นวัตกรรมแห่งอนาคตอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เมื่อนักแข่งรถชื่อดังอย่าง Olivier Lombard ยืนยันว่า รถต้นแบบของ Hopium Machina ซึ่งเป็นรถซีดานพลังงานไฮโดรเจนปล่อยมลพิษเป็นศูนย์รุ่นแรก จะเปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้
รับชมข่าวในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่
https://www.multivu.com/players/uk/8854851-hopium-confirms-hydrogen-sedan-prototype-coming-june-2021/
Hopium ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปารีสเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของโลกด้านยานยนต์พลังงานไฮโดรเจน โดยตั้งเป้าปล่อยรถสู่ท้องถนนภายในปี 2568
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว Olivier Lombard ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท Hopium ได้ผนึกกำลังกับทีมผู้เชี่ยวชาญ ประกอบด้วยนักออกแบบรถยนต์ Felix Godard ซึ่งเคยทำงานกับ Porsche, Tesla และล่าสุดคือ Lucid Motors โดยทำหน้าที่ออกแบบดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวตามหลักอากาศพลศาสตร์ให้กับ Hopium Machina และ Loic Bouillo ผู้อำนวยการโครงการ (อดีตเคยทำงานกับบริษัท PSA และ Safran) ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการพัฒนายานยนต์รุ่นนี้และเทคโนโลยีภายในยานยนต์
ยานยนต์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ได้รับการเปิดเผยครั้งแรกเมื่อปลายเดือนมกราคม และสร้างมาตรฐานของยานยนต์พลังงานไฮโดรเจนยุคใหม่ โดยได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้านยานยนต์และยกมาตรฐานสู่ระดับสูงสุด
ยานยนต์รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีปฏิวัติวงการอันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ซึ่งมอบสมรรถนะอันเหนือชั้นให้แก่ยานยนต์พลังงานไฮโดรเจน ทั้งขุมพลัง 500+ แรงม้า และระยะวิ่ง 1000+ กิโลเมตร (629+ ไมล์) โดยใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงเพียง 3 นาทีเท่านั้น และในอนาคตจะมีการผสานเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย การยศาสตร์ และ hyperconnectivity ในห้องโดยสารที่หรูหราและสะดวกสบาย พร้อมกับตอบสนองความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในยุคนี้ด้วย
ขณะนี้ รถต้นแบบมีความคืบหน้าในการผลิตไปมากแล้ว โดยถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่เป็นเครื่องพิสูจน์เทคโนโลยีสุดล้ำมากมายของรถรุ่นนี้ และนับเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมสู่การผลิตระดับอุตสาหกรรม
เกี่ยวกับ HOPIUM
Hopium คือบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ไฮเทคซึ่งก่อตั้งโดย Olivier Lombard นักแข่งรถอายุน้อยที่สุดที่ชนะการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans บริษัทแห่งนี้จึงเป็นผลพวงของประสบการณ์อันโชกโชนในฐานะนักแข่งรถมืออาชีพ
Olivier Lombard ขับรถแข่งพลังงานไฮโดรเจนมานาน 7 ปีแล้ว ส่งผลให้เขาเป็นนักแข่งที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลกสำหรับยานยนต์ประเภทนี้ โดยสนามแข่งขันเปรียบเสมือนห้องทดลองกลางแจ้งที่ทำให้เขาและทีมงานได้ทดลองโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ภาคการขนส่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 20% ของทั้งหมด Hopium จึงต้องการมีบทบาทในการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Hopium ทำงานร่วมกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและวิศวกรรมยานยนต์ชั้นนำระดับโลก
No comments:
Post a Comment