Monday, November 30, 2015

A Journey Through Time IX นำเสนอการผสานแฟชั่นและดนตรี เพื่อการเริ่มต้นอันน่าจดจำของงานแสดงนาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย

          A Journey Through Time งานจัดแสดงนาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียได้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายหลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย A Journey Through Time IX (AJTT) ถือเป็นงานซึ่งจัดต่อเนื่องกันเป็นเวลานานที่สุดงานหนึ่งของวงการบนพื้นที่ 30,000 ตารางฟุตของ Starhill Gallery ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ สำหรับในปีนี้มีแบรนด์นาฬิกา เครื่องประดับอัญมณี และแบรนด์ไลฟ์สไตล์นานาชาติกว่า 125 แบรนด์เข้าร่วมงาน ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 - 27 พฤศจิกายน 2558

          "ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ความงาม และความเที่ยงตรงคือองค์ประกอบที่ทำให้เกิดผลงานศิลปะที่แท้จริง A Journey Through Time ยังเป็นการเฉลิมฉลองคุณสมบัติเหล่านี้ ซึ่งส่งมอบประสบการณ์ที่ผ่านการคัดสรรอย่างดี เพื่อให้เราได้ชื่นชมกับเรื่องรายวและความปรารถนาเบื้องหลังนาฬิกาทุกเรือนที่ได้ผ่านการสร้างสรรค์อย่างประณีต หรือเครื่องประดับอัญมณี ซึ่งได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม" มร.โจเซฟ โหยว รองประธาน YTL Land & Development Bhd และ YTL Hotels and Properties กล่าว

          "ในฐานะที่เป็นงานชั้นแนวหน้าของวงการในเอเชีย งานปีนี้ถือได้ว่าแตกต่างไปจากเดิม เพราะสะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของงานที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นเยาว์ ซึ่งกำลังเริ่มต้นการเดินทางของตนเองพร้อมไปกับการชื่นชมและสะสมนาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณี A Journey Through Time IX จะแนะแนวทางให้ทุกๆคนตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงนักสะสมมากประสบการณ์ เพื่อที่จะได้เรียนรู้และค้นหาเครื่องประดับที่สมบูรณ์แบบ 'ชิ้นถัดไป' เพื่อมีไว้ครอบครอง พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับนิทรรศการ แฟชั่นโชว์ การแสดงดนตรี งานเสวนาในธีมจิบชา High Tea และอาหารเลิศรสซึ่งทุกจานปรุงเป็นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ เรียกได้ว่านี่คือประสบการณ์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับทุกคน" โจเซฟ โหยว กล่าวเสริม

          กิจกรรมสำคัญๆประกอบด้วย:

          - งาน Opening Gala สำหรับแขก 200 คนที่ได้รับคำเชิญเท่านั้น อาทิ เหล่าคนดังและบุคคลที่มีชื่อเสียงจากภาครัฐ ภาคเอกชน และแวดวงสื่อมวลชนจากมาเลเซียและต่างประเทศ
          - คอลเลคชั่นจาก Bedat & Co, Breguet, Cecil Purnell, Hermes, HYT, Jaeger-LeCoultre, Maitres Du Temps, Moritz Grossmann, Muhle-Glashutte, Omega, Speake-Marin และ Zeitwinkel คอลเลคชั่นพิเศษวิจิตรตระการตาจากแบรนด์เครื่องประดับอัญมณี อาทิ Carrera y Carrera, Ceres, Emperor's Fine Jewels, Gubelin และ Mouawad
          - นิทรรศการนาฬิกา Omega นำเสนอคอลเลคชั่น James Bond รุ่นลิมิเต็ดเป็นครั้งแรกในมาเลเซีย
          - นิทรรศการ Julien Macdonald Fashion Show / Julien Macdonald Retrospective นำเสนอ 20 เครื่องประดับทื่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเหล่าเซเลบโดยเฉพาะ อาทิ บียอนเซ, เจนนิเฟอร์ โลเปซ, เทย์เลอร์ สวิฟต์, เคที เพอร์รี, ไคลี มีนอก และไฮดี คลูม
          - เวิร์คช็อบเกี่ยวกับนาฬิกาภายใต้การนำโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกา นักสะสมมากประสบการณ์ และผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์
          - เมนูอาหารที่ผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ
          - งาน Gala Nights และ งาน Christmas Activations กับคาร์ลี เพาลี นักร้องผู้ได้รับเสียงวิจารณ์ยอดเยี่ยม สำหรับคนที่ได้รับคำเชิญเท่านั้น

          สตีเฟน ฟรานซิส
          โทร. +6-03-7805-7133
          อีเมล: stephen@arciscommunications.com

          พีอาร์นิวส์ไวร์


A Journey Through Time IX Presents Fusion of Fashion and Music for Memorable Start to Asia's Premier Watch and Jewellery Showcase

          Asia's premier timepiece and jewellery showcase, A Journey Through Time, is gearing for it's closing after another successful week. One of the longest running events of its kind in Asia, A Journey Through Time IX (AJTT) is being held across 30,000 sq ft of Kuala Lumpur's, Starhill Gallery. This year, over 125 international watch, jewellery and lifestyle brands are participating in the 8-day event from 20 to 27 November 2015.

          "Art, science, beauty and precision are elements that make a true work of art. A Journey Through Time is a celebration of all these attributes, offering us well-curated experiences to appreciate the stories and passion behind every perfectly-crafted timepiece or beautifully designed and set piece of jewellery," said Mr. Joseph Yeoh, Vice President, YTL Land & Development Bhd and YTL Hotels and Properties.

          "As the leading event of its kind in Asia, it is exceptional this year as it represents the event's evolution to become more inclusive in reaching out to younger consumers who are starting their own journeys in appreciating and collecting watches and jewellery. AJourneyThroughTimeIX will guide everyone from beginners to seasoned collectors alike in learning about and finding their perfect 'next piece' to own, while they indulge in trendy exhibitions, fashion shows, musical performances, thematic high tea sessions and fine dining all specially created for the event. It is truly a holistic experience for everyone," Mr. Joseph Yeoh added.

          Key events include:

          - By-invitation Opening Gala for 200 guests including celebrities and personalities from the government, business and media industry from Malaysia and abroad.
          - Collections from Bedat & Co, Breguet, Cecil Purnell, Hermes, HYT, Jaeger-LeCoultre, Ma?tres Du Temps, Moritz Grossmann, M?hle-Glash?tte, Omega, Speake-Marin and Zeitwinkel. Exquisite jewellery brands special collections including Carrera y Carrera, Ceres, Emperor's Fine Jewels, Gubelin and Mouawad.
          - Omega watch exhibition showcasing the limited edition James Bond collection for the first time in Malaysia
          - The Julien Macdonald Fashion Show / Julien Macdonald Retrospective Exhibition featuring 20 bespoke pieces created for celebrities including Beyonce, Jennifer Lopez, Taylor Swift, Katy Perry, Kylie Minogue and Heidi Klum
          - Horology workshops led by horologists, seasoned collectors and brand experts
          - Specially-created menus
          - By invitation Gala Nights and Christmas Activations with the critically-acclaimed, Carly Paoli

          Stephen Francis
          +6-03-7805-7133
          stephen@arciscommunications.com

          PRNewswire


ฮันนี่เวลล์ เชิญชวนอาจารย์จากประเทศไทยเข้าร่วมการฝึกอบรมนักบินอวกาศและการพัฒนา

-Honeywell Educators @ Space Academy นำเสนอเทคนิคการสอนอย่างมีประสิทธิภาพที่ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนที่สนใจด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
          ขอเรียนเชิญอาจารย์ประจำวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย สมัครเข้าร่วมโครงการ 2016 Honeywell Educators @ Space Academy (HESA) ซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมนักบินอวกาศจำลองและโปรแกรมการพัฒนาบุคคลากรอย่างมืออาชีพของฮันนี่เวลล์ (Honeywell) (NYSE: HON) ที่ศูนย์อวกาศและจรวดของสหรัฐ (U.S. Space & Rocket Center) ในเมืองฮันท์สวิลล์ รัฐอาลบามา
          โครงการ HESA ซึ่งพัฒนาขึ้นภายใต้การเป็นพันธมิตรกับศูนย์อวกาศและจรวดของสหรัฐ ได้รับการออกแบบมาให้สอดคล้องกับแนวโน้มด้านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) ด้วยการนำเสนอทักษะใหม่ด้านเทคนิคและแนวทางการสอนให้กับอาจารย์ประจำวิชา ซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนทั่วโลก นับตั้งแต่ที่ได้มีการจัดตั้งโครงการในปี 2547 นักศึกษากว่า 2 ล้านรายได้เข้าร่วมโครงการและรับแรงบันดาลใจจากศิษย์เก่าของ HESA จำนวน 2,375 คน จาก 55 ประเทศ
          "ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา HESA ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนให้กับบรรดาอาจารย์ทั่วโลกด้วยการนำเสนอโอกาสที่มีในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยและวิธีการฝึกอบรมเชิงนวัตกรรม" จิม บูโจลด์ ประธานบริษัทฮันนี่เวลล์ เซาท์อีสท์ เอเชีย (มาเลเซีย สิงคโปร์ ประเทศไทย ฟิลิปปินส์) กล่าว "เราอยากจะให้คณะอาจารย์จากประเทศไทยได้คว้าโอกาสนี้ไว้ ซึ่งจะช่วยให้คณะอาจารย์ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ไม่สามารถลืมได้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อๆไปของประเทศ"
          ผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกแต่ละรายจะได้รับทุนการศึกษาตลอดหลักสูตรหลังจากที่ผ่านขั้นตอนการสมัครที่เข้มข้นและใช้ระยะเวลานาน รวมถึงขั้นตอนการคัดเลือกซึ่งต้องแข่งขันกับอาจารย์ท่านอื่นๆจากทั่วโลก ทุนการศึกษาดังกล่าวประกอบไปด้วยค่าเล่าเรียนระยะเวลา 5 วัน ค่าเครื่องบินสำหรับการเดินทางไป-กลับ อาหาร ค่าที่พักอาศัย อุปกรณ์การเรียนการสอน และชุดนักบิน ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้รับการสนับสนุนจากฮันนี่เวลล์และจากพนักงานของฮันนี่เวลล์
          โปรแกรม Honeywell Educators ประกอบไปด้วยการพัฒนาระดับมืออาชีพเป็นเวลา 45 ชั่วโมง รวมทั้งหลักสูตรผู้ให้การศึกษาที่เข้มข้นซึ่งมุ่งเน้นไปที่ด้านวิทยาศาสตร์อวกาศและการสำรวจอวกาศ กิจกรรมต่างๆจะครอบคลุมถึงการฝึกอบรมในห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ และภาคสนามที่เกี่ยวโยงกับวิทยาศาสตร์สากลและมาตรฐานการสอนคณิตศาสตร์ อาจารย์แต่ละท่านยังจะได้รับการฝึกอบรมด้านนักบินอวกาศจำลอง ซึ่งรวมไปถึง:
          - เครื่องบินเจ็ทจำลองสมรรถนะสูง
          - ภารกิจด้านอวกาศบนพื้นฐานของสถานการณ์
          - การฝึกอบรมเรื่องการเอาตัวรอดบนบกและในน้ำ
          - โปรแกรมระบบไดนามิคเที่ยวบินแบบอินเตอร์แอคทีฟ
          วันสุดท้ายของการรับสมัครสำหรับโครงการ 2016 Honeywell Educators @ Space Academy คือ วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2559 โดยการยื่นเรื่องลงทะเบียนแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ วันที่ 8-14 มิถุนายน 2559 หรือ 15-21 มิถุนายน 2559 ผู้สมัครจะได้รับแจ้งเรื่องการตอบรับการสมัครภายในต้นเดือนมกราคม 2559
          สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและการสมัครเข้าร่วมโครงการ กรุณาดูที่ http://educators.honeywell.com
          เกี่ยวกับฮันนี่เวลล์
          ฮันนี่เวลล์ (www.honeywell.com) เป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตและสหเทคโนโลยีซึ่งติดอันดับ Fortune 100 บริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านอวกาศ เทคโนโลยีการควบคุมสำหรับอาคาร บ้านเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม เทอร์โบชาร์จเจอร์ และวัตถุดิบอุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้าทั่วโลก กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา ฮันนี่เวลล์ได้เติบโตไปพร้อมๆกับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ยกระดับเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรม และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ปัจจุบัน ฮันนี่เวลล์มีบริษัทในเครือ 3 บริษัทในประเทศไทย อันได้แก่ บริษัท ฮันนี่เวลล์ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในกรุงเทพฯและจังหวัดระยอง และบริษัท ฮันนี่เวลล์ อิเล็คทรอนิกส์ แมททีเรียล (ประเทศไทย) จำกัด ในจังหวัดชลบุรี และบริษัท ฮันนี่เวลล์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด สามารถติดตามข่าวสารและดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮันนี่เวลล์ได้ที่ http://www.honeywellnow.com
          เกี่ยวกับฮันนี่เวลล์ โฮมทาวน์ โซลูชั่น 
          Honeywell Educators @ Space Academy เป็นส่วนหนึ่งของ ฮันนี่เวลล์ โฮมทาวน์ โซลูชั่น ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มด้านพลเมืองขององค์กรของบริษัท โดยให้ความสำคัญกับปัจจัย 5 ประการ ได้แก่ การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ความปลอดภัยและความมั่นคงของครอบครัว ที่อยู่อาศัยและที่พักพิง การตั้งรกรากและการอนุรักษ์ธรรมชาติ และการบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรม ฮันนี่เวลล์ร่วมกับสถาบันของรัฐบาลและองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับชั้นนำพัฒนาโครงการที่ทรงพลังเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ในชุมชนที่บริษัทให้บริการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาดูรายละเอียดได้ที่ http://www.honeywell.com/citizenship
          ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อความที่อาจเป็น "ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า" ภายใต้การตีความหมายตาม Section 21E ของ Securities Exchange Act of 1934 ทุกข้อความที่นอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงในอดีตที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม เหตุการณ์ หรือความคืบหน้าตามที่เราหรือคณะผู้บริหารของเราตั้งใจ คาดหวัง คาดการณ์ เชื่อ หรือคาดหมาย ว่าอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานและการประเมินที่จัดทำโดยฝ่ายบริหารของเราจากประสบการณ์และมุมมองจากแนวโน้มในอดีต ภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในปัจจุบัน การคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและปัจจัยอื่นๆที่ฝ่ายบริหารเชื่อว่าเหมาะสม ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ยังมีทั้งความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่ได้จำกัดเพียงปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การแข่งขัน รัฐบาล เทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของเรา ตลาด ผลิตภัณฑ์ บริการ และราคา ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวไม่ได้รับประกันในเรื่องประสิทธิภาพการดำเนินงานในอานคตและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง แนวโน้มและการตัดสินใจทางธุรกิจอาจจะแตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า เราได้ระบุข้อมูลความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของเราไว้ในแบบฟอร์ม Form 10-K และเอกสารอื่นๆที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

Honeywell Invites Teachers from Thailand to Join Astronaut Training and Development Opportunity

-Honeywell Educators @ Space Academy Delivers Effective Teaching Techniques Designed to Inspire Students' Interest in Science and Math
          Teachers of mathematics and science around the world, including Thailand, are invited to apply for the 2016 Honeywell Educators @ Space Academy (HESA) program, a simulated astronaut training and professional development program of Honeywell (NYSE: HON) at the U.S. Space & Rocket Center in Huntsville, Alabama.

          Created in partnership with the U.S. Space & Rocket Center in 2004, HESA is designed to address the trends in science, technology, engineering, and math (STEM) education by providing teachers with new technical skills and teaching techniques that help motivate students around the world. Since the program's inception in 2004, more than 2 million students have been reached and inspired by 2,375 HESA alumni from 55 countries. 

          "Over the years, HESA has brought remarkable transformations among teachers globally by providng valuable opportunities for them to approach advanced technologies and innovative training methodologies," said Jim Bujold, president of Honeywell Southeast Asia (Malaysia, Singapore, Thailand, Philippines). "We would like to see teachers in Thailand also take this opportunity that will definitely bring them unforgettable learning experience to inspire the next generation of scientists in the country."

          Each successful applicant will receive a full scholarship following a rigorous and lengthy application and selection process involving competing teachers from around the world. Scholarships include tuition for the five-day program, roundtrip airfare, meals, accommodations, program materials, and flight suits, all sponsored by Honeywell and contributions from Honeywell employees.

          Honeywell Educators will participate in 45 hours of professional development, as well as an intensive educator curriculum focused on space science and exploration. Activities include classroom, laboratory, and field training exercises linked to international science and math teaching standards. Each teacher will also undergo simulated astronaut training including:

          - A high-performance jet simulation
          - Scenario-based space mission
          - Land and water survival training
          - Interactive flight dynamics programs

          The application deadline for the 2016 Honeywell Educators @ Space Academy is Monday, January 4, 2016. Applicants will be assigned one of the two sessions: June 8 - June 14, 2016 or June 15 - June 21, 2016. Acceptance notifications will be made by early January 2016.

          For more information on the program and application details, please visit http://educators.honeywell.com. 

          About Honeywell

          Honeywell (www.honeywell.com) is a Fortune 100 diversified technology and manufacturing leader, serving customers worldwide with aerospace products and services; control technologies for buildings, homes and industry; turbochargers; and performance materials. For over two decades, Honeywell has grown along with Thailand's industry, enhancing its infrastructure network and supporting its sustainable economic development. Today, Honeywell has three subsidiaries in Thailand: Honeywell Systems (Thailand) based in Bangkok and Rayong, Honeywell Electronic Material (Thailand) base in Chonburi and Honeywell Holdings Thailand. For more news and information on Honeywell, please visit http://www.honeywellnow.com/.

          About Honeywell Hometown Solutions

          Honeywell Educators @ Space Academy is part of Honeywell Hometown Solutions, the company's corporate citizenship initiative, which focuses on five areas of vital importance: Science & Math Education, Family Safety & Security, Housing & Shelter, Habitat & Conservation, and Humanitarian Relief. Together with leading public and non-profit institutions, Honeywell has developed powerful programs to address these needs in the communities it serves. For more information, please visit http://www.honeywell.com/citizenship.
          This release contains certain statements that may be deemed "forward-looking statements" within the meaning of Section 21E of the Securities Exchange Act of 1934. All statements, other than statements of historical fact, that address activities, events or developments that we or our management intends, expects, projects, believes or anticipates will or may occur in the future are forward-looking statements. Such statements are based upon certain assumptions and assessments made by our management in light of their experience and their perception of historical trends, current economic and industry conditions, expected future developments and other factors they believe to be appropriate. The forward-looking statements included in this release are also subject to a number of material risks and uncertainties, including but not limited to economic, competitive, governmental, and technological factors affecting our operations, markets, products, services and prices. Such forward-looking statements are not guarantees of future performance, and actual results, developments and business decisions may differ from those envisaged by such forward-looking statements. We identify the principal risks and uncertainties that affect our performance in our Form 10-K and other filings with the Securities and Exchange Commission.

MESSRING นำเสนออุปกรณ์ทดสอบระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ตามกฎระเบียบของสำนักการจราจรสหรัฐ

          - ด้วยความร่วมมือกับ Wolf Composite Solutions 
          - ปฏิบัติตามกฎเกณ์การทดสอบรถยนต์ใหม่ของ US NCAP

          Strikeable Surrogate Vehicle (SSV) เป็นระบบการทดสอบใหม่ล่าสุดที่สำนักงานบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐ (NHTSA) กำลังจะนำมาใช้ในการทดสอบระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ในสหรัฐ โดยในปี 2561 ทางองค์กร US NCAP (New Car Assessment Program) จะบรรจุ AEB เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่แนะนำให้ใช้ในเกณฑ์การประเมินรถยนต์ใหม่ทุกคัน โดยในการทดสอบดังกล่าว ระบบ SSV จะจำลองรถยนต์คันหน้า ซึ่งระบบช่วยเบรกของตัวอย่างรถที่นำมาทดสอบจะบันทึกไว้ และกระตุ้นให้เกิดการเบรกหรือการหลบหลีก องค์ประกอบหลักของ SSV คือเป้าหมายคาร์บอน ซึ่งจำลองการชนท้ายรถยนต์ได้อย่างสมจริง

          ในขณะที่ยังคงมีการถกเถียงกันในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างวิธีการทดสอบรถใหม่ในสหรัฐและยุโรป MESSRING ซึ่งเป็นผู้ผลิตสิ่งอำนวยความสะดวกในการทดสอบการชนของเยอรมนี ได้นำเอา SSV มาใช้กับระบบลากจูงของบริษัทเรียบร้อยแล้ว และได้กลายมาเป็นมาตรฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับในยุโรปและเอเชีย

          ความร่วมมือกับ Wolf Composite Solutions ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนไฟเบอร์ของสหรัฐ (พันธมิตรการพัฒนาของ NHTSA) ส่งผลให้เกิดโซลูชันไฮบริดแบบใหม่ที่ช่วยให้การทดสอบมีความสอดคล้องกับระเบียบวิธีปฏิบัติของทั้งสองภูมิภาค ด้วยการผนวกรวมเป้าหมาย SSV เข้ากับข้อได้เปรียบของระบบลากจูงจาก MESSRING ที่ทนทานและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ EuroNCAP

          ผู้ใช้สามารถสับเปลี่ยนวิธีการทดสอบระหว่าง US NCAP หรือ EuroNCAP ได้ ทำให้เกิดความยืดหยุ่นสูงสุดไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์จำลองแบบใด อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่เสริมสำหรับการวางรางทดสอบ เนื่องมีการติดตั้งอย่างถาวรอยู่แล้ว

          นอกเหนือจากตลาดอเมริกา ซึ่งให้บริการโดย Wolf Composite Solutions แล้ว MESSRING ยังจะดูแลด้านการขายและบริการทั่วโลกสำหรับการทดสอบทั้งสองรูปแบบ ซึ่งได้แก่ โซลูชั่น "ไฮบริด" ที่ใช้ระบบลากจูงรถแบบดั้งเดิมของยุโรป และระบบ SSV ที่ใช้ระบบรางแบบ NHTSA ของสหรัฐ

          http://www.messring.de

MESSRING Offers Official NHTSA AEB Test Equipment

          Cooperation with Wolf Composite Solutions / Fulfilling latest US NCAP regulations

          The Strikeable Surrogate Vehicle (SSV) is the new test system which NHTSA will be using to test Autonomous Emergency Braking (AEB) systems in the US. As of 2018 the US NCAP (New Car Assessment Program) will be adopting AEB as a recommended safety technology in the assessment criteria for all new vehicles. In the test, the SSV simulates a vehicle ahead which is registered by the test specimen's assist system and triggers a braking or evasion maneuver. The SSV?s main component is a carbon target which realistically mimics the rear end of a car.

          While the industry is still discussing differences in US and EU test procedures, German crash test facility manufacturer MESSRING is already adapting the SSV to its own towing system, which has become the undisputed standard in Europe and Asia.

          In a cooperative effort with American carbon fiber specialist Wolf Composite Solutions (NHTSA's development partner) this has resulted in a new hybrid solution which enables testing according to both procedures, and combines the SSV target with the advantages of the robust and precisely guided EuroNCAP towing system from MESSRING.

          Without conversion work the user can switch between US or EuroNCAP testing providing maximum flexibility in terms of the required test scenarios and prevents the need for additional space in the form of a track rail permanently installed on the test track.

          Aside from the markets of America, which are served by Wolf Composite Solutions, MESSRING will be handling worldwide sales and service for both versions: the "Hybrid" solution with the European original towing system as well as the American SSV with the NHTSA track rail system.

          http://www.messring.de

Messe Frankfurt ออกปฏิทินใหม่ฉลองความสำเร็จการจัดงานมหกรรมสินค้า พร้อมรุกขยายตลาดยานยนต์และโลจิสติก

Messe Frankfurt Rafael Neff / Artist Rafael Neff, designer of the Automechanika Calendar 2016, signing his piece of art. (PRNewsFoto/Messe Frankfurt Exhibition GmbH)


          Messe Frankfurt มองย้อนกลับไปยังเส้นทางความสำเร็จในอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอด 45 ปีที่ผ่านมา และขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณผู้จัดแสดงสินค้าที่ร่วมงานกับเรามาอย่างยาวนาน ด้วยการมอบสิ่งพิเศษ โดยการให้ราฟาเอล เนฟฟ์ ศิลปินและช่างภาพ แปลงโฉมผลิตภัณฑ์บริโภคหลากหลายประเภทให้เข้ากับโลกแห่งธีมบนปฏิทิน Automechanika ประจำปี 2559 ได้แก่ 

          Alfred Karcher GmbH & Co. KG, BBS GmbH, Brembo S.p.A., Continental Aftermarket GmbH,Continental Reifen Deutschland GmbH,Hella KGaA Hueck & Co, Johnson Controls Autobatterie GmbH & Co. KGaA, Liqui Moly GmbH, Mahle GmbH, MANN+HUMMEL GmbH, RECARO Automotive Ltd. & Co. KG, Schaeffler AG, ZF Friedrichshafen AG.

          ปฏิทินคุณภาพสูงนี้ได้รับการเปิดตัวในงาน 'We say THANKS' ที่ Klassikstadt Frankfurt ซึ่ง Messe Frankfurt เป็นผู้ออกบัตรเชิญเข้าร่วมงาน

          รับชมข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
          http://www.multivu.com/players/uk/7668651-messe-frankfurt-expands-logistics-sectors/ 

          Automechanika คือเรื่องราวความสำเร็จอันน่าตื่นเต้นที่สุดอย่างแท้จริงตลอดช่วงเวลา 45 ปี โดยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 2514 จากการจัดงาน Automechanika ครั้งแรกที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต หลังงานมหกรรม IAA ได้ถูกยกเลิกไป และในอีกหลายปีต่อมา Automechanika ได้พัฒนาขึ้นอย่างโดดเด่น จนกลายเป็นมหกรรมแสดงสินค้าชั้นนำของโลก ซึ่งปัจจุบันมีการจัดงานขึ้นในจุดต่างๆ ถึง 15 แห่งทั่วโลก ขณะเดียวกัน Messe Frankfurt ยังได้จัดมหกรรมแสดงสินค้างานใหม่ๆในรูปแบบ B2B สำหรับธุรกิจขนส่งด้วยรถบรรทุกและโลจิสติกส์ และงานมหกรรมแสดงสินค้าแบบ B2C สำหรับแวดวงยานยนต์ จักรยาน และเรือ

          โมบิลีตี้และโลจิสติกส์มีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด ภาคอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์กำลังเผชิญกับคำถามต่างๆ เกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ประกอบด้วยเครือข่ายอัจฉริยะ งานประชุมและแสดงสินค้าใหม่ๆ ที่สนับสนุนโดย Messe Frankfurt จะมอบมุมมองใหม่ในเชิงลึกและคำตอบที่เกี่ยวข้องต่อคำถามดังกล่าว โดยในปีหน้า Scalex East Africa มหกรรมสินค้างานใหม่สำหรับภาคธุรกิจการจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ในแอฟริกาตะวันออก จะเปิดฉากขึ้นเป็นครั้งแรก ขณะที่แผนก Mobility & Logistics จะขยายตัวต่อไปอีกในหลายปีข้างหน้านี้ โดยในปี 2560 ได้มีการวางแผนจัดงานทั้งหมด 31 งานสำหรับภาคอุตสาหกรรม Automotive และ Transport & Logistics

          สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหกรรมยานยนต์และวันจัดงาน สามารถดูได้ที่  automotive.messefrankfurt.com และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานในภาคอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ได้ที่ transport-logistics.messefrankfurt.com

Messe Frankfurt Expands its Offer for the Automotive and Transport & Logistics Sectors

Messe Frankfurt Rafael Neff / Artist Rafael Neff, designer of the Automechanika Calendar 2016, signing his piece of art. (PRNewsFoto/Messe Frankfurt Exhibition GmbH)


          Messe Frankfurt looks back on a 45-year-long tradition of success in the automotive industry and takes this opportunity to thank its long-term and loyal exhibitors. It has come up with something special for this occasion: the artist and photographer Rafael Neff has converted several customer products into theme worlds that are featured in the 2016 Automechanika calendar:
          Alfred Karcher GmbH & Co. KG, BBS GmbH, Brembo S.p.A., Continental Aftermarket GmbH, Continental Reifen Deutschland GmbH, Hella KGaA Hueck & Co, Johnson Controls Autobatterie GmbH & Co. KGaA, Liqui Moly GmbH, Mahle GmbH, MANN+HUMMEL GmbH, RECARO Automotive Ltd. & Co. KG, Schaeffler AG, ZF Friedrichshafen AG.

          The high-quality calendar was presented at the 'We say THANKS' ceremony in the Klassikstadt Frankfurt, to which Messe Frankfurt issued an invitation.

          To view the Multimedia News Release, please click:
          http://www.multivu.com/players/uk/7668651-messe-frankfurt-expands-logistics-sectors/ 

          Automechanika is certainly the most exciting success story in 45 years. The story began in 1971 with the first Automechanika in Frankfurt, which was christened when the IAA was cancelled. In subsequent years, the trade fair has made outstanding progress, advancing to the world's leading trade fair, which is now held in fifteen locations worldwide. In the meantime, Messe Frankfurt is also organising a series of new B2B trade fairs for trucking and logistics and B2C events for automobiles, bikes, and boats.

          Mobility and logistics are closely related. The transport & logistics sector is currently occupied with questions concerning intelligent networked infrastructure. New conferences and trade fairs sponsored by Messe Frankfurt are providing relevant answers and new insights. Next year, Scalex East Africa, a new trade fair devoted to supply chain management and logistics in East Africa, will celebrate its premiere. The Mobility & Logistics division will be further expanded in the coming years. By 2017, a total of 31 events are planned for the Automotive and Transport & Logistics sectors.

          Further information about all automotive events and dates can be found at automotive.messefrankfurt.com, and about events for the transport & logistics sector at transport-logistics.messefrankfurt.com.

ไฮเซนส์ เปิดตัวชิปประมวลผลภาพระดับไฮเอนด์ตัวแรกที่ผลิตได้เองในประเทศจีน


          ชะตาของบริษัทจีนขึ้นอยู่กับการครอบครองเทคโนโลยีที่สามารถผลักดันผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต ซึ่งการครอบครองเทคโนโลยีดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ไอซีชิปในผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็น "หัวใจ" ในการขับเคลื่อนระบบ

          ไฮเซนส์ กรุ๊ป (Hisense Group) เปิดตัวสมาร์ททีวีที่ใช้ชิปประมวลผลภาพ SOC-level UHD 120Hz ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองภายในประเทศ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญหลังจากที่บริษัทเคยเปิดตัวชิปทีวีสีเป็นครั้งแรกของประเทศในปี 2548 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดยุคที่อุตสาหกรรมทีวีจีนต้องนำเข้าไอซีชิปจากต่างประเทศ

          ดร. จง เฉิง ซีอีโอของบริษัท ไฮเซนส์ ไมโครชิป คอมพานี กล่าวว่า "ภายในชิปประมวลผลภาพดังกล่าวบรรจุซิลิคอนชิปที่สามารถประมวลผลภาพได้อย่างล้ำสมัย ซึ่งสามารถเพิ่ม dynamic range และ dynamic contrast ratio ของภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังรองรับช่วงความกว้างของสีได้มากขึ้น ทำให้ภาพมีความคมชัดขึ้นและไม่กระตุก ซึ่งภาพที่คมชัดขึ้นอย่างมากจะสร้างประสบการณ์การรับชมที่น่าอภิรมย์อย่างแท้จริง"

          โจว โหวเจี้ยน ประธานไฮเซนส์ กรุ๊ป กล่าวว่า "บริษัทที่ไม่มีไอซีชิปเป็นของตนเองก็เป็นได้เพียงบริษัทระดับรองลงมา เพราะไม่สามารถถ่ายทอดนวัตกรรมได้เองอย่างแท้จริง" ไอซีชิปรุ่นใหม่ล่าสุดของไฮเซนส์ช่วยยกระดับบริษัทในฐานะผู้จัดจำหน่ายสมาร์ททีวีชั้นนำของโลก ส่งผลให้ขึ้นแท่นผู้นำของโลกด้านเทคโนโลยีจอทีวีเช่นเดียวกับโซนี่และซัมซุง นอกจากนี้ ไฮเซนส์ยังติดอันดับ 1 ใน 3 ผู้นำในอุตสาหกรรมทีวีระดับกลางและระดับไฮเอนด์ของโลกด้วย

          โดยทั่วไปแล้ว ทีวี UHD ระดับไฮเอนด์ต้องใช้มาสเตอร์ชิป ชิปประมวลผลภาพระดับไฮเอนด์ และชิป TCOM หรือชิปอินทิเกรทชนิดอื่นๆ ปัจจุบันมีวิดีโอความคมชัดระดับ 4K และ 8K เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทีวีที่มีจอขนาดใหญ่จึงต้องการชิปประมวลผลภาพชั้นดี การนำชิปทั้งสามมาใช้ด้วยกันจึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบได้อย่างมีนัยสำคัญ ไฮเซนส์เป็นบริษัทจีนแห่งแรกที่สามารถพัฒนาชิปประมวลผลภาพ SOC-level ระดับไฮเอนด์ได้เอง ซึ่งทำให้ทีวีไฮเซนส์มีต้นทุนด้าน BOM ต่ำกว่าทีวีอีกหลายยี่ห้อที่ต้องซื้อชิปมาจากบริษัทอื่น ส่งผลให้ไฮเซนส์มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น

          ดร.หวง เว่ยผิง ประธานบริษัท ไฮเซนส์ ไมโครชิป คอมพานี เปิดเผยว่า กลยุทธ์ของบริษัทคือการทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความแตกต่างโดดเด่นจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งชิปประมวลผลภาพตัวนี้ก็ทำให้เทคโนโลยี ULED สุดล้ำสมัยของบริษัทมีความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้นไปอีก บริษัทตั้งเป้าว่าจะส่งมอบชิปกว่า 1 ล้านตัวในปีแรก นอกจากนั้นยังตั้งใจว่าจะนำชิปดังกล่าวไปใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆของบริษัท เช่น ทีวีเลเซอร์โปรเจคเตอร์และระบบแสดงภาพทางการแพทย์ เป็นต้น

Hisense Launches China's First Independently-developed Graphics Engine Chip


          - The destiny of Chinese companies lies in the ownership of the core technology that drives the products they produce. Such ownership starts with the product's chip, the "heart" that powers most complete sets of equipment. 

          Hisense Group today announced the official availability of its smart television featuring the company's independently-developed SOC-level graphics engine chip. This marks another achievement following its launch of China's first independently-developed color TV chip in 2005, ending the era during which China had been dependent on third parties outside of the country for the color TV chip. 

          "The chip significantly improves the dynamic range of the LCD TV screen as well as the dynamic contrast ratio, color gamut, definition and fluency of movement. It is the result of the industrial production of core electronic devices, high-end generic chips and basic software in China," said Dr. Zhong Sheng, director of chip research and development at Hisense.

          "A vendor without their own chips would always be a second-class vendor and cannot define its original products," said Zhou Houjian, chairman of Hisense Group. The latest chip product elevates Hisense to the status of a world-class vendor, making it a definer and leader of the world's television display technologies, in addition to Sony and Samsung. The company had already become one of the top three manufacturers in the global middle- and high-end television market. 

          High-end televisions are equipped with a master chip and a TCOM chip. With the prevalence of 4K and 8K chip sources and broadcasting and resolution needs of video streaming media, larger screens require graphics engine chips. The combination of the three chips can significantly improve the computing performance through interdependent and simultaneous operation. Hisense is the first Chinese company leveraging the three chips and independently developed the SOC-level graphics engine chip at production costs far lower than those of similar products in other countries, increasing its market competitiveness. 

          Dr. Huang Weiping, chairman of Hisense Hiview, revealed that the company's strategy is to optimize its LED business. The introduction of the graphics engine chip will further improve the core competitiveness of its previous best graphics engine product, the ULED. The company is expected to produce 1 million graphics engine chips during the first year. In addition to home applications, Hisense aims to introduce the graphics engine chip to the medical, drawing and movie monitoring sectors.

Strongest Q3 smartphone sales on record driven by demand in China, MEA and emerging APAC*

          - Global smartphone sales the highest Q3 figure on record, and the second highest of any quarter on record.
          - Emerging Asia-Pacific countries (APAC) and the Middle East and Africa (MEA) are the powerhouses of this growth.
          - GfK forecasts global smartphone demand to increase +13 percent quarter-on-quarter in Q4 2015, bringing total 2015 demand to
1.3bn units (+7 percent year-on-year).

          The record quarterly sales performance in Q3 2015 can be attributed to three markets: China, which returned to growth, the MEA and
emerging APAC. In total, 324m smartphone units were sold. The US$294 average selling price (ASP) of smartphones was down 2 percent
year-on-year.

Smartphone sales Q3 2014 vs Q3 2015                                                                                                                  

Units Sold (in mil.)                                                                          Sales Value (in bil. USD)                      

Q3 14                                                                    Q3 15  Y/Y % change  Q3 14                      Q3 15  Y/Y % change

Latin America                                                            26.0   24.7          -5.0%                      7.7    6.0           -22.1%

Central & Eastern Europe                                                 18.2   18.9          3.8%                       4.3    3.7           -14.0%

North America                                                            43.9   46.3          5.5%                       17.0   18.8          10.6%  

Emerging APAC                                                            37.5   46.5          24.0%                      6.8    7.4           8.8%  

Middle East & Africa                                                     35.5   41.1          15.8%                      10.0   10.4          4.0%  

Western Europe                                                           32.0   33.0          3.1%                       13.6   12.4          -8.8%  

China                                                                    92.6   98.0          5.8%                       21.6   28.2          30.6%  

Developed APAC                                                           15.7   15.2          -3.2%                      9.0    8.4           -6.7%  

Global                                                                   301.4  323.7         7.4%                       90.0   95.3          5.9%  

Source: GfK point of sales (POS) tracking data in 90+ markets, Nov 2015

          Kevin Walsh, director of trends and forecasting at GfK says, "A mix-shift towards low-end smartphones, especially in the
struggling economies of Latin America and Central and Eastern Europe, has combined with a depreciating US dollar to offset an ASP increase
in China - resulting in ASP remaining flat year-on-year in the third quarter."

          MEA and emerging APAC: Powerhouses of smartphone unit growth

          An increase in unit sales of +24 percent year-on-year in emerging APAC was driven primarily growth of +40 percent year-on-year in
India. Strength in the country can be attributed to strong demand within the sub-US$100 price band segment (up +66 percent year-on-year),
which now accounts for almost one half (48 percent) of the market.

          Local Indian and Chinese brands dominate this price band, and their combined unit share of India's smartphone market increased to
55 percent in Q3 2015, up 12 percentage points year-on-year. Smartphones accounted for 37 percent of India's handset demand in Q3 2015 up
from 28 percent in Q3 2014, leaving considerable room for further growth.

          In MEA, unit sales were up +16 percent year-on-year. Most countries in this region experienced an increase in units sold compared
to the same quarter last year, with Egypt posting stand-out figures of +39 percent year-on-year.

          China revenues grew +30 percent year-on-year reaching US$28bn

          In complete contrast to India, it was sales of high-end and mid-range smartphones that returned unit sales in China to growth for
the first time in over a year. In Q3 2015, 98m units were sold, a year-on-year increase of +6 percent. Sales units of high-end (US$500+) and
mid-range (US$250-500) devices were up +65 percent and +25 percent year-on-year, respectively. These increases were partially offset by a
decline in the large low-end (sub-US$250) segment of -9 percent year-on-year. This shift in demand caused ASP in the country to increase +23
percent year-on-year to US$288.

          The shift towards LTE-enabled, larger screen devices continued. 5"+ devices accounted for two thirds (67 percent) of smartphones
sold, up from 48 percent in Q3 2014. However, at 90 percent, LTE-enabled devices approached saturation, and GfK forecasts LTE-enabled
smartphone unit growth to slow to +13 percent in 2016, following growth of +236 percent in 2015.

          In 2015, GfK forecasts smartphone demand in China to decline -4 percent before returning to moderate growth of +3 percent in 2016.

          Local brands continued to gain share in the market, accounting for 78 percent of smartphone demand, up from 73 percent in Q3 2014,
helped by competitively priced devices.

          Latin America and Developed APAC* see demand and value drop

          Following significant slowdowns in previous quarters, Latin America unit demand turned negative in Q3 2015 at -5 percent
year-on-year. Two of the leading smartphone markets in the region, Argentina and Brazil, posted year-on-year unit declines of -16 percent
and -15 percent, respectively, hindered by the poor economic situation in both countries.

          Overall ASP in the region declined -17 percent year-on-year as cash-strapped consumers opted for low-end devices, and combined
with the unit decline this caused revenue to drop -21 percent year-on-year to US$6bn.

          Developed APAC continues to be dragged down by South Korea

          Unit demand in South Korea declined -3 percent compared to Q3 2014, the seventh consecutive quarter of decline. However, GfK
forecasts a return to growth in Q4 thanks to easier comparisons with the same quarter last year, when sales were affected by the avian flu
outbreak.

          Europe stagnates at best

          Western Europe saw smartphone unit growth of just +3 percent year-on-year in the quarter. This was caused by unit growth in France
slowing to +5 percent year-on-year, down from +16 percent in the previous quarter. The UK saw a slight decline of -1 percent year-on-year.

          Smartphone unit growth in Central Europe remained limited at +4 percent year-on-year, a slight improvement from the previous
quarter's +3 percent year-on-year, but down from double digit growth in prior quarters. Growth continues to be dragged down by Russia and
Ukraine, where year-on-year demand declined -6 percent and -19 percent respectively, owing to continued political tension. On a more
positive note, GfK forecasts smartphone demand in Central Europe to grow +4 percent in 2015, before improving to +9 percent next year.

Smartphones: 2014 sales vs 2015 forecast                                                                                                                                                                                      

Units sold (in mil.)                                                                                                                                                   Sales value (in bil. USD)                      

2014                                                                                                                                            2015     Y/Y % change  2014                       2015   Y/Y % change

Latin America                                                                                                                                   108.5    109.7         1.1%                       30.6   27.2          -11.1%

Central & Eastern Europe                                                                                                                        69.3     72.0          3.9%                       17.1   14.4          -15.8%

North America                                                                                                                                   177.2    192.9         8.9%                       72.0   81.3          12.9%  

Emerging APAC                                                                                                                                   148.6    186.4         25.4%                      28.2   30.3          7.4%  

Middle East & Africa                                                                                                                            135.8    164.6         21.2%                      39.4   43.4          10.2%  

Western Europe                                                                                                                                  127.9    136.3         6.6%                       55.8   52.7          -5.6%  

China                                                                                                                                           392.8    378.8         -3.6%                      99.0   113.6         14.7%  

Developed APAC                                                                                                                                  65.1     65.1          0.0%                       38.1   37.1          -2.6%  

Global                                                                                                                                          1,225.2  1,305.8       6.6%                       380.2  400.0         5.2%  

Source: GfK point of sales (POS) tracking data in 90+ markets for calendar year 2014 and GfK forecasts for calendar year 2015, as at Nov 2015.


          Kevin Walsh explains, "GfK forecasts global smartphone demand to grow by +13 percent quarter-on-quarter in Q4 this year, bringing
total 2015 demand to 1.3bn units. At +7 percent year-on-year growth, this represents a slowdown from the growth of +23 percent seen in 2014.
Next year we forecast growth to improve marginally to +8 percent year-on-year, buoyed by China and Central Europe, but emerging APAC and MEA
will remain the main powerhouses of smartphone unit demand. These markets will continue to benefit from the double-whammy of low smartphone
penetration rates and more lower-priced devices entering the market."
          For more information, please visit www.gfk.com or follow GfK on Twitter: https://twitter.com/GfK

          Note to editors

*Countries included in Developed / Emerging APAC in this release:

Developed APAC  Emerging APAC        

Australia       India                

Hong Kong       Indonesia            

Japan           Kampuchea (Cambodia)

New Zealand     Malaysia            

Singapore       Philippines          

South Korea     Thailand            

Taiwan          Vietnam

          Amanda Martin, T +44-7919-624688, Amanda.Martin@gfk.com

          Source: GfK

          PRNewswire


Friday, November 27, 2015

ไมโครชิปเปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ PIC(R) ชนิดใช้ไฟน้อยราคาประหยัด


ไมโครคอนโทรลเลอร์ตระกูล PIC24F "GB6" ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ไลฟ์อัพเดท สำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ การแพทย์/สุขภาพ และแบบเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีการทำงานอยู่ตลอดเวลา
ไมโครชิป เทคโนโลยี อิงค์ (NASDAQ: MCHP) ผู้นำด้านการจัดหาโซลูชั่นไมโครคอนโทรลเลอร์,สัญญาณผสม, อนาล็อก และแฟลช-ไอพี ประกาศเปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) ชนิดใช้ไฟน้อยรุ่นใหม่ในตระกูล PIC(R) โดย PIC24F "GB6" รุ่นใหม่นั้นประกอบไปด้วยหน่วยความจำแฟลชสูงสุด 1 MB พร้อมโค้ดการแก้ไขข้อผิดพลาด (Error Correction Code: ECC) และ RAM ขนาด 32 KB ซึ่งถือเป็น MCU ขนาด 16-bit รุ่นแรกของไมโครชิปที่มีหน่วยความจำใหญ่เช่นนี้ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยหน่วยความจำแฟลชแบบคู่ขนาน (Dual-partition) ที่มาคู่กับระบบไลฟ์อัพเดท อุปกรณ์เหล่านี้สามารถรองรับการใช้ซอฟต์แวร์แยกกันได้สองทาง ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถเขียนชุดคำสั่งได้ในฝั่งหนึ่ง ขณะที่สามารถเดินแอพพลิเคชั่นอีกฝั่งหนึ่งไปพร้อมๆกัน การผสานคุณสมบัติอันทรงพลังนี้ทำให้ PIC24F "GB6" เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ การแพทย์/สุขภาพ และการใช้งานที่เคลื่อนย้ายได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีอายุแบตเตอรียาวนาน เช่นเดียวกับศักยภาพในการรับส่งข้อมูลและหน่วยเก็บข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเสริม ทั้งสำหรับการตรวจวัดไฟฟ้า การควบคุมระบบ HVAC การสแกนลายนิ้วมือ และเล่นเกม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตระกูล GB6 สามารถรับชมได้ที่: http://www.microchip.com/PIC24FGB6-112315a
โจ ทอมเซิน รองประธานฝ่าย MCU16 ของไมโครชิป กล่าวว่า "หน่วยเก็บความจำขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่ในชิปนั้นเป็นที่ต้องการเสมอ และด้วยหน่วยแฟลชขนาด 1 MB ลูกค้าของเราจึงมีต้นทุนในการวางระบบลดลง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีการติดตั้งหน่วยความจำภายนอก นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ตระกูลดังกล่าวยังมาพร้อมกับหน่วยแฟลชแบบคู่ขนานด้วยคุณสมบัติไลฟ์อัพเดท ซึ่งทำให้สามารถเดินโปรแกรมได้อีกฝั่งขณะที่อัพเดทโค้ดคำสั่งจากอีกฝั่งไปพร้อมกัน"
ไมโครคอนโทรลเลอร์ในตระกูล PIC24F "GB6" กินไฟขณะทำงานเต็มที่ในอัตราที่ต่ำมากเพียง 190 uA/MHz และกินไฟ 3.2 uA เมื่ออยู่ใน Sleep Mode ขณะเดียวกันยังสามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์ผ่าน over-the-air (OTA) นักออกแบบจึงสามารถอัพเดทแอพพลิเคชั่นของตนในแนวทางที่วางใจได้ ปลอดภัย และมีความคุ้มทุน
สำหรับเซตอุปกรณ์เสริมที่ทนทานสำหรับอุปกรณ์เหล่านี้ ประกอบไปด้วยโมดูลแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล (ADC) แบบ 200 ksps 24 ช่อง ขนาด 12 บิท เครื่องจับเวลาถึง 12 ตัว UART 6 ตัว และ USB-OTG ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งอุปกรณ์ USB ที่เป็นตัวส่งหรือตัวรับข้อมูล ขณะที่ Core Independent Peripherals (CIP) ของไมโครชิปซึ่งทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ CPU ก็ถูกรวมเข้ามาในตระกูลนี้ด้วย ซึ่งประกอบไปด้วย Configurable Logic Cell (CLC) สำหรับการทำ logic control แบบเรียลไทม์ และ Direct Memory Access (DMA) ซึ่งทำให้ปริมาณงานเพิ่มขึ้น และลดการใช้ไฟ

การสนับสนุนการพัฒนา
ไมโครคอนโทรลเลอร์ตระกูล PIC24F "GB6" ได้รับการสนับสนุนการทำงานโดยชุดเครื่องมือพัฒนาระดับเวิลด์คลาสที่ได้มาตรฐานของไมโครชิป ขณะที่โมดูลปลักอินรุ่นใหม่ PIC24FJ1024GB610 (part # MA240023) สำหรับ Explorer 16 Development Board (part # DM240001) มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้

การวางจำหน่าย
ไมโครคอนโทรลเลอร์ทั้ง 8 รุ่นในตระกูล PIC24F "GB6" พร้อมสำหรับการผลิตจำนวนมากภายในช่วงเวลาการผลิตโดยทั่วไป ขณะที่รุ่นแยกของตระกูลนี้มีตั้งแต่แพคเกจ 64 พิน 100 พิน และ 121 พิน โดยมีความจำแฟลชตั้งแต่ 128KB จนถึง 1MB สามารถดูตารางแจกแจงตัวเลือกทั้งหมดในตระกูลนี้ที่ http://www.microchip.com/Table-112315a
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อสอบถามตัวแทนจำหน่ายของไมโครชิป หรือตัวแทนจัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตทั่วโลก หรือเข้าชมเว็บไซต์ของไมโครชิปที่ http://www.microchip.com/PIC24FGB6-112315a หากต้องการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุถึงในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ สามารถติดต่อได้ที่ microchipDIRECT หรือผ่านทางพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของไมโครชิป

แหล่งข้อมูลและภาพ
สามารถรับชมรูปภาพความละเอียดสูงได้ที่ฟลิกเกอร์ หรือติดต่อกองบรรณาธิการ (สามารถนำไปเผยแพร่ได้ตามสะดวก):
- ภาพกราฟฟิคชิป: http://www.microchip.com/Graphic-112315a
- แผนภาพบล็อก: http://www.microchip.com/Diagram-112315a
- ภาพเครื่องมือ: http://www.microchip.com/ToolPhoto-112315a

สามารถติดตามไมโครชิปได้ที่
- RSS Feed สำหรับข่าวผลิตภัณฑ์ของไมโครชิป: http://www.microchip.com/RSS-112315a
- ทวิตเตอร์: http://www.microchip.com/Twitter-112315a
- เฟซบุ๊ก: http://www.microchip.com/Facebook-112315a
- ยูทูบ: http://www.microchip.com/YouTube-112315a

เกี่ยวกับไมโครชิป เทคโนโลยี
ไมโครชิป เทคโนโลยี อิงค์ (NASDAQ: MCHP) เป็นผู้นำด้านการจัดหาโซลูชั่นไมโครคอนโทรลเลอร์ ตลอดจนโซลูชั่นอนาล็อกสัญญาณผสม และแฟลช-ไอพี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนรวมของทั้งระบบ และร่นระยะเวลาในการนำเสนอแอปพลิเคชั่นหลายพันรายการสำหรับลูกค้าในตลาดทั่วโลก สำนักงานใหญ่ของไมโครชิปตั้งอยู่ที่เมืองแชนด์เลอร์ รัฐแอริโซนา บริษัทนำเสนอการสนับสนุนด้านเทคนิคที่เป็นเลิศพร้อมกับการขนส่งและคุณภาพที่เชื่อถือได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของไมโครชิปที่ http://www.microchip.com/Homepage-112315a
หมายเหตุ: ชื่อและโลโก้ Microchip และ PIC เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบริษัท ไมโครชิป เทคโนโลยี อินคอร์ปอเรทเต็ด ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ส่วนเครื่องหมายการค้าอื่นๆทั้งหมดที่ระบุถึงในข่าวฉบับนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทที่เป็นเจ้าของ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
Daphne Yuen (ไมโครชิป) 
โทร:  (+852) 2943 5115
อีเมล: daphne.yuen@microchip.com

Jennifer Tang (LEWIS PR)
โทร: (+852) 3944 5025
อีเมล: jennifer.tang@lewispr.com

Microchip's new cost-effective low power PIC(R) MCUs



PIC24F "GB6" microcontroller family also features live update capability for always on industrial, computer, medical/fitness and portable applications
Microchip Technology Inc. (NASDAQ: MCHP), a leading provider of microcontroller, mixed-signal, analog and Flash-IP solutions, today announced the expansion of its low power PIC® microcontroller (MCU) portfolio. Features of the new PIC24F "GB6" family include up to 1 MB of flash memory with Error Correction Code (ECC) and 32 KB of RAM, making it the first 16-bit MCU in Microchip's portfolio to offer such a large memory size. Also featuring dual-partition flash with live update capability, these devices can hold two independent software applications, permitting the simultaneous programming of one partition while executing application code from the other. This powerful combination of features makes the PIC24F "GB6" family ideal for industrial, computer, medical/fitness and portable applications that require a long battery life, data transfer and storage without the need for external memory. Such applications include electricity metering, HVAC control, fingerprint scanners and gaming.
For more information of the GB6 family, visit: http://www.microchip.com/PIC24FGB6-112315a
"Large on-chip memory is always desirable, and with 1 MB of Flash, our customers can eliminate external memory to lower system cost. This family also offers dual-partition flash with live update capability, enabling execution from one part of the memory while updating your code," said Joe Thomsen, vice president of Microchip's MCU16 division.
MCUs in the PIC24F "GB6" family have active current consumption as low as 190 uA/MHz, and 3.2 uA in sleep mode. With the ability to perform over-the-air firmware updates, designers can provide a reliable, secure and cost-effective method for updating their applications.
The robust peripheral set for these devices includes a 200 ksps, 24 channel, 12-bit analog-to-digital converter (ADC); up to 12 timers, six UARTS and a USB-OTG to act as a USB device or host. Microchip Core Independent Peripherals (CIPs) that run without the CPU are also integrated into the family, including a Configurable Logic Cell (CLC) for real-time logic control and Direct Memory Access (DMA) that enables faster throughput and lowers power consumption.

Development Support
The PIC24F "GB6" family is supported by Microchip's standard suite of world-class development tools, and the new PIC24FJ1024GB610 Plug-In Module (part # MA240023) is available today for the Explorer 16 Development Board (part # DM240001).

Availability
All eight members of the PIC24F "GB6" microcontroller family are released for volume production, and are available within normal lead times. Product variants are available in 64-pin, 100-pin and 121-pin packages, with flash memory ranging from 128KB to 1MB. The following family table shows all the options: http://www.microchip.com/Table-112315a.
For additional information, contact any Microchip sales representative or authorised worldwide distributor, or visit Microchip's website at http://www.microchip.com/PIC24FGB6-112315a. To purchase products mentioned in this press release, go to microchipDIRECT or contact one of Microchip's authorised distribution partners.

Resources
High-res Images available through Flickr or editorial contact (feel free to publish):

Follow Microchip:

About Microchip Technology
Microchip Technology Inc. (NASDAQ: MCHP) is a leading provider of microcontroller, mixed-signal, analog and Flash-IP solutions, providing low-risk product development, lower total system cost and faster time to market for thousands of diverse customer applications worldwide. Headquartered in Chandler, Arizona, Microchip offers outstanding technical support along with dependable delivery and quality. For more information, visit the Microchip website at http://www.microchip.com/Homepage-112315a.
Note: The Microchip name and logo, and PIC are registered trademarks of Microchip Technology Incorporated in the U.S.A. and other countries. All other trademarks mentioned herein are the property of their respective companies.
For more information, please contact:
Daphne Yuen (Microchip): (+852) 2943 5115
(email: daphne.yuen@microchip.com)

Jennifer Tang (LEWIS PR): (+852) 3944 5025
(email: jennifer.tang@lewispr.com)