แผนแม่บท The Journey Through Time Masterplan ซึ่งเป็นโครงการฟื้นฟูโอเอซิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และมีมูลค่าในการพัฒนารวมกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.7 หมื่นล้านริยัลซาอุดีอาระเบีย) พร้อมเปิดรับการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ
ทุ่มงบ 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.2 หมื่นล้านริยัลซาอุดีอาระเบีย) ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักที่มีความสำคัญ พร้อมเปิดรับการลงทุนจากเอกชน
เงิน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ได้มาจากการระดมทุนระดับ Seed Fund ซึ่งสนับสนุนโดยภาครัฐ ได้นำไปใช้ลงทุนในโครงการสำคัญ ๆ เพื่อมอบโอกาสการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ
เนื่องในวาระครบรอบการประกาศวิสัยทัศน์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย ทาง Royal Commission for AlUla (RCU) ได้ประกาศว่า แผนแม่บท The Journey Through Time Masterplan พร้อมนำเสนอโอกาสการลงทุนมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.7 หมื่นล้านริยัลซาอุดีอาระเบีย) ในโครงการต่าง ๆ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
The Journey Through Time Masterplan คือแผนแม่บทในการปกป้องประวัติศาสตร์ของมนุษย์และธรรมชาติอันยาวนานถึง 200,000 ปี ในพื้นที่ประวัติศาสตร์หลักของเมืองอัลอูลาที่แบ่งเป็น 5 เขต และทอดยาว 20 กิโลเมตร โดยมีเป้าหมายในการสร้างมาตรฐานการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพ ด้วยการสร้างความยั่งยืนทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม แผนแม่บทนี้ตั้งเป้าสร้างโอกาสการลงทุนอันแข็งแกร่งในเมืองอัลอูลา เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจซาอุดีอาระเบียให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งสร้างงานและสร้างโอกาสมากมายให้กับคนในชุมชน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเป้าหมายสำคัญภายใต้วิสัยทัศน์ Vision 2030
"แผนแม่บท The Journey Through Time Masterplan มีมูลค่าในการพัฒนารวมกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพสูงสุดของเมืองอัลอูลา เรามอบโอกาสการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำผ่านการระดมทุนระดับ Seed Fund มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (7.5 พันล้านริยัลซาอุดีอาระเบีย) และสร้างกรอบธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่ง เพื่อวางรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ โดยมีเป้าหมายในการฟื้นฟูเมืองอันเป็นสถานที่ตั้งของแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก" Amr AlMadani ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Royal Commission for AlUla กล่าว "เมืองอัลอูลาให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานอันแข็งแกร่ง รวมถึงการปกป้องมรดกและวัฒนธรรมของเมือง จึงมีการจัดสรรงบประมาณ 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักที่มีความสำคัญ"
งบประมาณ 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักในเมืองอัลอูลา เพื่อสร้างจุดหมายปลายทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งอนาคต ประกอบด้วยการสร้างเส้นทางเดินรถรางปล่อยคาร์บอนต่ำยาว 46 กิโลเมตร (เฟสแรก 22 กิโลเมตร), การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าใช้พลังงานหมุนเวียนรองรับดีมานด์อย่างน้อย 50% ภายในปี 2035, การเพิ่มกำลังการผลิตน้ำดื่ม โดยเน้นปรับปรุงและรวมศูนย์ระบบจัดหาน้ำดื่ม ซึ่งรวมถึงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลและการดำเนินโครงการอนุรักษ์น้ำ, การเพิ่มกำลังการบำบัดน้ำเสียด้วยการปรับปรุงโรงงานบำบัดน้ำเสียใน Mughayra
RCU มุ่งมั่นลดความเสี่ยงของการลงทุนในอนาคต ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาแหล่งมรดกและโครงสร้างพื้นฐานหลัก โดยได้ลงทุนไปแล้ว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการพัฒนาสำคัญ ๆ ซึ่งรวมถึงการขยายท่าอากาศยานนานาชาติอัลอูลา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น อาชาร์ (Ashar) และอาคารอเนกประสงค์มารายา (Maraya)
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองอัลอูลายังครอบคลุมถึงการวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้วยการสร้างห้องพักเพิ่ม 5,000 ห้อง เพื่อให้มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 9,400 ห้องภายในปี 2035
ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของเมืองอัลอูลาเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน เพราะได้รับความสนใจอย่างมากจากบรรดาผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและการออกแบบ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ระดับโลกอย่าง Aman, Accor/Banyan Tree และ Habitas นอกจากนี้ เมืองอัลอูลาจะเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทหรูที่ออกแบบโดยบริษัทสถาปัตยกรรมชั้นนำอย่าง Atelier Jean Nouvel ซึ่งจะชุบชีวิตให้กับมรดกทางสถาปัตยกรรมอายุ 2,000 ปีของราชอาณาจักรแนบาเทีย (Nabataea)
ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองอัลอูลาได้รับการชี้นำโดยกฎบัตร AlUla Sustainability Charter ซึ่งเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติตามกลยุทธ์ความเป็นกลางทางคาร์บอนและหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน นโยบายความยืดหยุ่นในการพัฒนาพื้นที่มรดกและพื้นที่อ่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงนโยบายจัดการน้ำและปลูกพืช นอกจากนี้ แผนแม่บทดังกล่าวยังสนับสนุนโครงการ Saudi Green Initiative ด้วยการขยายพื้นที่เปิดและพื้นที่สีเขียวในเมืองอัลอูลามากถึง 10 ล้านตารางเมตร
โอกาสการลงทุนที่มาบรรจบกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ส่งผลให้เมืองอัลอูลาสามารถนำเสนอโอกาสการลงทุนในภาคส่วนใหม่อันคึกคักของเศรษฐกิจซาอุดีอาระเบีย โดยเมืองอัลอูลาพร้อมนำเสนอโอกาสการลงทุนมากมายในสินทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ทั้งโครงการวัฒนธรรมระดับแลนด์มาร์ก รวมถึงโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม สาธารณูปโภคและระบบขนส่ง โรงแรม ที่พักอาศัย และอาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ แผนแม่บท The Journey Through Time Masterplan แบ่งเป็น 3 ระยะ ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2023, 2030 และ 2035 ตามลำดับ
Amr AlMadani กล่าวเสริมว่า "การลงทุนด้วยความรับผิดชอบจะสร้างโอกาสทางธุรกิจและผลตอบแทนจากการลงทุนที่แข็งแกร่ง พร้อมกับช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม สำหรับพันธมิตรของเราทั่วโลก นี่คือโอกาสในการเข้าสู่ภาคส่วนใหม่เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม"
The Journey Through Time Masterplan คือแผนแม่บทแรกภายใต้แผนการมากมายของเมืองอัลอูลา โดยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของเมืองอัลอูลาด้วยความรับผิดชอบ เมื่อยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองอัลอูลาดำเนินการจนเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในปี 2035 จะเกิดการสร้างตำแหน่งงานใหม่ 38,000 ตำแหน่ง ขณะที่จำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นเป็น 130,000 คน และเมืองอัลอูลาจะสร้างมูลค่าราว 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.20 แสนล้านริยัลซาอุดีอาระเบีย) ให้แก่ GDP ของประเทศ นอกจากนี้ โอกาสอันโดดเด่นเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมและเร่งการพัฒนาธุรกิจและการลงทุนจากพันธมิตรที่มีค่านิยมร่วมกับ RCU ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ รวมถึงการเปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วม
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนแม่บท The Journey Through Time Masterplan ได้ที่ https://ucl.rcu.gov.sa
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในเมืองอัลอูลาได้ที่ https://ucl.rcu.gov.sa/en/investment หรือติดต่อ investalula@rcu.gov.sa
เกี่ยวกับอัลอูลา
อัลอูลา อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ห่างจากกรุงริยาด 1,100 กิโลเมตร รุ่มรวยด้วยมรดกของมนุษย์และธรรมชาติอันแสนมหัศจรรย์ พื้นที่อันกว้างขวาง 22,561 ตารางกิโลเมตร มีทั้งหุบเขาอันเขียวชอุ่ม ภูเขาหินทรายตั้งตระหง่าน และแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอายุเก่าแก่หลายพันปี
สถานที่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในอัลอูลาคือเมืองโบราณเฮกรา (Hegra) แหล่งมรดกโลกแห่งแรกของซาอุดีอาระเบียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก เมืองโบราณแห่งนี้มีพื้นที่ 52 เฮกตาร์ และเคยเป็นเมืองสำคัญทางตอนใต้ของราชอาณาจักรแนบาเทีย โดยมีสุสานเกือบ 100 แห่งที่ยังอยู่ในสภาพดีและมีการตกแต่งผนังภายนอกอย่างวิจิตรงดงามด้วยการขุดภูเขาหินทราย ผลวิจัยบ่งชี้ว่าเฮกราคือดินแดนใต้สุดของอาณาจักรโรมัน หลังจากเอาชนะราชอาณาจักรแนบาเทียในคริสตศักราช 106
นอกจากเมืองโบราณเฮกราแล้ว อัลอูลายังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น เมืองโบราณ (Old Town) ที่ล้อมรอบด้วยโอเอซิสโบราณ, ดาดัน (Dadan) เมืองหลวงของราชอาณาจักรดาดัน ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่เจริญที่สุดในคาบสมุทรอาหรับในช่วง 1000 ปีก่อนคริสตกาล, การจารึกและงานศิลปะบนหินหลายพันชิ้นในจาบาล อิกมาห์ (Jabal Ikmah) และสถานีรถไฟฮิญาซ (Hijaz)
หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ
ชื่อเมืองอัลอูลาในภาษาอังกฤษสะกดว่า AlUla เสมอ ไม่ใช่ Al-Ula
เกี่ยวกับ Royal Commission for AlUla
Royal Commission for AlUla (RCU) ก่อตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาในเดือนกรกฎาคมปี 2017 เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาเมืองอัลอูลาในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีความสำคัญในเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ แผนการระยะยาวของ RCU คือการพัฒนาเศรษฐกิจและเมืองด้วยความระมัดระวัง รับผิดชอบ และยั่งยืน พร้อมกับอนุรักษ์มรดกทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติในพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมให้เมืองอัลอูลาเป็นจุดหมายปลายทางการอยู่อาศัย ทำงาน และท่องเที่ยว เป้าหมายเหล่านี้ก่อให้เกิดโครงการมากมายทั้งในด้านโบราณคดี การท่องเที่ยว วัฒนธรรม การศึกษา และศิลปะ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการตอบสนองต่อความหลากหลายทางเศรษฐกิจ การสร้างพลังให้กับชุมชน และการอนุรักษ์มรดกตกทอดตามวิสัยทัศน์ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1497999/AlUla_Saudi_Arabia_1.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1498000/AlUla_Saudi_Arabia_2.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1498001/AlUla_Saudi_Arabia_3.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1498002/AlUla_Saudi_Arabia_4.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1498003/AlUla_Saudi_Arabia_5.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1498004/AlUla_Saudi_Arabia_6.jpg
No comments:
Post a Comment