, 2018

Whisk ส่งผลงาน Culinary Coach นวัตกรรมขุมพลัง AI คว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวด Ascensia Diabetes Challenge

          วันนี้ที่การประชุม Scientific Sessions ครั้งที่ 78 ของสมาคมโรคเบาหวานแห่งอเมริกา (ADA) ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา Ascensia Diabetes Care ได้ประกาศให้ Whisk จากสหราชอาณาจักร เป็นผู้ชนะการประกวดนวัตกรรมระดับโลก Ascensia Diabetes Challenge ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาโซลูชั่นดิจิทัลสำหรับรับมือโรคเบาหวานชนิดที่ 2


          นวัตกรรมของ Whisk ที่ชนะการประกวดครั้งนี้ได้แก่ Culinary Coach ซึ่งใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการให้คำแนะนำด้านอาหารอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคล โดยประเมินจากรสชาติที่ชื่นชอบและอาหารที่เลี่ยงรับประทาน จากนั้นจะใช้ข้อมูลระดับน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดสำหรับให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานต่อไป โดยในวันนี้ Whisk เตรียมนำเสนอโซลูชั่นที่คว้ารางวัลชนะเลิศดังกล่าวต่อแวดวงโรคเบาหวานเป็นครั้งแรก ที่งาน 2018 DiabetesMine D-Data Exchange Event ในเมืองออร์แลนโด

          นวัตกรรมที่ Whisk ได้พัฒนาขึ้นนี้ เป็นแพลตฟอร์มโภชนาการที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ซึ่งขณะนี้กำลังเปิดให้ผู้ใช้งานได้ค้นดูสูตรอาหารตามปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่ตนชื่นชอบ ข้อจำกัดด้านเวลา งบประมาณ ข้อจำกัดด้านสภาพอากาศและอาหาร ไปจนถึงอาการแพ้ เมื่อผู้ใช้งานเลือกเพิ่มสูตรอาหารลงในแผนการทำอาหารของตนเองแล้ว ระบบก็จะเพิ่มสูตรอาหารดังกล่าวลงในรถเข็นช็อปปิงออนไลน์โดยอัตโนมัติ ตามร้านค้าปลีกของชำชั้นแนวหน้าของโลก ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อวัตถุดิบทำอาหารต่อไปได้โดยไม่สะดุด

          ในฐานะผู้ชนะของการประกวดครั้งนี้ Whisk มีแผนที่จะมอบประสบการณ์ด้านอาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยจะประเมินค่าวัดระดับน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือด เพื่อให้คำแนะนำด้านอาหารที่ตรงกับลักษณะโรคเบาหวานของผู้ป่วยแต่ละราย เทคโนโลยี AI ในแพลตฟอร์มดังกล่าวจะใช้ค่าวัดจากระบบวัดระดับน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดของ Ascensia เพื่อวิเคราะห์ว่าค่าวัดระดับน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดของผู้ใช้งานนั้น ตอบสนองต่ออาหารและสูตรอาหารเฉพาะเจาะจงอย่างไรบ้าง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวางแผนการรับประทานอาหารเพื่อคุมระดับน้ำตาลให้เหมาะสม โดย Culinary Coach ที่รองรับโรคเบาหวานนี้ จะเริ่มด้วยการให้คำแนะนำด้านอาหารที่ตรงกับผู้ใช้งานแต่ละราย และในอนาคตจะพัฒนาให้ครอบคลุมอาหารกึ่งสำเร็จรูปและตัวเลือกร้านอาหารด้วย

          ไมเคิล คลอส ซีอีโอและประธานของ Ascensia Diabetes Care กล่าวว่า "โภชนาการและการเลือกรับประทานอาหารเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งในการรับมือกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยทางคณะกรรมการผู้ตัดสินและตัวผมเองนั้น รู้สึกประทับใจอย่างยิ่งกับเครื่องมือของ Whisk ตลอดจนแผนการพัฒนาให้ครอบคลุมผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทั้งนี้ การช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถค้นหาคำแนะนำด้านอาหารที่ทั้งตรงใจและดีต่อสุขภาพของตนเอง โดยประเมินจากค่าวัดระดับน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดและอาหารที่ชื่นชอบนั้น เปิดโอกาสให้เราสามารถนำเสนอทางเลือกให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวนหลายล้านคน เพื่อให้พวกเขามีตัวเลือกอาหารที่ทั้งดีต่อสุขภาพและมีรสชาติอร่อยถูกปาก"

          โซลูชั่นของ Whisk ได้รับการคัดเลือกจากผลงานที่ส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 116 ผลงาน จาก 25 ประเทศ โดย Whisk จะได้รับเงินรางวัล 100,000 ยูโร เพื่อนำไปสร้างและนำร่องบริการใหม่อันน่าตื่นเต้นนี้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 พร้อมร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับ Ascensia Diabetes Care เพื่อนำเสนอโซลูชั่นนี้แก่ผู้ป่วย

          เทคโนโลยีหลักของ Whisk ใช้ออนโทโลยีอาหารที่มีความครอบคลุม ซึ่งรู้จักในชื่อ Food Genome(TM) โดยเป็นการรวบรวมและทำความเข้าใจข้อมูลโภชนาการในระดับจุลภาคและมหภาค ตลอดจนสารประกอบรสชาติ การเก็บรักษา ราคา และโปรโมชั่นต่าง ๆ ปัจจุบัน Whisk เปิดให้ใช้บริการในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ซึ่งมีผู้ใช้บริการจัดทำรายการสินค้าหรือช็อปปิงลิสต์ถึงห้าแสนรายการทุกเดือน ตามห้างค้าปลีกอย่าง Walmart, Tesco และ Amazon Fresh

          นิค โฮลเซอร์ ผู้ก่อตั้งแต่ซีอีโอของ Whisk กล่าวว่า "เรารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะการประกวด Ascensia Diabetes Challenge โรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั้นเพิ่มระดับของการระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ Whisk ก็ตื่นเต้นที่ได้คิดค้นโซลูชั่นที่เราคิดว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยเหล่านี้ในการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต เราหวังว่าผลงานของเราร่วมกับ Ascensia Diabetes Care จะช่วยให้วิธีการจัดการอาการเปลี่ยนไป"

          นอกจากตำแหน่งชนะเลิศแล้ว ยังได้มีการมอบรางวัลให้แก่รองชนะเลิศจำนวนสองรางวัล ได้แก่ Qstream จากสหรัฐที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศจากแพลตฟอร์มเรียนรู้ทางมือถือ ซึ่งผสมผสานคอนเซปต์การเรียนรู้แบบ spaced education เข้ากับระบบเกมที่น่าสนใจ แพลตฟอร์มนี้ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างสร้างสรรค์ และได้รับการพิสูจน์แล้วในการทดลองแบบสุ่มเพื่อลด HbA1c ในผู้ป่วยเบาหวาน [1] อย่างยั่งยืน ขณะที่รองชนะเลิศอีกราย ได้แก่ xBird บริษัทซอฟต์แวร์ทางการแพทย์จากเยอรมนีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ของบริษัทวิเคราะห์การเคลื่อนไหวระดับจุลภาคที่เก็บข้อมูลด้วยสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ เพื่อนำมาใช้เปรียบเทียบกับประวัติข้อมูลระดับกลูโคสในเลือดของผ้ป่วย โดยมีเป้าหมายเพื่อทำนายและตรวจจับความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งนี้ รองชนะเลิศทั้งสองรายจะได้รับเงินรางวัล 30,000 ยูโร เพื่อใช้ในการพัฒนาโซลูชั่นของตนเองต่อไป

          ขณะเดียวกัน Walk With Path ยังเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ได้รับการยกย่อง จากนวัตกรรมแผ่นรองรองเท้าสำหรับผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบที่เกิดจากเบาหวาน นวัตกรรมนี้ทำงานด้วยการตรวจจับแรงสั่นสะเทือนระหว่างการเดินซึ่งจะถูกแสดงบนแอพ และออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยทรงตัวได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการล้ม โดย Ascencia จะให้การสนับสนุน Walk With Path ในการศึกษาความเป็นไปได้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

          ไมเคิลกล่าวเพิ่มเติมว่า "เราตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับโซลูชั่นดิจิทัลคุณภาพสูงเหล่านี้ ที่จะมาช่วยปฏิวัติการจัดการโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผลงานที่ชนะรางวัลต่างเน้นย้ำให้เห็นว่าเรากำลังเข้าสู่โลกแห่งสุขภาพดิจิทัล ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและดิจิทัลสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความต้องการเร่งด่วนที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง"



No comments:

Post a Comment