ENOC Group พันธมิตรอย่างเป็นทางการด้านการบูรณาการพลังงานประจำมหกรรม Expo 2020 Dubai เปิดตัวปั๊มน้ำมันแห่งอนาคตที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่มหกรรม Expo 2020
นอกเหนือจากการรองรับความต้องการด้านโลจิสติกส์ของยานยนต์ก่อนหน้ามหกรรม Expo 2020 แล้ว ปั๊มน้ำมันแห่งนี้จะเปิดให้บริการแก่สาธารณชนที่ District 2020 หรือชุมชนอัจฉริยะที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะกลายเป็นมรดกทางกายภาพของมหกรรม Expo หลังจากมหกรรมนี้ปิดฉากลงในวันที่ 31 มีนาคม 2565
ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED Platinum แห่งแรกของโลก ตลอดจนเป็นแห่งแรกของภูมิภาคที่ผนวกรวมกังหันลมออนกริดสำหรับการผลิตไฟฟ้าและใช้คาร์บอนไฟเบอร์สร้างหลังคา พร้อมด้วยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ghaf ต้นไม้ประจำชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คาร์บอนไฟเบอร์กว่า 43,000 ตารางเมตร หรือ 37 ตัน ถูกนำมาใช้สร้างโครงหลังคา 133 ชั้น หลังคาทรงเบาะรูปใบไม้ที่สร้างจากวัสดุ ETFE (ethylene tetrafluoroethylene) ปกป้องรังสี UV ได้ 100% รวมถึงป้องกันการกัดกร่อน และส่องสว่างด้วยโมดูลไฟ LED กว่า 3,800 ชิ้น การออกแบบต้นไม้ทั้ง 9 ต้นที่รองรับปั๊มน้ำมันสร้างขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์อีก 22,500 ตารางเมตร แผงโซลาร์เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์อีกประมาณ 283 แผงสร้างพลังงานแสงอาทิตย์ได้ 143 MWh ต่อปี และกังหันลมขนาด 25 เมตรผลิตพลังงานลมได้ 12.7 MWh ต่อปี
ฯพณฯ ซารีฟ ฮุมัยด์ อัล ฟาลาซี ซีอีโอกลุ่มบริษัท ENOC เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มต่อแนวคิด 'Reimagine Energy' ว่า "บทบาทของเราในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการด้านการบูรณาการพลังงานของมหกรรม Expo 2020 Dubai ทำให้เรามีโอกาสจัดแสดงอุตสาหกรรมและประเทศของเราในเวทีระดับโลก ปั้มน้ำมันแห่งนี้ตอกย้ำการมีส่วนร่วมของเราในงานนี้ และยังเป็นปั้มน้ำมันแห่งแรกของโลกที่ใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียน และประกาศศักราชใหม่ของการค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง"
ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีการกรองคาร์บอนเพื่อรีไซเคิลน้ำที่ใช้แล้วเพื่อการชลประทาน และยังมีหน่วยผลิตน้ำจากอากาศด้วยเทคนิคโอโซน เพื่อปรับเปลี่ยนโมเลกุลของน้ำจากอากาศมาเป็นน้ำดื่มสำหรับเจ้าหน้าที่ ขณะที่แมชชีนเลิร์นนิง ปัญญาประดิษฐ์ และการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยปรับแต่งสินค้าปลีก จัดการคิว ตลอดจนเวลาที่รอบริเวณลานด้านหน้า และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
รถที่ขับเข้ามาจะเจอแสงไฟที่ส่องนำรถไปยังพื้นที่เติมน้ำมัน ตลอดจนทางเข้าและออก ชิป LED กว่า 12 ล้านชิ้นส่องแสงสว่างบนหน้าจอดิจิทัล นอกจากนี้ สถานีบริการแห่งนี้ยังยกระดับความปลอดภัยด้วยระบบการจัดการและการวัดเชื้อเพลิงสุดล้ำ ซึ่งตรวจจับการรั่วไหลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ENOC ใช้เวลาสร้างสถานีบริการแห่งนี้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานรวมกันถึง 400,000 ชั่วโมงทำงาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะยึดมั่นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม
No comments:
Post a Comment