ปัจจุบัน กองทัพปลดแอกประชาชนจีนมีกำลังทหาร 2 ล้านนาย และมุ่งมั่นสั่งสมกองกำลังสู้รบรูปแบบใหม่ที่สามารถปฏิบัติการพิเศษ โจมตีและป้องกันทุกมิติ ปฏิบัติการทั้งในน้ำและบนบก ปกป้องน่านน้ำที่อยู่ห่างไกล และวางแผนยุทธศาสตร์
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง ได้ดำเนินการปฏิรูปกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเพื่อให้ก้าวสู่การเป็นกองกำลังทหารระดับโลก
กองกำลังระดับโลก
วิสัยทัศน์ของประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพ ช่วยตอบคำถามสำคัญที่ว่า จีนต้องการให้กองกำลังติดอาวุธเป็นอย่างไร และจีนควรทำอย่างไรในการสร้างกองกำลังดังกล่าว
ในเดือนธันวาคม 2555 หรือไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากที่นายสี จิ้นผิง เข้ารับตำแหน่งสูงสุดในพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาได้กล่าวถึงความจำเป็นในการสร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง
“เพื่อบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูชาติจีนครั้งยิ่งใหญ่ เราต้องสร้างความมั่งคั่งไปพร้อมกับสร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง” นายสี จิ้นผิง กล่าว
นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา กองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนผู้นำและระบบบริหาร ปรับปรุงโครงสร้าง รวมถึงปฏิรูปธรรมเนียมปฏิบัติและนโยบายทางทหาร
ในการจัดพาเหรดฉลองวันแห่งชัยชนะในวาระครบรอบ 70 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเดือนกันยายน 2558 จีนได้ประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าจีนจะลดกำลังทหารลง 300,000 นาย และให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้อำนาจขยายอิทธิพลครอบงำโลก
ในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 เมื่อปี 2560 จีนได้เปิดเผยโร้ดแม็ปที่ระบุว่า จีนจะปฏิรูปกองทัพปลดแอกประชาชนจีนให้เป็นกองกำลังทหารระดับโลกภายในกลางศตวรรษที่ 21
โร้ดแม็ปดังกล่าวระบุว่า ในยุคสมัยใหม่เช่นนี้ จีนต้องเปิดศักราชใหม่ในการสร้างกองทัพและการป้องกันประเทศ โดยภายในปี 2563 กองทัพปลดแอกประชาชนจีนจะต้องบรรลุผลสำเร็จในการใช้เครื่องจักรกล ต้องมีความก้าวหน้าอย่างมากในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และต้องยกระดับศักยภาพเชิงยุทธศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังตั้งเป้าหมายระยะกลางในการเปลี่ยนกองทัพจีนให้มีความทันสมัยภายในปี 2578 และเป้าหมายระยะยาวในการก้าวขึ้นเป็นกองทัพชั้นนำของโลกภายในปี 2593
ในเดือนธันวาคม 2561 นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการป้องกันประเทศและการสร้างกองทัพที่เข้มแข็งให้เหมาะสมกับจุดยืนระหว่างประเทศของจีน รวมถึงผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและการพัฒนา คือยุทธศาสตร์ในการสร้างชาติสังคมนิยมที่ทันสมัย
ในขณะที่จีนกำลังปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย งบประมาณทางทหารของจีนยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ โดยข้อมูลล่าสุดของทางการระบุว่า ในปี 2563 งบกลาโหมของจีนยังคงเติบโตแบบเลขหลักเดียวเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้นเพียง 6.6% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในช่วงไม่กี่ปีมานี้
งบกลาโหมของจีนยังคงอยู่ที่ราว 1.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.6%
จีนมีแนวคิดในการสร้างกองกำลังติดอาวุธระดับโลกเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยของประเทศ รักษาผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและการพัฒนา รักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก และบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูประเทศ
สร้างมาเพื่อสู้รบ
“กองทัพสร้างมาเพื่อสู้รบ กองทัพของเราต้องตระหนักว่าความสามารถในการสู้รบคือบรรทัดฐานในการบรรลุผลสำเร็จในภารกิจทั้งหมด และต้องให้ความสำคัญกับชัยชนะเมื่อเวลานั้นมาถึง” นายสี จิ้นผิง กล่าว
ในระหว่างการตรวจเยี่ยมกองทัพ นายสี จิ้นผิง ได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่กองกำลังติดอาวุธต้องยกระดับความสามารถในการสู้รบและความพร้อมทำศึกสงคราม
เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ของผู้นำประเทศ กองกำลังติดอาวุธจึงทำการฝึกซ้อมในสภาพการสู้รบจริงอย่างเต็มรูปแบบ
นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา กองกำลังติดอาวุธของจีนได้ปฏิบัติการฝึกฝนอย่างครอบคลุมตามกลยุทธ์และการซ้อมรบที่แตกต่างกันของแต่ละหน่วย ซึ่งรวมถึงการซ้อมรบร่วมกว่า 80 ครั้ง ทั้งในระดับกองพลน้อย กองพล หรือสูงกว่านั้น
นอกจากนี้ กองทัพปลดแอกประชาชนจีนยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อสู้ท่ามกลางสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นในปีนี้
ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้ส่งแพทย์ทหารกว่า 4,000 นายไปยังมณฑลเหอเป่ยซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดเพื่อช่วยควบคุมโรค โดยใช้เวลาจัดตั้งทีมแพทย์ทหารเพียง 2 ชั่วโมงหลังได้รับคำสั่ง และเดินทางไปถึงจุดหมายภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลสำหรับใช้งาน 7 วัน และเริ่มรักษาผู้ป่วยทันทีที่เดินทางไปถึง
นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมจีนเปิดเผยว่า ณ วันที่ 28 กรกฎาคม กองทัพปลดแอกประชาชนจีนและกองกำลังตำรวจติดอาวุธแห่งประชาชนจีน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ราว 725,000 นายไปต่อสู้กับอุทกภัย ด้วยการช่วยสร้างเขื่อน ซ่อมแซมเขื่อน และอพยพประชาชน
ปกครองกองทัพอย่างเข้มงวด
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปกครองกองทัพด้วยระเบียบวินัยที่เข้มงวดและสอดคล้องกับกฎหมายในทุกแง่มุม
แนวคิดดังกล่าวได้รับการบรรจุในหลักนิติธรรมของประเทศในระหว่างการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 สมัยที่ 4 เมื่อปี 2557
ในระหว่างการตรวจเยี่ยมกองกำลังที่ 13 ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อเดือนมกราคม 2559 นายสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้มีการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองกำลังติดอาวุธผ่านการปฏิรูป รวมทั้งการสร้างความตื่นตัวทางการเมืองและกฎหมาย
นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา การต่อสู้กับการคอร์รัปชันในกองทัพถือเป็นจุดสนใจสำคัญของปฏิบัติการกวาดล้างการติดสินบน โดยเจ้าหน้าที่ทหารหลายสิบนายถูกสอบสวนและตัดสินจำคุก ในจำนวนนี้คือนายซู ไช่หาว และนายกัว ป๋อสง อดีตนายพลและรองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง
No comments:
Post a Comment