ผลวิจัยของคณะนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธมในเครือมาร์ส เพ็ทแคร์ และมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พบว่า นอกจากรสชาติแล้ว คุณค่าทางโภชนาการยังมีอิทธิพลต่อแมวในการตัดสินใจเลือกกินอาหาร
ผลวิจัยดังกล่าวของมาร์ส เพ็ทแคร์ ที่ได้รับการเผยแพร่ทางวารสาร Royal Society Open Science ( http://rsos.royalsocietypublishing.org/lookup/doi/10.1098/rsos.160081 ) ในวันนี้ ได้เผยให้เห็นว่า แมวบ้านเรียนรู้ที่จะเลือกกินอาหารโดยดูจากคุณค่าทางโภชนาการมากกว่ารสชาติ โดยเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ แมวจะเรียนรู้เกี่ยวกับปริมาณไขมันและโปรตีนในอาหาร จากนั้นจะเลือกกินอาหารให้ได้สัดส่วนของไขมันและโปรตีนตามที่ต้องการ
คณะนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธมในเครือมาร์ส เพ็ทแคร์ และมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้ให้อาหารแมวที่มีปริมาณไขมันและโปรตีนแตกต่างกันไป ทั้งรสปลา รสกระต่าย และรสส้ม ผลปรากฏว่าเมื่อให้อาหารครั้งแรก แมวเลือกกินอาหารตามรสชาติ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ แมวได้เริ่มเรียนรู้เรื่องคุณค่าทางโภชนาการ และเลือกกินอาหารเพื่อให้ได้รับโปรตีนและไขมันตามสัดส่วนที่เหมาะสม โดยไม่คำนึงถึงรสชาติ
เอเดรียน ฮิวสัน-ฮิวจ์ จากสถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธมในเครือมาร์ส เพ็ทแคร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะวิจัย เปิดเผยว่า ผลการค้นพบดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอาหารแมวได้ "การวิจัยครั้งนี้ทำให้มาร์ส เพ็ทแคร์ มีความเข้าใจมากขึ้นในการพัฒนาอาหารแมวที่ทั้งอร่อยและมีสารอาหารที่เหมาะสม เพื่อให้แมวกินอาหารนั้นๆต่อไปในระยะยาว ทั้งยังเป็นการตอกย้ำสิ่งที่เราทราบอยู่แล้วในเรื่องของโภชนาการ เราจะมุ่งมั่นพัฒนาอาหารแมวแบรนด์ต่างๆ ทั้ง WHISKAS, SHEBA และ ROYAL CANIN เพื่อสร้างความมั่นใจว่าแมวจะได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและเอร็ดอร่อยกับอาหารไปพร้อมๆกัน"
วอลแธม คือศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับโลกภายใต้การดูแลของมาร์ส เพ็ทแคร์ ซึ่งมุ่งมั่นสร้างความก้าวหน้าใหม่ๆ ในแง่ของโภชนาการสัตว์เลี้ยง รวมถึงวิทยาศาสตร์ด้านการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์
เกี่ยวกับสถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธม
สถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธม เป็นหน่วยงานวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่ยกระดับการวิจัยด้านโภชนาการและสุขภาพสัตว์เลี้ยง ผ่านการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี สถาบันวิจัยอันทันสมัยแห่งนี้ตั้งอยู่ในมณฑลเลสเตอร์เชียร์ ประเทศอังกฤษ และเป็นผู้สนับสนุนองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการและสุขภาพสัตว์เลี้ยงให้แก่บริษัท มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด (Mars, Incorporated) ก่อให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อันทันสมัยที่สามารถตอบสนองความต้องการของสัตว์เลี้ยงได้อย่างแท้จริง วอลแธม เผยแพร่งานวิจัยของตนเองเป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1963 จากนั้นได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆมากมายในด้านโภชนาการสัตว์เลี้ยงและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ ดังจะเห็นได้จากผลงานที่ตีพิมพ์เผยแพร่มากกว่า 1,700 ฉบับ ซึ่งรวมถึงรายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการพิจารณาและยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญแล้วกว่า 600 ฉบับ ปัจจุบัน วอลแธม ยังคงร่วมงานกับบรรดาสถาบันวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงของมาร์ส (Mars Petcare) เพื่อสร้างสรรค์โลกที่ดีกว่าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และความเชี่ยวชาญที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้าต่างๆของมาร์ส อาทิ PEDIGREE(R), WHISKAS(R), ROYAL CANIN(R), Banfield Pet Hospital และ IAMS(R), CESAR(R), NUTRO(R), SHEBA(R), DREAMIES(R) และ EUKANUBA(R)
เกี่ยวกับ มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด
เมื่อปีค.ศ.1911 แฟรงค์ ซี มาร์ส (Frank C. Mars) ได้ผลิตขนมหวานยี่ห้อมาร์ส (Mars) ขึ้นเป็นครั้งแรกในบ้านของเขาที่เมืองทาโคมา รัฐวอชิงตัน และได้ริเริ่มธุรกิจแบรนด์มาร์สขึ้นเป็นครั้งแรกในฐานะบริษัทผู้ผลิตขนมหวาน ในช่วงทศวรรษที่ 20 ฟอร์เรสต์ อี มาร์ส ซีเนียร์ (Forrest E. Mars, Sr.) ได้เข้ามาช่วยกิจการของพ่อ และเปิดตัวช็อกโกแลตแท่งแบรนด์ MILKY WAY(R) จากนั้นในปีค.ศ.1932 ฟอร์เรสต์ได้ย้ายไปพำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร พร้อมความฝันที่จะสร้างกิจการที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ "ประโยชน์ร่วมกันสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง" ซึ่งเป็นรากฐานของมาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ดมาจนถึงปัจจุบันนี้ บริษัทมาร์สตั้งอยู่ในชุมชนแม็คลีน รัฐเวอร์จิเนีย และมียอดขายสุทธิกว่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ บริษัทแบ่งกิจการออกเป็น 6 สาขา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง, ช็อกโกแลต, ริกลีย์ (Wrigley), อาหาร, เครื่องดื่ม และซิมไบโอไซแอนซ์ (Symbioscience) บริษัทมีผู้ร่วมงานกว่า 75,000 คนทั่วโลกที่ร่วมดำเนินตามหลักการขององค์กรเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับผู้คนและโลกของเรา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mars.com และติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทาง facebook.com/mars, twitter.com/marsglobal, youtube.com/mars
ที่มา: มาร์ส เพ็ทแคร์
No comments:
Post a Comment