ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติทางการเงินชั้นนำเตรียมใช้ Google Cloud ขยายธุรกิจทั่วโลกตามกลยุทธ์ "cloud-first"
BlackLine (Nasdaq: BL) ประกาศความร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อรองรับงานสำคัญๆ ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจทั่วโลก ข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า BlackLine จะใช้แพลตฟอร์ม Google Cloud เพื่อเพิ่มศักยภาพในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ เช่น แมชชีนเลิร์นนิ่งและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อยกระดับแพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติทางการเงินของบริษัทด้วยฟังก์ชันอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ใหม่ล่าสุด
Pete Hirsch ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ BlackLine กล่าวว่า "ขณะที่เรากำลังขยายธุรกิจทั่วโลกและเปิดตัวฟังก์ชันใหม่ๆ เราจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นไปพร้อมกัน ดังนั้น BlackLine จะใช้พลังของระบบคลาวด์สาธารณะในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ใหม่และปรับปรุงโซลูชันที่มีอยู่เดิม เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และทันตามกำหนดส่งมอบ Google Cloud ทำให้ BlackLine มีพลังการประมวลผลแบบไร้ขีดจำกัด ทั้งยังสามารถใช้เทคโนโลยีแบบโอเพนซอร์ส ปรับปรุงแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะชั้นนำของวงการ และนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในอนาคต"
กลยุทธ์ "cloud-first" ของ BlackLine เป็นกลยุทธ์แบบหลายด้าน โดยเน้น 3 ส่วนสำคัญดังนี้
- เพิ่มศักยภาพสูงสุดให้กับแพลตฟอร์มคลาวด์ของ BlackLine ในฐานะแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะแบบเรียลไทม์
- ยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ใช้ระบบคลาวด์ พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถด้านคลาวด์เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น
- ขยายธุรกิจเพื่อรองรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมทั่วโลก
Rob Enslin ประธานฝ่ายปฏิบัติการลูกค้าทั่วโลกของ Google Cloud กล่าวว่า "Google Cloud ช่วยให้ BlackLine สามารถพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลได้เร็วขึ้น ด้วยการใช้กลยุทธ์ cloud-first กับสินค้าและบริการของบริษัท รวมถึงใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิ่ง ที่สำคัญที่สุดคือ ลูกค้าของ BlackLine จะได้รับประโยชน์จากการปกป้องที่เพิ่มขึ้นและโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น ซึ่งจำเป็นต่อการก้าวให้ทันโลกธุรกิจในปัจจุบัน"
BlackLine และ Google Cloud จะเดินหน้าขยายธุรกิจ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลต่อไป เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าข้อมูลทางการเงินที่อ่อนไหวของพวกเขายังคงปลอดภัย ได้รับการคุ้มครอง และเก็บไว้บน Google Cloud ความร่วมมือครั้งใหม่นี้เป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ของ BlackLine ในการตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการพลิกโฉมการเงินไปสู่ระบบดิจิทัล ผ่านการพัฒนาโซลูชันที่ล้ำสมัยและการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้ให้บริการระบบคลาวด์และโซลูชันเทคโนโลยีที่เป็นผู้นำตลาด
Therese Tucker ซีอีโอของ BlackLine กล่าวว่า "Google มีส่วนร่วมในคณะกรรมการที่ปรึกษาลูกค้าของเรามานานหลายปีแล้ว โดยได้แบ่งปันประสบการณ์การพลิกโฉมการเงินสู่ระบบดิจิทัลกับผู้นำรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม และการใช้ Google Cloud จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ของเราไปอีกขั้น"
กระบวนการย้ายไปสู่ Google Cloud ของ BlackLine ต้องใช้เวลาหลายปี และคาดว่าจะเริ่มในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
เกี่ยวกับ BlackLine
BlackLine, Inc. (Nasdaq: BL) เป็นผู้จัดหาโซลูชันคลาวด์ที่ช่วยพลิกโฉมการเงินและการบัญชีด้วยระบบอัตโนมัติ การรวมศูนย์ และการปรับปรุงการปิดงบการเงิน ขั้นตอนการทำบัญชีระหว่างบริษัท รวมถึงขั้นตอนการเงินและการบัญชีอื่นๆ สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง บริษัทได้รับการยอมรับจาก Gartner ให้เป็นผู้นำในรายงาน Magic Quadrant for Cloud Financial Close Solutions ประจำปี 2561 ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกตลาดคลาวด์ที่ช่วยยกระดับการควบคุมและระบบอัตโนมัติทางการเงิน
ด้วยจุดมุ่งหมายในการปรับปรุงการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) และระบบทางการเงินอื่นๆ เช่น SAP, Oracle และ NetSuite ให้ดียิ่งขึ้น BlackLine จึงเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การมองเห็นแบบเรียลไทม์ การควบคุมและการปฏิบัติตามกฎ เพื่อรับประกันการปิดงบการเงินและการทำบัญชีอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์ครบวงจรเพียงหนึ่งเดียว BlackLine ทำให้ลูกค้าสามารถพัฒนาโซลูชันและขั้นตอนที่ล้าหลังไปสู่การทำบัญชีแบบต่อเนื่อง ซึ่งมีระบบอัตโนมัติแบบเรียลไทม์และฟังก์ชันการควบคุมในการทำงานประจำวัน จึงช่วยปรับปรุงการเงินและการบัญชีให้ทันสมัยด้วยระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ซึ่งรับประกันว่างบการเงินจะมีความถูกต้องและมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น และการปิดงบการเงินจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
บริษัทกว่า 2,800 แห่งที่มีลูกค้าทั่วโลก ไว้วางใจให้ BlackLine ช่วยรับประกันความครบถ้วนของงบดุลและความน่าเชื่อถือของงบการเงิน ทั้งนี้ BlackLine มีสำนักงานใหญ่ในลอสแองเจลิส และมีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคในลอนดอน สิงคโปร์ และซิดนีย์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.blackline.com
ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อมวลชน
Ashley Dyer
BlackLine PR Director
อีเมล:Ashley.dyer@blackline.com
โทร. 818.223.9008
ข้อความคาดการณ์อนาคตของ BlackLine
ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีข้อความคาดการณ์อนาคตภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 (Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ในบางกรณีสามารถระบุข้อความเหล่านี้ได้จากคำศัพท์ต่างๆ เช่น "อาจ" "จะ" "น่าจะ" "อาจจะ" "คาดว่า" "วางแผน" "คาดการณ์" "เชื่อ" "ประมาณการณ์" "คาด" "ตั้งใจ" "มีโอกาส" "เดินหน้า" "ต่อไป" หรือคำที่มีความหมายเชิงลบของคำเหล่านี้ หรือคำเชิงเปรียบเทียบอื่นๆ ข้อความคาดการณ์อนาคตในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เกี่ยวข้องกับแผนการขยายธุรกิจและโอกาสต่างๆ ของบริษัท
ข้อความคาดการณ์อนาคตในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อ้างอิงจากแผนการ การประมาณการณ์ และการคาดการณ์ในปัจจุบันของ BlackLine และไม่ได้หมายความว่าแผนการ การประมาณการณ์ หรือการคาดการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง ข้อความคาดการณ์อนาคตอิงตามข้อมูลที่มีอยู่ ณ เวลาที่มีการจัดทำข้อความ และ/หรือ ความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจและสมมติฐานของฝ่ายบริหารในขณะนั้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน หากความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนเกิดขึ้นจริง หรือปรากฏว่าสมมติฐานไม่ถูกต้อง ผลการดำเนินงานหรือผลประกอบการที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากที่แสดงหรือระบุไว้ในข้อความคาดการณ์อนาคต ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวมีอยู่มากมายหลายประการ เช่น ความสามารถของบริษัทในการดำเนินกลยุทธ์ การดึงดูดลูกค้ารายใหม่ การเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ การเปิดตัวและจำหน่ายฟีเจอร์และโซลูชันใหม่ๆ รวมถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่ระบุไว้ในเอกสารต่างๆ ที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะๆ ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่ระบุภายใต้หัวข้อ "Risk Factors" ในรายงานประจำปี Form 10-K ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมจะมีการแสดงในรายงานประจำไตรมาส Form 10-Q
ข้อความคาดการณ์อนาคตไม่ควรถือเป็นการรับประกันผลประกอบการหรือผลการดำเนินงานในอนาคต และไม่ควรยึดถือข้อความคาดการณ์อนาคตเหล่านี้มากเกินไป เราไม่มีภาระหน้าที่หรือข้อผูกมัดใดๆ ในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์อนาคต ไม่ว่าจะเป็นผลจากข้อมูลใหม่ สถานการณ์ความคืบหน้าในอนาคต หรืออื่นๆ เว้นแต่กฎหมายกำหนด
No comments:
Post a Comment