คุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนานทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เดินหน้าผลักดันตัวเองให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศในภูมิภาค โดยได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็วตลอด 70 ปีที่ผ่านมา
เมืองคุนหมิงเดินหน้ายกระดับการเปิดกว้างเพื่อรองรับโครงการ Belt and Road โดยได้สร้างความร่วมมือทางการค้ากับ 203 ประเทศและดินแดน ทั้งยังดึงดูดบริษัท 98 แห่งที่ติดอันดับบริษัทชั้นนำของโลก 500 แห่งให้เข้ามาลงทุนในเมือง และในปี 2561 มูลค่าการส่งออกของเมืองทะยานแตะ 1.312 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในช่วงปี 2495-2561 GDP ของเมืองคุนหมิงเพิ่มขึ้นจาก 156 ล้านหยวนเป็น 5.206 แสนล้านหยวน พุ่งขึ้นถึง 543 เท่า และ GDP ต่อหัวพุ่งทะลุ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้ของเมืองเพิ่มขึ้นจาก 366 ล้านหยวนในปี 2521 เป็น 5.9563 หมื่นล้านหยวนในปี 2561 ทะยานขึ้นถึง 162.7 เท่า นอกจากนี้ โครงสร้างอุตสาหกรรมของเมืองยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนของอุตสาหกรรมขั้นปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากระดับ 39:34:27 ในปี 2495 เป็น 4.3:38.4:57.3 ในปี 2561
ในด้านการขยายเมือง เขตเมืองของคุนหมิงขยายตัวจาก 7.8 ตารางกิโลเมตรในปี 2492 ซึ่งเป็นปีที่มีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็น 416 ตารางกิโลเมตรในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นถึง 52.3 เท่า และในปัจจุบัน ประชากรในเขตเมืองคิดเป็นสัดส่วน 72.9% ของประชากรทั้งหมดในเมืองคุนหมิง เพิ่มขึ้นจากปี 2521 ที่มีสัดส่วนเพียง 29.5%
ในแง่ของการคมนาคม อัตราความครอบคลุมของเครือข่ายรถโดยสารประจำทางในเมืองอยู่ที่ระดับ 79% มากที่สุดเป็นอันดับสองในบรรดาเมืองทั้งหมดในประเทศจีน ส่วนทางรถไฟในเมืองมีความยาวรวม 88.76 กิโลเมตร และทางด่วนมีความยาวรวม 766 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังมีท่าอากาศยานนานาชาติคุนหมิงฉางสุ่ยที่เปิดให้บริการในปี 2555 ส่งผลให้การคมนาคมของเมืองคุนหมิงได้รับการยกระดับไปอีกขั้น
คุนหมิง เมืองที่ได้รับสมญานามว่า "นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ" ส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแข็งขัน และให้ความสำคัญอย่างมากกับการสร้างอารยธรรมทางระบบนิเวศ ในปี 2561 อัตราความครอบคลุมของป่าไม้ในเมืองเพิ่มขึ้นแตะ 49.57% และพื้นที่สีเขียวสาธารณะต่อหัวเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าจากปี 2495 ส่วนคุณภาพน้ำในทะเลสาบเตียนฉือเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4 ในปี 2561 ซึ่งดีที่สุดในรอบ 30 ปี จากที่เคยเป็นทะเลสาบที่มีมลพิษสูงสุดแห่งหนึ่งในประเทศ
สามารถดูข่าวต้นฉบับได้ที่ https://en.imsilkroad.com/p/308507.html
No comments:
Post a Comment