- JD ลงทุน 397 ล้านดอลลาร์ใน Farfetch เพื่อรุกขยายธุรกิจในกลุ่มสินค้าหรูหรา
- ความร่วมมือครั้งนี้จะเปิดทางให้ผู้บริโภคชาวจีนสามารถเข้าถึงแบรนด์หรูหราเหนือระดับที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจาก Farfetch ผ่านช่องทางออนไลน์
JD.com ธุรกิจอีคอมเมิร์ชและห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของจีน และ Farfetch แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำระดับโลกสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มระดับพรีเมี่ยมสำหรับการช็อปปิงสินค้าสุดหรูในจีน อันเป็นการเปิดประตูไปสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูงถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง JD.com และ Farfetch จะใช้ประโยชน์จากระบบโลจิสติกส์อันยอดเยี่ยม การทำธุรกรรมการเงินผ่านอินเทอร์เน็ต ความสามารถทางเทคโนโลยี และทรัพยากรด้านโซเชียลมีเดียของ JD ซึ่งรวมถึงการเป็นพันธมิตรกับ WeChat ผสานเข้ากับความเป็นผู้นำในตลาดสินค้าสุดหรูของ Farfetch เพื่อสร้างประสบการณ์อันราบรื่นให้กับทางแบรนด์ ทั้งนี้ Farfetch ได้ดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในจีน อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับแบรนด์สินค้าหรูหรากว่า 200 แบรนด์ รวมถึงผู้ค้าปลีกสินค้าคละแบรนด์อีกกว่า 500 เจ้า โดย JD จะเข้ามาช่วยผลักดันการรับรู้จดจำแบรนด์ รวมถึงกระตุ้นยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์และยอดขายของ Farfetch ให้พุ่งทะยานขึ้นในตลาดแห่งนี้
การจับมือเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะส่งผลให้ JD.com กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Farfetch ด้วยเม็ดเงินลงทุนมูลค่ากว่า 397 ล้านดอลลาร์ และคุณริชาร์ด หลิว ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง JD.com จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกบอร์ดบริหารของ Farfetch โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันในด้านการตลาด โลจิสติกส์ และโซลูชั่นเทคโนโลยี เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในจีน ขณะที่ Farfetch จะยังคงรับหน้าที่เป็นแบรนด์ที่มีการติดต่อกับลูกค้าเช่นเดิม
การผนึกกำลังอันแข็งแกร่งในครั้งนี้จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์สินค้าแฟชั่นและร้านบูติกในเครือของ Farfetch กว่า 700 แบรนด์ เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่หลากหลายของแพลตฟอร์มใหม่นี้ ในการตีตลาดสินค้าสุดหรูของจีนได้นั่นเอง
เมื่อไม่นานมานี้ JD ได้เปิดตัวบริการระดับมืออาชีพและใส่ใจในรายละเอียดอย่าง JD Luxury Express ซึ่งด้วยบริการดังกล่าว Farfetch จะสามารถนำเสนอบริการระดับพรีเมียม ที่สมฐานะกับแบรนด์ระดับเวิลด์คลาสซึ่งวางจำหน่ายในเว็บไซต์ ให้แก่ลูกค้าได้ นอกจากนี้ การผสมผสานระหว่างความรู้ด้านแฟชั่นหรูหราของ Farfetch และความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าในวันที่สั่งซื้อ รวมถึงบริการระดับมืออาชีพขั้นสูงของ JD จะมอบข้อเสนอที่ไม่มีใครเทียบให้แก่ลูกค้าชาวจีน
นอกจากนี้ แบรนด์พันธมิตรของ Farfetch และธุรกิจค้าปลีกในท้องถิ่น จะได้เข้าถึงช่องทางการตลาดครบวงจรระดับโลก ซึ่งรวมถึงบริการ Click & Collect ที่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แต่สามารถเลือกรับสินค้าด้วยตนเองได้ที่ร้าน เช่นเดียวกับการคืนสินค้าที่ร้าน ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างร้านค้าในจีนของทางแบรนด์กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ทั้งสองบริษัทยังจะรวมพลังกันใช้ประโยชน์จาก BlackDragon ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการตลาดดิจิทัลที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการในภาคค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยี การเงิน การท่องเที่ยว การศึกษา และยานยนต์ โดย BlackDragon จะช่วยให้ Farfetch สามารถใช้ขุมทรัพย์บิ๊กดาต้าขนาดมหึมาของ JD และช่วยให้บริษัทสามารถทำการตลาดและสร้างช่องทางการตลาดเพื่อกระตุ้นการจดจำแบรนด์และตำแหน่งทางการตลาดของ Farfetch ในประเทศจีน
ด้วยการเป็นพันธมิตรดังกล่าว ผู้ใช้ Farfetch ในจีนจะสามารถเข้าถึงบริการหลากหลายรูปแบบจาก JD Finance ซึ่งรวมถึง JD Pay ที่จะเป็นพันธมิตรด้านการชำระเงิน และ Baitiao บริการสินเชื่อไมโครเครดิตยอดนิยมสำหรับผู้บริโภค
การประกาศความเป็นพันธมิตรในครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่ JD กำลังมุ่งความสนใจไปที่สินค้าและแฟชั่นหรูหราระดับไฮเอนด์มากขึ้น เพื่อตอบรับกับความต้องการอันมหาศาลในหมู่ลูกค้าผู้ใช้งานมือถือระดับบน โดยตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา JD ได้จัดงานแฟชั่นโชว์ในนิวยอร์ก มิลาน ลอนดอน ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ขณะที่เมื่อต้นปีนี้ บริษัทได้แต่งตั้ง วินสตัน เฉิง ดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายต่างประเทศ เพื่อนำทางการพัฒนาธุรกิจระดับนานาชาติ ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกและการลงทุนในต่างประเทศ พร้อมแยก JD Fashion ออกมาเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ภายใต้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และแต่งตั้งให้ เซียะ ติง ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจแนวดิ่งมากขึ้น และในปี 2560 นี้ JD Fashion ได้เดินหน้าครั้งสำคัญในแวดวงแฟชั่นและสินค้าหรูหรา ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ชั้นนำระดับสากลหลายแบรนด์บนเว็บไซต์ ซึ่งรวมถึง Armani, Swarovski และ Zenith
ริชาร์ด หลิว ประธานกรรมการและซีอีโอของ JD.com กล่าวว่า "การที่เราหันมาจับธุรกิจสินค้าหรูอย่างเต็มตัวครั้งนี้ ไม่มีพันธมิตรออนไลน์รายใดจะแข็งแกร่งไปกว่า Farfetch อีกแล้ว เราเชื่อเสมอมาว่าแนวโน้มธุรกิจอีคอมเมิร์ซของจีนในระยะยาวนั้นคุณภาพจะต้องมาก่อนราคา และการจับมือกับ Farfetch ในครั้งนี้ จะขยายความเป็นผู้นำในสังเวียนนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับลูกค้าชั่นสูงของจีนในอนาคต เราตั้งตารอที่จะกระชับความสัมพันธ์กับ Farfetch รวมถึงแบรนด์หรูอื่นๆ ต่อไปในภายหน้า"
โฮเซ เนเวส ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการร่วม และซีอีโอของ Farfetch กล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุด และตื่นเต้นที่ได้ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรครั้งนี้ร่วมกับคุณ ริชาร์ด หลิว และ JD.com ประเทศจีนนั้นเป็นตลาดสินค้าหรูที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เราจึงยินดีอย่างยิ่งที่มีพันธมิตรที่ได้รับการยอมรับนับถือ และได้ชื่อว่ามีความเข้มงวดในการปกป้อง IP ซึ่งดูแลลูกค้าชาวจีนในกลุ่มสินค้าหรู ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยจัดการกับความท้าทายของตลาด ด้วยการผสานแบรนด์ Farfetch เข้ากับขนาดและอิทธิพลของยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซแถวหน้าของจีน ตลอดจนช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มสินค้าหรูชาวจีนได้อย่างรวดเร็วและไร้ขีดจำกัด ขณะที่นักช็อปสินค้าหรูชาวจีนก็จะได้เข้าถึงสินค้าสุดหรูที่ได้รับการคัดสรรมาเป้นอย่างดีผ่านหลากหลายช่องทางตามวิถีชีวิตของพวกเขา"
คุณเนเวสยังได้กล่าวถึงการที่คุณหลิวได้เข้ามาร่วมในบอร์ดบริหารของ Farfetch อีกด้วยว่า "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณ ริชาร์ด หลิว ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจอินเทอร์เน็ตระดับตำนาน ได้มาร่วมเป็นสมาชิกบอร์ดบริหารของเรา เคียงข้างคุณนาตาลี มัสเซอเนต์ และคุณโจนาธาน นิวเฮาส์ ประธานกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร Conde Nast International นอกจากนี้ เรายังรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคำแนะนำและการชี้แนะแนวทางจากผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซชั้นนำของจีน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานมากประสบการณ์ของเรา ซึ่งบริหารงานเคียงคู่ไปกับผู้บุกเบิกสินค้าหรูออนไลน์ระดับโลกและหนึ่งในบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก"
สำหรับบรรณาธิการ
มูลค่าตลาด 8 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ระบุถึงข้างต้นนั้น หมายถึงมูลค่าการซื้อขายทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ โดยอ้างอิงตัวเลขจากรายงานของ Bain & Company ที่มีชื่อว่า 'Luxury Goods Worldwide Market Study, Fall-Winter 2016'
เกี่ยวกับ JD.com, Inc.
JD.com คือบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นผู้ค้าปลีกสัญชาติจีนรายใหญ่ที่สุดเมื่อพิจารณาจากรายได้ บริษัทมุ่งนำเสนอประสบการณ์การช็อปปิงออนไลน์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย รวมถึงโปรแกรม WeChat และ Mobile QQ นอกจากนี้ บริษัทยังมีศูนย์จัดการคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทอีคอมเมิร์ซรายอื่นๆในจีน ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 JD.com มีศูนย์จัดการคลังสินค้า 7 แห่ง และโกดังสินค้า 263 แห่ง ครอบคลุม 2,672 มณฑลและอำเภอทั่วประเทศจีน โดยแต่ละแห่งมีพนักงานของตนเอง นอกจากนี้ JD.com ยังติดอันดับบริษัท NASDAQ100 และ Fortune Global 500 ด้วย
เกี่ยวกับ Farfetch Group
Farfetch เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกสำหรับวงการแฟชั่นหรู เว็บไซต์ Farfetch.com เป็นพันธมิตรกับร้านบูติกและแบรนด์หรูที่ดีที่สุดของโลกกว่า 700 ราย ตั้งแต่โตเกียวไปจนถึงโทรอนโต และจากมิลานจนถึงไมอามี รูปแบบธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ของ Farfetch รับประกันได้ถึงความหรูหราเหนือระดับ ตั้งแต่แบรนด์ดังไปจนถึงดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ที่กำลังถูกจับตามอง ตลอดจนสไตล์สุดพิเศษไม่เหมือนใคร
ธุรกิจของ Farfetch Group ประกอบด้วย เว็บไซต์ Farfetch.com ตลาดอีคอมเมิร์ซสำหรับสินค้าหรู, Farfetch Black & White โซลูชั่นอีคอมเมิร์ซแบบไวท์เลเบลสำหรับร้านค้าหรู และ Store of The Future ชุดโซลูชั่นค้าปลีกที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การช็อปปิงของลูกค้าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้เมื่อปี 2558 Farfetch ยังได้เปิดตัว Browns ร้านบูติกชื่อดังในกรุงลอนดอน ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์บ่มเพาะแนวคิดด้านเทคโนโลยีค้าปลีกใหม่ๆ
เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น Farfetch ให้บริการลูกค้าใน 10 ภาษา โดยมีสำนักงานใน 11 เมืองทั่วโลก ที่จัดส่งสินค้าจากพันธมิตรกว่า 700 รายใน 40 ประเทศ ไปยัง 190 ประเทศทั่วโลก พร้อมบริการส่งสินค้าถึงมือลูกค้าภายในวันเดียวใน 10 เมือง
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Farfetch ได้เปิดตัวบริการ Store to Door in 90 Minutes ครอบคลุม 10 เมืองใน 4 ภาคพื้นทวีป ด้วยความร่วมมือเอ็กซ์คลูซีฟกับ Gucci
จากนั้นในเดือนมิถุนายน 2560 บริษัทได้ประกาศความร่วมมือด้านคอนเทนท์และการค้าทั่วโลกกับ Conde Nast ผู้ให้บริการคอนเทนท์ชั้นแนวหน้าของโลก เพื่อสร้างประสบการณ์การช็อปปิงอย่างไม่สะดุด ผ่านเนื้อหาคอนเทนท์ที่เร้าใจและจุดแรงบันดาลใจ ตลอดจนสร้างความพึงพอใจในการซื้อสินค้า
Farfetch ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสินค้าหรู ได้แก่ IDG Capital Partners, Temasek, Eurazeo, DST Global, Index Ventures, Vitruvian Partners และ Conde Nast International
http://www.farfetch.com @Farfetch
No comments:
Post a Comment