ข้อมูลเมื่อปี 2556 จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โรคข้อเข่าเสื่อมพบได้ใน 10-15% ของประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีทั่วโลก โรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดหรือวิธีอื่นๆที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น การฉีดสารต่างๆเข้าข้อต่อโดยตรง อาทิ กรดไฮยาลูโรนิก คอร์ติโคสเตียรอยด์ พลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด และ Autologous Conditioned Serum (ACS / Orthokine(R))
คณะนักวิจัยชาวสเปนซึ่งประกอบด้วย ดร.ไฮเม บาเซลกา การ์เซีย-เอสคูเดโร และดร.เปโดร มิเกล เฮอร์นานเดส ทริลลอส ได้ทำการวิจัยเชิงสังเกตแบบไปข้างหน้า (prospective) เพื่อศึกษาภาวะข้อเข่าเสื่อมข้างเดียว โดยผลการศึกษาในหัวข้อ "Treatment of Osteoarthritis of the Knee with a Combination of Autologous Conditioned Serum and Physiotherapy: A Two-Year Observational Study" เพิ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ทางวารสาร "PLoS ONE"
การวิจัยดังกล่าวมีผู้ป่วยอายุระหว่าง 34-81 ปีเข้าร่วมทั้งสิ้น 118 คน เป็นระยะเวลารวม 24 เดือน โดยในช่วงเริ่มการทดลอง ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีระดับความเจ็บปวดเฉลี่ย 8.1 ตามมาตรวัด Numeric Rating Scale (NRS 0-10) ซึ่งสอดคล้องกับค่า Western Ontario and McMaster Universities Osteoarthritis Index (WOMAC) จากนั้นผู้วิจัยได้ทำการฉีดยา ACS ขนาด 2 mL เข้าข้อต่อของผู้ป่วย 4 ชุด สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ตามมาด้วยการทำกายภาพบำบัด 30 ครั้ง
ผลลัพธ์
ผลการวิจัยเผยให้เห็นว่า ระดับความเจ็บปวดตามมาตรวัด NRS ได้ปรับตัวลดลงมากกว่า 60% ในช่วง 3 เดือนแรกภายหลังการรักษา และมีค่าทรงตัวอยู่ในระดับนั้น ส่วนระดับความเจ็บปวดตามมาตรวัด WOMAC ก็ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ผลลัพธ์จากการวิจัยดังกล่าวไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ น้ำหนัก และระยะของโรคแต่อย่างใด ทั้งนี้ ศ.ดร.ปีเตอร์ เวห์ลิง ซีอีโอของ Orthogen AG ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี กล่าวว่า "ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของอาการปวดและการทำงานของร่างกายในการวิจัยครั้งนี้น่าประทับใจอย่างยิ่ง"
เกี่ยวกับ ACS/ Orthokine(R)
Orthokine(R) หรือที่วางจำหน่ายในเยอรมนีในชื่อ Orthokin(R) เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการรักษาที่ใช้เลือดของผู้ป่วยเอง โดยการได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องใช้กระบอกฉีดยา EOTII (ของบริษัท Orthogen Lab Services GmbH จากเมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี)
http://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0145551 (22.2.2016)
สามารถรับชมข่าวฉบับเต็มได้ที่ http://www.presseportal.de/nr/59057
No comments:
Post a Comment