Friday, May 19, 2017
ธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของเมอร์คเปิดเวทีอภิปรายประจำปี หวังสร้างเด็กรุ่นใหม่ที่มีสุขภาพดี-อายุยืนถึง 100 ปี
- ผลการศึกษาระดับโลกของ Economist Intelligence Unit ชี้เด็กในปัจจุบันจะมีสุขภาพแย่กว่าผู้ใหญ่ในปัจจุบันที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เมื่อเด็กย่างเข้าอายุดังกล่าว
- การสร้างความร่วมมือที่ดีขึ้นในทุกระดับจะช่วยทำให้เด็กๆ ตระหนักถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสุขภาพเมื่อโตขึ้น
เมอร์ค (Merck) บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ ได้เชิญเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น องค์การสหประชาชาติ (UN), กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF), โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS), สหพันธ์โรคอ้วนโลก (WOF) และแมคคินซีย์ (McKinsey) มารวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองดาร์มสตัดท์ ประเทศเยอรมนี เพื่อร่วมอภิปรายในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น อะไรคือภัยคุกคามต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาวที่จำเป็นต้องจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุด สิ่งที่สามารถทำได้ทั้งในและนอกห้องเรียน ไปจนถึงความรับผิดชอบร่วมกันของโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน
ข้อมูลสถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ให้เห็นว่า ประชากรโลกมีอายุขัยมากขึ้นเรื่อยๆ และเด็กในปัจจุบันอาจเป็นกลุ่มแรกที่มีอายุยืนนานถึง 100 ปี ดังนั้น การใช้ชีวิตถึง 100 ปีอย่างแข็งแรง มีกำลัง และคล่องแคล่ว รวมถึงการเตรียมพร้อมเด็กๆสำหรับการนี้ จึงกลายเป็นหัวข้อของการอภิปรายประจำปีครั้งที่ 2 "Global Consumer Health Debate" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้
Uta Kemmerich-Keil ซีอีโอและประธานธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของเมอร์ค กล่าวว่า "ยิ่งเราเริ่มสอนให้เด็กรู้จักดูแลตัวเองได้เร็วเท่าไร ผลลัพธ์ในระยะยาวก็จะยิ่งดีขึ้นมากเท่านั้น หากการอภิปรายครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขภาพให้ลูกๆของดิฉันในเยอรมนี เช่นเดียวกับเด็กๆในบราซิลไปจนถึงอินเดีย ก็หมายความว่าเรามีความคืบหน้าในการสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีและใช้ชีวิตอันแสนยืนยาวได้อย่างเต็มที่"
ภายในงานยังมีการเผยแพร่สมุดปกขาวของ Economist Intelligence Unit (EIU) ในหัวข้อ "Kids and Old Age" ซึ่งเป็นการศึกษาระดับโลกเพื่อชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงสิ่งที่ผู้ปกครอง ผู้ให้การศึกษา ผู้กำหนดนโยบาย สถาบันวิจัย และบุคลากรด้านการพัฒนา สามารถทำได้เพื่อเตรียมพร้อมเด็กๆ ให้มีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว โดยข้อมูลสำคัญที่ค้นพบประกอบด้วย
- เด็กในปัจจุบันจะมีสุขภาพแย่กว่าผู้ใหญ่ในปัจจุบันที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เมื่อเด็กย่างเข้าอายุดังกล่าว
- พฤติกรรมการใช้ชีวิตจะก่อให้เกิดโรคเรื้อรังในตอนโต และตอนนี้เด็กบางส่วนก็มีปัญหาสุขภาพเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว
- จากการศึกษาใน 5 ประเทศพบว่า โรงเรียนต่างมุ่งแก้ปัญหาที่เห็นได้ชัดเจน เช่น การขาดการออกกำลังกาย แต่กลับละเลยปัญหาสุขภาพจิตใจ
- มีหลักฐานเพียงน้อยนิดที่แสดงให้เห็นว่า โครงการให้ความรู้ของโรงเรียนช่วยลดอัตราการเกิดโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพจิตใจของเด็กที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
การอภิปรายครั้งนี้ช่วยเชื่อมโยงทุกฝ่ายที่มีส่วนรับผิดชอบในการสร้างเสริมสุขภาพและสุขภาวะของเด็ก ซึ่งก่อให้เกิดฉันทามติให้เรื่องของแนวคิดและเป้าหมายร่วมกัน
การอภิปรายซึ่งมีผู้เข้าร่วมหลายฝ่ายและมีความคิดเห็นที่หลากหลายได้ชี้ให้เห็นว่า ประสบการณ์ที่เราเรียนรู้ในวัยเด็กไม่ได้มาจากบ้านและโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังมาจากการช่วยเหลือของชุมชนและการสนับสนุนในระดับนโยบายด้วย ดังนั้น การร่วมมือกันของทุกฝ่ายจะช่วยให้เด็กในวันนี้พร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่แข็งแรงในวันหน้า
ผู้ที่เข้าร่วมการอภิปรายในครั้งนี้มาจากหลากหลายภาคส่วน เช่น ผู้แทนจากรัฐบาลแอฟริกาใต้ (รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาขั้นพื้นฐาน), ผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติฝ่ายการศึกษา เด็ก และสุขภาพ (UNICEF, Every Woman for Every Child/UN, UNAIDS), องค์กรทรงอิทธิพลในชุมชนจากบราซิลและอินเดีย (Inmed Brazil, Smile Foundation), ที่ปรึกษาทางธุรกิจในอุตสาหกรรมสุขภาพ (McKinsey) รวมถึงสหพันธ์โรคอ้วนโลก (WOF)
งานนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของเมอร์คในการ "เตรียมสังคมให้พร้อมเข้าสู่ยุคที่มนุษย์มีสุขภาพดีและอายุยืนถึง 100 ปี" อันเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ WE100(R) ที่มุ่งกระตุ้นให้คนทุกช่วงวัยตระหนักถึงความสำคัญของการมีสุขภาพดี ทั้งนี้ รายงานและการอภิปรายช่วยให้คนทั่วโลกตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือต้องมีการลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมด้วย ซึ่งเมอร์คก็จะสืบสานพันธกิจดังกล่าวผ่านทางโครงการ WE100 ต่อไป
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment