Zigmabit Inc. รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศเปิดตัว ZigBit Miner ซึ่งเป็นเครื่องมือขุดเหรียญคริปโตตัวแรกของโลกที่ใช้ของเหลวในการระบายความร้อนโดยตรง (DLC) เพื่อความปลอดภัยที่เหนือกว่า และมาพร้อมพลังขุด (hash rate) ระดับสูง จากขุมพลังของชิป ASIC ZigmaBit BoosterX ขนาด 7 นาโนเมตร ที่มอบความสามารถในการขุดเหรียญคริปโตหลากหลายประเภท อาทิ Bitcoin, Litecoin, Ethereum, Dash และอื่น ๆ โดยบริษัทจะเปิดรับคำสั่งซื้อ Zigmabit miners (รุ่น 2.0, 3.0, 5.0) ในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 นี้
Zigmabit รับการชำระเงินด้วยบิตคอยน์, การโอนเงินผ่านธนาคาร และวิธีอื่น ๆ พร้อมมอบการรับประกันอุปกรณ์นาน 36 เดือน ครอบคลุมความผิดปกติต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียต่อผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริการส่งฟรีทั่วโลกผ่าน UPS หรือ FedEx ด้วย
เกี่ยวกับ Zigmabit Inc.
Zigmabit Inc. ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 26-9 คามิเมงุโระ หมู่ 1-9 เขตเมงุโระ โตเกียว 153-0051 ประเทศญี่ปุ่น บริษัทจำหน่ายเครื่องขุดเหรียญออนไลน์ในรูปแบบการขายปลีกและขายส่ง Zigmabit Inc. มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านประสบการณ์มาหลายปีทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และสกุลเงินคริปโต
Thursday, October 31, 2019
Xinhua Silk Road: การประชุม MTOS 2019 เปิดฉากที่มณฑลกุ้ยโจวของจีน
การประชุมนานาชาติว่าด้วยการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้ง "International Conference of Mountain Tourism and Outdoor Sports (MTOS) 2019" เปิดฉากขึ้นที่เมืองซิงอี้ เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติปู้อีและแม้วเฉียนซีหนาน ในมณฑลกุ้ยโจว ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
การประชุมสองวันดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,200 คน ทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียง ตัวแทนจากองค์กรชั้นนำ และตัวแทนท่องเที่ยวจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้งทั่วโลก
การประชุม MTOS ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอดสี่ปีนับตั้งแต่ปี 2015 และเป็นการประชุมนานาชาติว่าด้วยการท่องเที่ยวภูเขาเพียงงานเดียวที่ได้รับการรับรองจากคณะรัฐมนตรีจีน โดยมุ่งเน้นพัฒนาการท่องเที่ยวภูเขา บริการการท่องเที่ยวคุณภาพสูง และโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว
การประชุม MTOS เป็นเวทีระดับสูงที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานทั้งจากในประเทศและต่างประเทศได้สื่อสารและแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้ง ซึ่งถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative (BRI)
เขตปกครองตนเองชนชาติปู้อีและแม้วเฉียนซีหนาน มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทั้งเทือกเขาและยอดเขาที่มีภูมิประเทศแบบคาสต์ ทะเลสาบบนที่ราบสูง น้ำตก หุบเขา ฯลฯ จึงมีความได้เปรียบอย่างมากในการพัฒนาการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้ง
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เขตเฉียนซีหนานจับกระแสการออกกำลังกายที่กำลังบูม และมุ่งพัฒนากิจกรรมกีฬากลางแจ้งหลากหลายประเภท เช่น เดินเขา ปั่นจักรยาน ขับรถออฟโร้ด ตกปลา ล่องแพ ฯลฯ ซึ่งกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
หนังสือพิมพ์เฉียนซีหนานเดลี่รายงานว่า ในช่วงวันหยุดยาวฉลองวันชาติจีนปีนี้ เขตเฉียนซีหนานกวาดรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 3.8 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 36.74% เมื่อเทียบรายปี
เขตเฉียนซีหนานกำลังพยายามผลักดันตัวเองให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่โด่งดังในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภูเขาระดับนานาชาติ และเป็นเขตสาธิตการท่องเที่ยวภูเขาแห่งชาติของจีน
เขตเฉียนซีหนานเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ปี 2015 ได้มีการลงทุนกว่า 7 หมื่นล้านหยวนในโครงการท่องเที่ยว 357 โครงการ ทั้งการสร้างจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เส้นทางท่องเที่ยวสำคัญๆ และจุดท่องเที่ยวบนภูเขามากมาย
ความพยายามของเขตเฉียนซีหนานส่งผลให้การประชุม MTOS ขึ้นแท่นเวทีสำคัญในการนำเสนอทรัพยากรการท่องเที่ยวภูเขาและการพัฒนากีฬากลางแจ้งสู่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สามารถดูข่าวต้นฉบับได้ที่ https://en.imsilkroad.com/p/309102.html
การประชุมสองวันดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,200 คน ทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียง ตัวแทนจากองค์กรชั้นนำ และตัวแทนท่องเที่ยวจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้งทั่วโลก
การประชุม MTOS ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอดสี่ปีนับตั้งแต่ปี 2015 และเป็นการประชุมนานาชาติว่าด้วยการท่องเที่ยวภูเขาเพียงงานเดียวที่ได้รับการรับรองจากคณะรัฐมนตรีจีน โดยมุ่งเน้นพัฒนาการท่องเที่ยวภูเขา บริการการท่องเที่ยวคุณภาพสูง และโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว
การประชุม MTOS เป็นเวทีระดับสูงที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานทั้งจากในประเทศและต่างประเทศได้สื่อสารและแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้ง ซึ่งถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative (BRI)
เขตปกครองตนเองชนชาติปู้อีและแม้วเฉียนซีหนาน มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทั้งเทือกเขาและยอดเขาที่มีภูมิประเทศแบบคาสต์ ทะเลสาบบนที่ราบสูง น้ำตก หุบเขา ฯลฯ จึงมีความได้เปรียบอย่างมากในการพัฒนาการท่องเที่ยวภูเขาและกีฬากลางแจ้ง
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เขตเฉียนซีหนานจับกระแสการออกกำลังกายที่กำลังบูม และมุ่งพัฒนากิจกรรมกีฬากลางแจ้งหลากหลายประเภท เช่น เดินเขา ปั่นจักรยาน ขับรถออฟโร้ด ตกปลา ล่องแพ ฯลฯ ซึ่งกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
หนังสือพิมพ์เฉียนซีหนานเดลี่รายงานว่า ในช่วงวันหยุดยาวฉลองวันชาติจีนปีนี้ เขตเฉียนซีหนานกวาดรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 3.8 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 36.74% เมื่อเทียบรายปี
เขตเฉียนซีหนานกำลังพยายามผลักดันตัวเองให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่โด่งดังในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภูเขาระดับนานาชาติ และเป็นเขตสาธิตการท่องเที่ยวภูเขาแห่งชาติของจีน
เขตเฉียนซีหนานเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ปี 2015 ได้มีการลงทุนกว่า 7 หมื่นล้านหยวนในโครงการท่องเที่ยว 357 โครงการ ทั้งการสร้างจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เส้นทางท่องเที่ยวสำคัญๆ และจุดท่องเที่ยวบนภูเขามากมาย
ความพยายามของเขตเฉียนซีหนานส่งผลให้การประชุม MTOS ขึ้นแท่นเวทีสำคัญในการนำเสนอทรัพยากรการท่องเที่ยวภูเขาและการพัฒนากีฬากลางแจ้งสู่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สามารถดูข่าวต้นฉบับได้ที่ https://en.imsilkroad.com/p/309102.html
Mandiri Investasi เลือกใช้โซลูชั่น SS&C HiPortfolio ยกระดับการดำเนินงานให้ทันสมัย
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนของอินโดนีเซีย มุ่งปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การทำบัญชีเงินลงทุน และการออกรายงาน
SS&C Technologies Holdings, Inc. (Nasdaq: SSNC) ประกาศในวันนี้ว่า PT Mandiri Manajemen Investasi (Mandiri Investasi) ได้เริ่มการดำเนินงานบน HiPortfolio ซึ่งเป็นโซลูชั่นการทำบัญชีเงินลงทุนและบริการสินทรัพย์ของ SS&C
Mandiri Investasi เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย บริษัทเลือก SS&C เนื่องจากความสามารถด้านเทคโนโลยีอันเป็นที่ยอมรับและประสบการณ์ในภูมิภาค รวมถึงการรวมระบบที่ราบรื่นและยืดหยุ่นเข้ากับระบบที่มีอยู่เดิม HiPortfolio มอบฟังก์ชั่นการทำงานส่วนกลางและส่วนหลังบ้านที่ครบถ้วนสมบูรณ์ในระบบเดียวแก่ Mandiri Investasi โดยระบบที่ปรับขนาดได้นี้ง่ายต่อการใช้งานและบำรุงรักษา
"ตอนนี้ เราสามารถตอบสนองความต้องการในการทำบัญชีกองทุนและเงินลงทุน ทั้งกองทุนแยกและกองทุนรวม ได้ด้วยโซลูชั่นเดียว" Alvin Pattisahusiwa ประธานอำนวยการของ PT Mandiri Manajemen Investasi กล่าว "SS&C HiPortfolio รองรับข้อกำหนดด้านการรายงานและแผนการเติบโตทางธุรกิจของเรา"
"เรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับ Mandiri Investasi ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนอย่างต่อเนื่องของเราในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และความเชี่ยวชาญทางตลาด" Christy Bremner รองประธานอาวุโสฝ่ายการจัดการการลงทุนและสถาบันของ SS&C Technologies กล่าว "อินโดนีเซียเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง และเราได้เห็นลูกค้าใหม่ประสบความสำเร็จมากมายในตลาดแห่งนี้ เนืองมาจากความสามารถและประสบการณ์ของเรา"
HiPortfolio ได้รับเลือกจากบริษัทคู่สัญญา (TPA) ผู้จัดการกองทุน และบริษัทประกันภัยในกว่า 35 ประเทศ บริษัทเหล่านี้ไว้วางใจในความสามารถของ HiPortfolio ที่จะรับมือกับข้อกำหนดต่าง ๆ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับโลก เพื่อความสำเร็จในการจัดการและดูแลการลงทุนด้วยระบบอัตโนมัติ
เกี่ยวกับ Mandiri Investasi
PT Mandiri Manajemen Investasi หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mandiri Investasi ก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 2547 หลังแยกตัวออกมาจาก PT Mandiri Sekuritas บริษัท Mandiri Investasi เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธนาคาร PT Bank Mandiri Tbk ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและมีประสบการณ์ในการบริหารพอร์ตการลงทุนมาตั้งแต่ปี 2536 ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงตลาดในอินโดนีเซีย Mandiri Investasi จะให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ทันสมัยและเป็นมืออาชีพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://mandiri-investasi.co.id/en/
เกี่ยวกับ SS&C Technologies
SS&C บริษัทซอฟต์แวร์และผู้ให้บริการระดับโลกสำหรับภาคอุตสาหกรรมบริการทางการเงินและบริการสุขภาพ SS&C ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2529 โดยมีสำนักงานใหญ่ในเมืองวินด์เซอร์ รัฐคอนเนตทิคัต และมีสำนักงานสาขาอยู่ทั่วโลก องค์กรบริการการเงินและบริการสุขภาพราว 18,000 แห่ง ตั้งแต่สถาบันที่ใหญ่ที่สุดของโลก ไปจนถึงบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ต่างวางใจในความเชี่ยวชาญ ขนาดและเทคโนโลยีของ SS&C
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SS&C (Nasdaq: SSNC) ได้ที่ www.ssctech.com
ติดตาม SS&C ได้ทาง Twitter, LinkedIn และ Facebook
SS&C Technologies Holdings, Inc. (Nasdaq: SSNC) ประกาศในวันนี้ว่า PT Mandiri Manajemen Investasi (Mandiri Investasi) ได้เริ่มการดำเนินงานบน HiPortfolio ซึ่งเป็นโซลูชั่นการทำบัญชีเงินลงทุนและบริการสินทรัพย์ของ SS&C
Mandiri Investasi เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย บริษัทเลือก SS&C เนื่องจากความสามารถด้านเทคโนโลยีอันเป็นที่ยอมรับและประสบการณ์ในภูมิภาค รวมถึงการรวมระบบที่ราบรื่นและยืดหยุ่นเข้ากับระบบที่มีอยู่เดิม HiPortfolio มอบฟังก์ชั่นการทำงานส่วนกลางและส่วนหลังบ้านที่ครบถ้วนสมบูรณ์ในระบบเดียวแก่ Mandiri Investasi โดยระบบที่ปรับขนาดได้นี้ง่ายต่อการใช้งานและบำรุงรักษา
"ตอนนี้ เราสามารถตอบสนองความต้องการในการทำบัญชีกองทุนและเงินลงทุน ทั้งกองทุนแยกและกองทุนรวม ได้ด้วยโซลูชั่นเดียว" Alvin Pattisahusiwa ประธานอำนวยการของ PT Mandiri Manajemen Investasi กล่าว "SS&C HiPortfolio รองรับข้อกำหนดด้านการรายงานและแผนการเติบโตทางธุรกิจของเรา"
"เรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับ Mandiri Investasi ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนอย่างต่อเนื่องของเราในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และความเชี่ยวชาญทางตลาด" Christy Bremner รองประธานอาวุโสฝ่ายการจัดการการลงทุนและสถาบันของ SS&C Technologies กล่าว "อินโดนีเซียเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง และเราได้เห็นลูกค้าใหม่ประสบความสำเร็จมากมายในตลาดแห่งนี้ เนืองมาจากความสามารถและประสบการณ์ของเรา"
HiPortfolio ได้รับเลือกจากบริษัทคู่สัญญา (TPA) ผู้จัดการกองทุน และบริษัทประกันภัยในกว่า 35 ประเทศ บริษัทเหล่านี้ไว้วางใจในความสามารถของ HiPortfolio ที่จะรับมือกับข้อกำหนดต่าง ๆ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับโลก เพื่อความสำเร็จในการจัดการและดูแลการลงทุนด้วยระบบอัตโนมัติ
เกี่ยวกับ Mandiri Investasi
PT Mandiri Manajemen Investasi หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mandiri Investasi ก่อตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 2547 หลังแยกตัวออกมาจาก PT Mandiri Sekuritas บริษัท Mandiri Investasi เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธนาคาร PT Bank Mandiri Tbk ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและมีประสบการณ์ในการบริหารพอร์ตการลงทุนมาตั้งแต่ปี 2536 ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงตลาดในอินโดนีเซีย Mandiri Investasi จะให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ทันสมัยและเป็นมืออาชีพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://mandiri-investasi.co.id/en/
เกี่ยวกับ SS&C Technologies
SS&C บริษัทซอฟต์แวร์และผู้ให้บริการระดับโลกสำหรับภาคอุตสาหกรรมบริการทางการเงินและบริการสุขภาพ SS&C ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2529 โดยมีสำนักงานใหญ่ในเมืองวินด์เซอร์ รัฐคอนเนตทิคัต และมีสำนักงานสาขาอยู่ทั่วโลก องค์กรบริการการเงินและบริการสุขภาพราว 18,000 แห่ง ตั้งแต่สถาบันที่ใหญ่ที่สุดของโลก ไปจนถึงบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ต่างวางใจในความเชี่ยวชาญ ขนาดและเทคโนโลยีของ SS&C
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SS&C (Nasdaq: SSNC) ได้ที่ www.ssctech.com
ติดตาม SS&C ได้ทาง Twitter, LinkedIn และ Facebook
Mandiri Investasi Goes Live on SS&C HiPortfolio
- Indonesian asset management firm streamlines operations, investment accounting and reporting
SS&C Technologies Holdings, Inc. (Nasdaq: SSNC) today announced that PT Mandiri Manajemen Investasi (Mandiri Investasi) is live on HiPortfolio, SS&C's investment accounting and asset servicing solution.
Mandiri Investasi is the largest national asset management company in Indonesia. The firm selected SS&C for its proven technology capabilities and experience in the region, as well as the smooth and flexible integration with their existing systems. HiPortfolio provides Mandiri Investasi with complete middle- and back-office functions in a single, scalable system that is simple to operate and maintain.
"We can now meet the investment and fund accounting needs for both our segregated mandates and our mutual funds with one solution," said Alvin Pattisahusiwa, President Director, PT Mandiri Manajemen Investasi. "SS&C HiPortfolio supports our reporting requirements and our business growth plans."
"We are pleased to welcome Mandiri Investasi, who will benefit from our continued investments in product development and market expertise," said Christy Bremner, Senior Vice President, Institutional & Investment Management, SS&C Technologies. "Indonesia is a strong market where we've seen several new client wins, due to our proven capability and experience."
HiPortfolio has been chosen by third-party administrators (TPAs), asset managers and insurance firms in more than 35 countries. These firms count on HiPortfolio's ability to deal with local, regional and global processing requirements to successfully manage and automate their investment operations.
About Mandiri Investasi
PT Mandiri Manajemen Investasi, or widely known as Mandiri Investasi, was established in December 2004 following a corporate spin-off from PT Mandiri Sekuritas. Mandiri Investasi, a part of PT Bank Mandiri Tbk group, is the largest national asset management company and experienced in investment portfolio management since 1993. Armed with deep understanding of the market in Indonesia, Mandiri Investasi helps clients via innovative and professional investment products. Visit https://mandiri-investasi.co.id/en/
About SS&C Technologies
SS&C is a global provider of services and software for the financial services and healthcare industries. Founded in 1986, SS&C is headquartered in Windsor, Connecticut, and has offices around the world. Some 18,000 financial services and healthcare organizations, from the world's largest companies to small and mid-market firms, rely on SS&C for expertise, scale and technology.
Additional information about SS&C (Nasdaq: SSNC) is available at www.ssctech.com.
Follow SS&C on Twitter, LinkedIn and Facebook.
SS&C Technologies Holdings, Inc. (Nasdaq: SSNC) today announced that PT Mandiri Manajemen Investasi (Mandiri Investasi) is live on HiPortfolio, SS&C's investment accounting and asset servicing solution.
Mandiri Investasi is the largest national asset management company in Indonesia. The firm selected SS&C for its proven technology capabilities and experience in the region, as well as the smooth and flexible integration with their existing systems. HiPortfolio provides Mandiri Investasi with complete middle- and back-office functions in a single, scalable system that is simple to operate and maintain.
"We can now meet the investment and fund accounting needs for both our segregated mandates and our mutual funds with one solution," said Alvin Pattisahusiwa, President Director, PT Mandiri Manajemen Investasi. "SS&C HiPortfolio supports our reporting requirements and our business growth plans."
"We are pleased to welcome Mandiri Investasi, who will benefit from our continued investments in product development and market expertise," said Christy Bremner, Senior Vice President, Institutional & Investment Management, SS&C Technologies. "Indonesia is a strong market where we've seen several new client wins, due to our proven capability and experience."
HiPortfolio has been chosen by third-party administrators (TPAs), asset managers and insurance firms in more than 35 countries. These firms count on HiPortfolio's ability to deal with local, regional and global processing requirements to successfully manage and automate their investment operations.
About Mandiri Investasi
PT Mandiri Manajemen Investasi, or widely known as Mandiri Investasi, was established in December 2004 following a corporate spin-off from PT Mandiri Sekuritas. Mandiri Investasi, a part of PT Bank Mandiri Tbk group, is the largest national asset management company and experienced in investment portfolio management since 1993. Armed with deep understanding of the market in Indonesia, Mandiri Investasi helps clients via innovative and professional investment products. Visit https://mandiri-investasi.co.id/en/
About SS&C Technologies
SS&C is a global provider of services and software for the financial services and healthcare industries. Founded in 1986, SS&C is headquartered in Windsor, Connecticut, and has offices around the world. Some 18,000 financial services and healthcare organizations, from the world's largest companies to small and mid-market firms, rely on SS&C for expertise, scale and technology.
Additional information about SS&C (Nasdaq: SSNC) is available at www.ssctech.com.
Follow SS&C on Twitter, LinkedIn and Facebook.
Dachser Thailand well prepared for the ASEAN-China Free Trade Area (FTA)
Caption: Dachser Thailand hosted a customs clearance seminar focusing on the changes in customs clearance regulations brought by the upgraded ASEAN-China Free Trade Area.
Thanks to its integrated, end-to-end solution set up and its global network, the logistics service provider is able to prepare its customers for changes in the upgraded FTA. During a customs clearance seminar in Thailand, the company presented its first own branded trucks for Thai streets.
Since the upgraded ASEAN-China Free Trade Area (FTA) went into effect in August, there have been some changes in the customs clearance regulations in Thailand. The changes have been put in place to facilitate trade between the ASEAN country and China. These changes also include a simplified and digitalized process which has had a positive impact on cargo arrival. The upgrade also means a reduction in tax for certain commodities.
Since the upgraded ASEAN-China Free Trade Area (FTA) went into effect in August, there have been some changes in the customs clearance regulations in Thailand. The changes have been put in place to facilitate trade between the ASEAN country and China. These changes also include a simplified and digitalized process which has had a positive impact on cargo arrival. The upgrade also means a reduction in tax for certain commodities.
During an event partnering with the German Chamber, Dachser Thailand hosted a customs clearance seminar focusing on the upgraded FTA, as well as the updated regulations. Close to a hundred participants attended the seminar at the Mytt Beach Hotel in Pattaya.
Expert speaker Warasit Muangkoom from the Customs Department of Thailand led an informative discussion around the implementation and changes that should be expected after the change.
"Some of the key modifications include a simplified customs clearance procedure, which means more efficient pre-arrival processing, increased transparency, and faster processing that expedites the release of cargo," Muangkoom said.
Jan-Michael Beyer, Managing Director of Air & Sea Logistics Thailand, explained how Dachser is well prepared to react to these changes brought on by the upgraded FTA, solidifying its spot as leaders in the market.
"Two certified customs specialists in our team are well trained about the FTA upgrades," Beyer said. "We also have the advantage of having the know-how around customs clearance procedures, fully understanding the process and having in-depth knowledge of all the updated changes. Dachser can help our customers to get prepared," Beyer continued, referring to the advice and support from Muangkoom.
Participants found it particularly useful when they were shown how to use the digitalized process for customs clearance and the impact it would have on pre-arrival processing, e-billing and e-payment systems following the upgraded FTA privileges.
Summing up, Beyer stressed that Dachser is ready for any of these changes, and that the company is in a valuable position thanks to its integrated, end-to-end solution set up.
"Dachser is a reliable, trustworthy logistics partner because we have an extensive and developed global network for air and sea logistics while also having trucks on the road for delivery," Beyer concluded.
Caption: Jan-Michael Beyer, Managing Director Air & Sea Logistics Thailand took the opportunity to show the first Dachser trucks in Thailand.
First Dachser trucks on Thai street
The attendees of the event were also one of the first people to get to see the newly branded Dachser trucks which were showcased at the hotel entrance. They represent a commitment to the Thai market as the company stays on target to roll out more trucks on to the streets and will offer cross-border trucking in the near future.
About Dachser:
A family-owned company headquartered in Kempten, Germany, Dachser offers transport logistics, warehousing, and customer-specific services in two business fields: Dachser Air & Sea Logistics and Dachser Road Logistics. The latter consists of two business lines: Dachser European Logistics and Dachser Food Logistics. Comprehensive contract logistics services and industry-specific solutions round out the company's range. A seamless shipping network -- both in Europe and overseas -- and fully integrated IT systems ensure intelligent logistics solutions worldwide.
Thanks to some 30,600 employees at 399 locations all over the globe, Dachser generated consolidated net revenue of approximately EUR 5.6 billion in 2018. That same year, the logistics provider handled a total of 83.7 million shipments weighing 41.3 million metric tons. Country organizations represent Dachser in 44 countries.
In Asia, Dachser employs more than 1,817 people in 49 locations in 11 countries. The Regional Head Office Asia Pacific is located in Hong Kong. For more information, please visit www.dachser.com
International Mountain Tourism and Outdoor Sports Conference opened on October 30th
The 2019 International Mountain Tourism and Outdoor Sports Conference kicked off in the Qianxinan of Guizhou Province on October 30th. Over 1,200 guests from China, the United States, Britain, Hungary, South Korea, Thailand, Japan and other countries and regions were invited to attend this two-day event. The former Prime Minister of France and President of the International Mountain Tourism Alliance Dominique De Villepin spoke at the opening ceremony.
The International Mountain Tourism and Outdoor Sports Conference has been successfully held for four consecutive years since 2015. The theme of this year's conference is "Enjoy Harmony between Man and Nature -- Integrated Development of Culture, Tourism and Healthcare."
The International Mountain Tourism and Outdoor Sports Conference has been successfully held for four consecutive years since 2015. The theme of this year's conference is "Enjoy Harmony between Man and Nature -- Integrated Development of Culture, Tourism and Healthcare."
The conference is hosting 55 various events including the Mountain Tourism Sports Equipment Industry Expo, the Guizhou Hot Spring Tourism Industry Matchmaking Symposium, the Colorful Guizhou Tour, the China-Japan-Korea TV Producers Forum, and the International Mountain Outdoor Sports Competition.
At the same time, Qianxinan is collecting the image design of "BUYI EMBROIDERS" through online voting. The selected image will be appeared in upcoming "International Mountain Tourism Competition" in Qianxinan.
The International Mountain Tourism and Outdoor Sports Conference has become an important window to showcase the mountain tourism resources, outdoor sports development and tourism poverty alleviation experience in Guizhou, China and overseas. It is a high-end platform for China's mountain tourism and outdoor sports to exchange and cooperate internationally.
The Qianxinan area of Guizhou Province consists of the most extensive karst mountainous area in the world. It is rich in karst peak forests, plateau lakes, waterfalls, canyons, ground seams, sinkholes, alpine grasslands, and other key landforms that are suitable for outdoor sports and mountain tourism.
In recent years, the Qianxinan of Guizhou has been catching up with the rise of fitness boom and concentrating on developing various outdoor sports events such as hiking, bicycles, off-road vehicles, wild fishing, rafting, etc. It inspired the China Bicycle League and China Hot Air Balloon Club League Qinglong Station, the 24th Road Rally, and other high-end sports events. It continues to enrich the mountain tourism connotation, to promote travel, and to advocate the integration of culture, sports, and tourism industry. This area is currently aiming to speed up the construction of international mountain tourism destinations and national mountain tourism demonstration zones.
The 7th "China Wanfenglin Summit on Beautiful Villages" is also being held during this conference. Qianxinan Guizhou has been a host of this event for six consecutive years since 2013. The main intentions of this event are to focus on rural residents' livelihood, advocating new eco-tourism models, and promoting local economic and social development.
Source: The 2019 International Mountain Tourism and Outdoor Sports Conference
Rokt ระดมทุน US$48 ล้านในรอบ Series C มุ่งขับเคลื่อนการเติบโต
- การระดมทุนรอบนี้นำโดย TDM Growth Partners ดันมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Rokt ผู้นำเทคโนโลยีการตลาดอีคอมเมิร์ซระดับโลก ประกาศว่า บริษัทได้รับการลงทุนมูลค่า 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัทการลงทุนระดับโลก TDM Growth Partners ร่วมด้วยผู้ลงทุนเดิมรายอื่น ๆ เงินลงทุนดังกล่าวจะช่วยเร่งผลักดันการวิจัยและพัฒนาของ Rokt ให้รุดหน้าเร็วขึ้น เพื่อทำให้เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
Rokt ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการอีคอมเมิร์ซ ด้วยการค้นพบว่า เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะในฐานะที่เป็นผู้บริโภค หรือในนามของธุรกิจ พวกเขาคาดหวังมากขึ้นว่าจะได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว ตรงกับความสนใจหรือมีความเกี่ยวข้องกับตนเองมากกว่า ซึ่งเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Rokt ปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในทุกขณะของการทำธุรกรรมออนไลน์ หรือ Transaction Moment(TM) ทำให้ลูกค้าสามารถก้าวนำหน้าคู่แข่ง เรียนรู้เร็วขึ้น และส่งมอบประสบการณ์ที่โดนใจลูกค้ามากขึ้น
"ในขณะที่เรากำลังจะปิดท้ายปีที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยรายได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับ TDM Growth Partners ไม่ใช่แค่เพียงในฐานะผู้ลงทุน แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจระยะยาวด้วย" Bruce Buchanan ซีอีโอของ Rokt กล่าว "TDM ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมกับการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีการเติบโตสูง รวมถึงการใช้แนวทางการลงทุนแบบระยะยาว ซึ่งเงินลงทุน ตลอดจนการแนะแนวทางในเชิงกลยุทธ์จาก TDM จะช่วยเราผลักดันการวิจัยและพัฒนาให้เร็วขึ้น เพื่อสร้างโซลูชั่นอีคอมเมิร์ซที่ชาญฉลาดมากขึ้นให้แก่ลูกค้าของเรา และมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้าของลูกค้าอีกทอดหนึ่ง"
Rokt ได้เข้าซื้อแพลตฟอร์มตลาดกลางแบบ B2B อย่าง OfferLogic และแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินคนแรกของบริษัทไปเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทแก้ไขความท้าทายในแวดวงอีคอมเมิร์ซที่มีความซับซ้อนให้แก่ลูกค้าระดับโลก ซึ่งรวมถึง Live Nation, Staples, Groupon, GoDaddy, Expedia และ Wells Fargo เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท รวมทั้งแมชชีนเลิร์นนิง และ AI ช่วยปลดล็อกมูลค่าผ่านทาง Relevancy (การตอบโจทย์บริบทที่เปลี่ยนแปลง) และผ่านทางกระแสรายได้ใหม่ ๆ โดยการสร้างความมั่นใจว่า ทุกขั้นตอนในการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซนั้นเป็น next best action สำหรับลูกค้าแต่ละคน ปัจจุบัน Rokt มีการดำเนินงานอยู่ใน 11 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 220 คนทั่วโลก
"TDM เดินทางไปทั่วโลกเพื่อเสาะหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่สร้างประวัติการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว และเรามั่นใจว่าเราพบสิ่งนี้ใน Rokt" Tom Cowan หุ้นส่วนที่ TDM กล่าว "เราดีใจที่ได้ต้อนรับบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูงมากและมีความพิเศษไม่เหมือนใคร เข้ามาเพิ่มในพอร์ตการลงทุนที่ประสบความสำเร็จของเรา เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ ก่อนหน้านี้อย่าง Twilio, LiveRamp และ Mindbody ในสหรัฐ ตลอดจน Tyro, Aconex และ CultureAmp ในออสเตรเลีย เราตั้งตารอที่จะได้ให้การสนับสนุน Rokt ในขณะที่พวกเขาเดินหน้าผลักดันเทคโนโลยีระดับโลกเพื่อพลิกโฉมวงการอีคอมเมิร์ซ"
Tom Cowan จะเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการ ร่วมกับ Bruce Buchanan, John Ho, Tek Heng และ Tushar Roy โดยปัจจุบัน นาย Cowan ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการของ Guzman y Gomez และมีประสบการณ์อย่างมากในฐานะนักลงทุนและสมาชิกบอร์ดที่ทำผลงานดีเยี่ยม
นอกจากนี้ ผู้ที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการยังประกอบด้วย Steve Krenzer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Groupon ผู้คร่ำหวอดในวงการดิจิทัลและมีความเป็นผู้ประกอบการอย่างกว้างขวาง นาย Krenzer จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของ Rokt พร้อมด้วยประสบการณ์ในสาขาที่ตนถนัด
"หลังจากที่ได้สร้างและพัฒนาองค์กรระดับโลกมาหลายองค์กรทั้งในแวดวงเทคโนโลยีการตลาดและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งรวมถึง Groupon, Core Digital Media และ Experian ผมพบศักยภาพเช่นเดียวกันใน Rokt ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีระดับเวิลด์คลาส และวิสัยทัศน์ที่มองไปข้างหน้าตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ" Krenzer กล่าว "ผมดีใจที่ได้ร่วมงานกับ Bruce, Tom และสมาชิกที่เหลือในบอร์ดบริหาร เพื่อสานต่อวิสัยทัศน์นี้ และสนับสนุนการเดินหน้าขยายธุรกิจในสหรัฐ และประเทศอื่น ๆ ต่อไป"
การแต่งตั้งสมาชิกบอร์ดบริหารเหล่านี้ พร้อมด้วยเงินลงทุนเพิ่มเติมจากนักลงทุน จะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของ Rokt
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Rokt ได้ที่ rokt.com
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TDM. Growth Partners ได้ที่ tdmgrowthpartners.com
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุน กรุณาติดต่อ press@rokt.com
เกี่ยวกับ ROKT
Rokt คือผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการตลาดอีคอมเมิร์ซ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าออนไลน์ พวกเขาคาดหวังมากขึ้นว่าจะได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว ตรงกับความสนใจหรือมีความเกี่ยวข้องกับตนเองมากกว่า เราปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในทุกขณะของการทำธุรกรรมออนไลน์ ดังข้อความที่ว่า Transaction Moment(TM)
Rokt ก่อตั้งขึ้นในซิดนีย์ และปัจจุบันมีการดำเนินงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ สเปน และญี่ปุ่น
ลูกค้าของเรา ได้แก่ Live Nation, Staples, Groupon, GoDaddy, Expedia, Wells Fargo, Vistaprint และ HelloFresh
เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ rokt.com
เกี่ยวกับ TDM. GROWTH PARTNERS
TDM Growth Partners คือบริษัทการลงทุนระดับโลก ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ในซิดนีย์ และนิวยอร์ก
TDM ลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตรวดเร็ว และบริหารงานโดยทีมบริหารที่มีความมุ่งมั่นและกระตือรือร้น นโยบายที่ไม่เหมือนใครและยืดหยุ่นเอื้ออำนวยให้เราสามารถลงทุนในบริษัทเอกชนและมหาชนได้ทั่วโลก
TDM ดำเนินงานตามแนวทางการลงทุนแบบระยะยาว และมุ่งมั่นที่จะช่วยสร้างธุรกิจที่เราภาคภูมิใจได้ เรามีแนวทางการลงทุนแบบมุ่งเน้น (highly focused) โดยมีบริษัทในพอร์ตการลงทุนไม่เกิน 15 บริษัททั่วโลก TDM มีความสามารถในการจัดสรรเงินทุนสูงสุดถึง 125 ล้านดอลลาร์ต่อการลงทุน
โครงการ “XCMG Apprentice” ซีซั่น 5 เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้การสร้างสรรค์นวัตกรรม
โครงการ "XCMG Apprentice Season 5: XCMG Creators" ได้เชิญผู้ฝึกงาน 5 คนจากทั่วโลกมาร่วมสัมผัสความสำเร็จด้านการผลิตอัจฉริยะและนวัตกรรมเทคโนโลยีของ XCMG ผ่านการเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของ XCMG ในเมืองซูโจว ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 21-25 ตุลาคมที่ผ่านมา
ผู้ฝึกงานทั้ง 5 คนจากสหรัฐอเมริกา อิตาลี เม็กซิโก อินเดีย และฟิลิปปินส์ ได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครออนไลน์กว่า 55,000 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการในปี 2559
หวัง หมิน ประธานและซีอีโอของ XCMG กล่าวว่า "วัยหนุ่มสาวคือช่วงเวลาแห่งการเติบโต การสร้างสรรค์ และการสร้างความทรงจำที่ดี เราหวังว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์และเทคโนโลยีของ XCMG รวมถึงการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ จะทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่จะกลายเป็นความทรงจำดีๆ และสามารถนำไปแบ่งปันให้กับมิตรสหายทั่วโลก"
โครงการ XCMG Apprentice ซีซั่นล่าสุดในธีม "XCMG Creators" มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการผลิตอัจฉริยะและการบุกเบิกนวัตกรรมใหม่ๆ โดยผู้ฝึกงานได้สัมผัสกับศูนย์ทดสอบไฮดรอลิกขนาด 5,560 ตารางเมตร เครื่องรีดเย็นที่ยาวที่สุดในเอเชีย รวมถึงห้องปฏิบัติการด้านเสียงและการสั่นสะเทือนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย นอกจากนั้นยังมีการสาธิตการใช้งานเครื่องพิมพ์ 3 มิติในอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกงานยังได้ร่วมพูดคุยกับ เซิน หยง รองผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าวิศวกรของ XCMG Earthmoving Machinery Business Unit เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา การผลิตอัจฉริยะ การพัฒนาการผลิต การตลาดที่สร้างสรรค์ และกลยุทธ์ในระดับสากล
ในห้อง VR ของศูนย์ออกแบบอุตสาหกรรมของ XCMG ผู้ฝึกงานได้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี VR และได้ชมกระบวนการผลิตรถบดถนนแบบ VR
มาเรีย อิซาเบล อะปอเตลา นิโญ จัสโต ผู้ฝึกงานจากเม็กซิโก กล่าวว่า "ดิฉันประทับใจมากที่ได้รู้ว่า XCMG มีพนักงานกว่า 20,000 คนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน XCMG มีห้องปฏิบัติการอันทันสมัยที่ช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของบริษัท และมีบุคลากรที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ของ XCMG จึง "ทันสมัยและทนทาน" อย่างแท้จริง"
XCMG ริเริ่มโครงการ XCMG Apprentice เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวบริษัท ความสำเร็จด้านนวัตกรรมของบริษัท และอิทธิพลของบริษัทบนเวทีโลก พร้อมกับส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและเผยแพร่วัฒนธรรมจีน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.xcmg.com, Facebook, Twitter, YouTube, LinkedIn และ Instagram
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191030/2626652-1
ผู้ฝึกงานทั้ง 5 คนจากสหรัฐอเมริกา อิตาลี เม็กซิโก อินเดีย และฟิลิปปินส์ ได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครออนไลน์กว่า 55,000 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการในปี 2559
หวัง หมิน ประธานและซีอีโอของ XCMG กล่าวว่า "วัยหนุ่มสาวคือช่วงเวลาแห่งการเติบโต การสร้างสรรค์ และการสร้างความทรงจำที่ดี เราหวังว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์และเทคโนโลยีของ XCMG รวมถึงการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ จะทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่จะกลายเป็นความทรงจำดีๆ และสามารถนำไปแบ่งปันให้กับมิตรสหายทั่วโลก"
โครงการ XCMG Apprentice ซีซั่นล่าสุดในธีม "XCMG Creators" มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการผลิตอัจฉริยะและการบุกเบิกนวัตกรรมใหม่ๆ โดยผู้ฝึกงานได้สัมผัสกับศูนย์ทดสอบไฮดรอลิกขนาด 5,560 ตารางเมตร เครื่องรีดเย็นที่ยาวที่สุดในเอเชีย รวมถึงห้องปฏิบัติการด้านเสียงและการสั่นสะเทือนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย นอกจากนั้นยังมีการสาธิตการใช้งานเครื่องพิมพ์ 3 มิติในอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกงานยังได้ร่วมพูดคุยกับ เซิน หยง รองผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าวิศวกรของ XCMG Earthmoving Machinery Business Unit เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา การผลิตอัจฉริยะ การพัฒนาการผลิต การตลาดที่สร้างสรรค์ และกลยุทธ์ในระดับสากล
ในห้อง VR ของศูนย์ออกแบบอุตสาหกรรมของ XCMG ผู้ฝึกงานได้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยี VR และได้ชมกระบวนการผลิตรถบดถนนแบบ VR
มาเรีย อิซาเบล อะปอเตลา นิโญ จัสโต ผู้ฝึกงานจากเม็กซิโก กล่าวว่า "ดิฉันประทับใจมากที่ได้รู้ว่า XCMG มีพนักงานกว่า 20,000 คนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน XCMG มีห้องปฏิบัติการอันทันสมัยที่ช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของบริษัท และมีบุคลากรที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ของ XCMG จึง "ทันสมัยและทนทาน" อย่างแท้จริง"
XCMG ริเริ่มโครงการ XCMG Apprentice เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวบริษัท ความสำเร็จด้านนวัตกรรมของบริษัท และอิทธิพลของบริษัทบนเวทีโลก พร้อมกับส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและเผยแพร่วัฒนธรรมจีน
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.xcmg.com, Facebook, Twitter, YouTube, LinkedIn และ Instagram
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191030/2626652-1
Rokt closes US$48M Series C investment round to drive growth
- Led by TDM Growth Partners, the funding round brings the total investment in the profitable tech leader to US$82M
Rokt, the global leader in e-commerce marketing technology, today announced an investment of US$48M from global investment firm, TDM Growth Partners, as well as existing investors. The capital will help accelerate research & development as Rokt continues to make e-commerce smarter, faster and better.
Rokt has transformed e-commerce by identifying that when customers are buying online as a consumer or on behalf of a business, they increasingly expect more personalized and relevant experiences. Rokt's proprietary technology unlocks the hidden potential in every single Transaction Moment(TM) enabling clients to stay ahead of their competition, iterate and learn faster, and deliver a more relevant customer experience.
Rokt, the global leader in e-commerce marketing technology, today announced an investment of US$48M from global investment firm, TDM Growth Partners, as well as existing investors. The capital will help accelerate research & development as Rokt continues to make e-commerce smarter, faster and better.
Rokt has transformed e-commerce by identifying that when customers are buying online as a consumer or on behalf of a business, they increasingly expect more personalized and relevant experiences. Rokt's proprietary technology unlocks the hidden potential in every single Transaction Moment(TM) enabling clients to stay ahead of their competition, iterate and learn faster, and deliver a more relevant customer experience.
"As we close out our strongest year on record, with over US$100M in revenue, we're delighted to bring on TDM Growth Partners as not only an investor but a long-term strategic partner," commented Bruce Buchanan, CEO of Rokt. "TDM have an envied track record of investing in high growth global tech companies and long time horizons in their approach. Their investment, and strategic guidance will allow us to accelerate our investment in research & development to deliver our clients smarter e-commerce solutions and better experiences for their customers."
Rokt, who recently acquired B2B marketplace OfferLogic and appointed their first Chief Financial Officer, solves complex e-commerce challenges for global clients including Live Nation, Staples, Groupon, GoDaddy, Expedia and Wells Fargo. The company's proprietary technology, machine learning and AI, unlocks value through relevancy and new revenue streams, by ensuring every step in an e-commerce transaction is the next best action for each individual customer. Rokt is currently active in 11 countries with more than 220 employees worldwide.
"TDM travels the world looking to invest in businesses that have built sustainable and long duration growth profiles and we know we have certainly found this in Rokt," said TDM partner, Tom Cowan. "We are delighted to add another unique, highly scalable hyper growth company to our portfolio of successful technology companies which have included such businesses as Twilio, LiveRamp, and Mindbody in the US, as well as Tyro, Aconex and CultureAmp in Australia. We look forward to supporting Rokt as they drive forward world-class technology to transform e-commerce."
Tom Cowan will join Bruce Buchanan, John Ho, Tek Heng and Tushar Roy on the Board of Directors. Cowan, currently serves on the Board of Directors of Guzman y Gomez and has significant experience as a high-performing investor and Board member.
Also joining the Board of Directors is Groupon Chief Operating Officer, Steve Krenzer who has extensive entrepreneurial and digital experience. Krenzer brings scaling and strong domain experience to the Rokt Board of Directors.
"Having built and developed multiple global organizations in both e-commerce and marketing technology including Groupon, Core Digital Media and Experian, I identified the potential in Rokt, their world-class technology and visionary mission from early on," said Krenzer. "I am delighted to be working with Bruce, Tom and the rest of the board in developing this vision and supporting the business as it continues to expand in the US and beyond."
The addition of these board members, along with the additional funding, set up a strong foundation for continued rapid growth of Rokt.
For more information on Rokt, please visit rokt.com.
For more information on TDM. Growth Partners please visit tdmgrowthpartners.com.
For more information about the investment, please contact press@rokt.com.
ABOUT ROKT
Rokt is the global leader in e-commerce marketing technology. When customers are buying online, they increasingly expect more personalized and relevant experiences. We unlock the hidden potential in every single Transaction Moment(TM).
Founded in Sydney, Rokt now operates in the US, Canada, UK, France, Germany, Australia, New Zealand, Singapore, The Netherlands, Spain and Japan.
Our clients include Live Nation, Staples, Groupon, GoDaddy, Expedia, Wells Fargo, Vistaprint and HelloFresh.
Learn more at rokt.com.
ABOUT TDM. GROWTH PARTNERS
TDM Growth Partners is a global investment firm with offices currently in Sydney and New York.
TDM invests in fast growing companies run by passionate management teams. Our unique and flexible mandate allows us to invest in public and private companies globally.
TDM operates on long-term time horizons, and a commitment to help build businesses we're proud of. We have a highly focused approach to investing, with a portfolio of no more than 15 investments globally. TDM has the ability to deploy capital up to $125 million per investment.
American ISPs Voted RF elements Asymmetrical Horns for 2019 WISPA Product of the Year Award
RF elements Asymmetrical Horn Antenna product line was voted by the members of the Wireless Internet Service Providers Association (WISPA) for 2019 Product of the Year Award at WISPAPALOOZA 2019 in Las Vegas.
"We are delighted to see the trust in our products and technology from wireless ISPs, our core customers. Our award winning technology not only enhances high speed broadband internet access in areas where traditional technologies fail, it also enables ISPs to multiply their available speeds at the same time. We are on a mission to fundamentally changing the entire industry. Our products are very different from traditional antennas in this space, as is our market approach. While mainstream vendors focus on delivering customer wishes, we are hyper focused on actually solving their biggest problems instead. We are doing the right thing for the whole industry, and we have a very clear vision of what it is and why," said Juraj Taptic, Co-Founder and CEO of RF elements.
"We are delighted to see the trust in our products and technology from wireless ISPs, our core customers. Our award winning technology not only enhances high speed broadband internet access in areas where traditional technologies fail, it also enables ISPs to multiply their available speeds at the same time. We are on a mission to fundamentally changing the entire industry. Our products are very different from traditional antennas in this space, as is our market approach. While mainstream vendors focus on delivering customer wishes, we are hyper focused on actually solving their biggest problems instead. We are doing the right thing for the whole industry, and we have a very clear vision of what it is and why," said Juraj Taptic, Co-Founder and CEO of RF elements.
"After we first introduced our TwistPort and Symmetrical Horns technology, almost nobody believed in what we were saying. We spent a solid two years just trying to convince customers to test our products. Now we have managed to change the industry on how they build and deploy wireless networks," said Tasos Alexiou, Product Evangelist for RF elements. "Our effort in bringing the awareness of noise mitigation, spectrum limitation, vendor responsibility and WISP education is paying off. We are glad that we were given the chance to actively participate in this substantial transformation in the WISP community. I can promise that our future products will keep on rocking."
About RF elements
RF elements provides technology for fast, sustainable wireless. RF elements solves the issue of interference in wireless networks by proprietary technology based on noise rejecting antennas, virtually lossless waveguide connector and systems scalability. RF elements proprietary technology allows for controllable and sustainable use of Spectrum, which is a limited resource and plays a key role for general access to broadband internet. RF elements is headquartered in Bratislava, Slovakia with local market support in the U.S., Ireland and South Africa. For more information please visit www.rfelements.com.
สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายโหวตให้ Asymmetrical Horns ของ RF elements คว้ารางวัลผลิตภัณฑ์แห่งปี 2019
กลุ่มผลิตภัณฑ์เสาอากาศ Asymmetrical Horn ของ RF elements คว้ารางวัลผลิตภัณฑ์แห่งปี 2019 จากการโหวตของสมาชิกสมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WISPA) ที่งาน WISPAPALOOZA 2019 ในลาสเวกัส
"เราดีใจที่ได้เห็นความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของเราจากเหล่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ไร้สาย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเรา เทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลของเราไม่เพียงปรับปรุงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงในพื้นที่ที่เทคโนโลยีดั้งเดิมไม่สามารถทำได้ แต่ในขณะเดียวกันยังช่วยให้ ISP สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า เรากำลังปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับฐานรากให้กับทั้งอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ของเรามีความแตกต่างอย่างมากจากเสาอากาศแบบดั้งเดิมที่ใช้กันอยู่ในแวดวง วิธีเปรียบเทียบตลาดของเราก็เช่นเดียวกัน ขณะที่ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์กระแสหลักให้ความสำคัญกับการสนองตอบความต้องการของลูกค้า แต่เรากลับเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดมากกว่า เรากำลังทำสิ่งที่เหมาะสมเพื่อทั้งอุตสาหกรรม เรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนมากในสิ่งที่ทำ และเหตุผลที่ทำ" Juraj Taptic ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ RF elements กล่าว
"หลังจากที่เราเปิดตัวเทคโนโลยี TwistPort และ Symmetrical Horns ไปในตอนแรก แทบไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เราพูด เราใช้เวลาถึงสองปีในการพยายามโน้มน้าวให้ลูกค้าทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ บัดนี้เราสามารถเปลี่ยนแปลงวงการนี้ได้ในแง่ของวิธีการสร้างและติดตั้งเครือข่ายไร้สาย" Tasos Alexiou ตำแหน่ง Product Evangelist จาก RF elements กล่าว "ความพยายามของเราที่จะสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องการลดสัญญาณรบกวน ข้อจำกัดสเปกตรัม ความรับผิดชอบของผู้จำหน่าย และการให้ความรู้ด้าน WISP นั้นกำลังเห็นผลแล้ว เรายินดีที่ได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการพลิกโฉมวงการ WISP ผมสัญญาได้ว่า ผลิตภัณฑ์ของเราจะยังคงเขย่าวงการต่อไปในอนาคต"
เกี่ยวกับ RF elements
RF elements ให้บริการเทคโนโลยีสำหรับอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงและยั่งยืน RF Elements ช่วยแก้ไขปัญหาสัญญาณแทรกสอดเครือข่ายไร้สายด้วยเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ซึ่งทำงานบนเสาอากาศที่กำจัดสัญญาณรบกวน อุปกรณ์เชื่อมต่อ waveguide ที่แทบจะไม่มีการสูญเสียข้อมูล และการปรับขยายระบบได้ เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ RF elements ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถใช้สเปกตรัมแบบควบคุมได้และมีความยั่งยืน ซึ่งสเปกตรัมเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด และมีบทบาทสำคัญสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ทั่วไป ทั้งนี้ RF elements มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย และมีทีมสนับสนุนตลาดท้องถิ่นอยู่ในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ และแอฟริกาใต้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.rfelements.com
Wednesday, October 30, 2019
The 2019 New Growth Drivers Qingdao Fair showcases advanced technologies
The ongoing 2019 New Growth Drivers Qingdao Fair attracts 261 well-known companies such as Continental from Germany, Schneider from France, Universal Robots from Denmark, and Ahlstrom-Munksjo from Finland. Apart from the much sought-after technologies such as 5G and artificial intelligence (AI), the latest cutting-edge ones such as driverless vehicles, smart manufacturing, and new materials also become the focus of attention, according to the China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT) Shandong Sub-council.
At the fair, Schneider Electric showcased the latest industrial energy-efficient solutions and switches and circuit breakers. Shandong Heavy Industry Group demonstrated the world's first smart remote-controlled bulldozer equipped with Shantui's autonomous control system. The bulldozer supports ultra-long distance remote control by applying the latest 5G communication and networking control technologies. Universal Robots demonstrated a new human-machine collaboration robot. As the world's leading supplier of functional fiber materials, Ahlstrom-Munksjo showed numerous unexpected fiber applications at the fair.
The fair sets up a stage for cooperation and exchanges between foreign businesses at the event and strengthens their willingness to come to Qingdao, Shandong for investment and cooperation. ASSA ABLOY from Sweden is one of the world's leaders in access solutions. Li Jingfang, general manager of the company's major customer business division, attended the fair with an aim to look for cooperation in the field of new materials. "ASSA ABLOY will increase its investment in the high tech and material processing sectors in the future and Qingdao is our preferred location," said Li.
The fair was co-hosted by the China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT) Shandong Sub-council, the Shandong Development and Reform Commission, the Department of Science & Technology of Shandong Province, the Qingdao Municipal People's Government, and others, and with the support of the China Chamber of International Commerce and the Japan External Trade Organization.
Source: China Council for the Promotion of International Trade Shandong Sub-council
Image Attachments Links:
http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=349395
http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=349403
At the fair, Schneider Electric showcased the latest industrial energy-efficient solutions and switches and circuit breakers. Shandong Heavy Industry Group demonstrated the world's first smart remote-controlled bulldozer equipped with Shantui's autonomous control system. The bulldozer supports ultra-long distance remote control by applying the latest 5G communication and networking control technologies. Universal Robots demonstrated a new human-machine collaboration robot. As the world's leading supplier of functional fiber materials, Ahlstrom-Munksjo showed numerous unexpected fiber applications at the fair.
The fair was co-hosted by the China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT) Shandong Sub-council, the Shandong Development and Reform Commission, the Department of Science & Technology of Shandong Province, the Qingdao Municipal People's Government, and others, and with the support of the China Chamber of International Commerce and the Japan External Trade Organization.
Source: China Council for the Promotion of International Trade Shandong Sub-council
Image Attachments Links:
http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=349395
http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=349403
XCMG Apprentice Program Connects Young Visionaries on the "Journey to Creation"
The "XCMG Apprentice Season 5: XCMG Creators" has invited five international apprentices to explore XCMG's intelligent manufacturing achievements and innovative technologies on an extensive tour from October 21 to 25 at XCMG's headquarter in Xuzhou, China.
The five apprentices from the U.S., Italy, Mexico, India and the Philippines were selected from more than 55,000 online applications, the highest number since the program began in 2016.
"Youth is a time to thrive, be creative and make good memories. Through learning about XCMG's brand and technologies as well as communicating with young talents, we hope their experience in XCMG can become fond memories that they can share with friends from around the world," said Wang Min, chairman and CEO of XCMG.
Themed "XCMG Creators," the latest season focused on XCMG's thriving development of intelligent manufacturing and pioneering innovations. The journey brought the apprentices to XCMG's 5,560-square-meter hydraulic testing center, Asia's longest cold-drawing machine and largest vibration and noise lab. The creators were also shown the art of 3D printing in the intelligent manufacturing industry.
The apprentices joined discussions with Shen Yong, deputy general manager and chief engineer of XCMG Earthmoving Machinery Business Unit, on coordinated R&D, intelligent manufacturing, production improvement, creative marketing and international strategy.
At the VR room of XCMG's industrial design centre, the apprentices gained a comprehensive understanding of XCMG's visualized virtual reality technology and experienced the virtual review process of a road roller during production.
"It is awe-inspiring to know that XCMG has over 20 thousand employees, working to build this great achievement together," said Maria Isabel Aportela Nino Justo, an apprentice from Mexico. "With all these advanced laboratories supporting XCMG products and people who are persistent in innovation, there can be no doubt that XCMG's products are truly 'Advanced and Endurable.'"
XCMG created the XCMG Apprentice Program to offer young talents the opportunity to learn about company, its leading innovative achievements and global influence while promoting international exchange and the sharing of Chinese culture.
For more information, please visit www.xcmg.com, Facebook, Twitter, YouTube, LinkedIn and Instagram.
The five apprentices from the U.S., Italy, Mexico, India and the Philippines were selected from more than 55,000 online applications, the highest number since the program began in 2016.
"Youth is a time to thrive, be creative and make good memories. Through learning about XCMG's brand and technologies as well as communicating with young talents, we hope their experience in XCMG can become fond memories that they can share with friends from around the world," said Wang Min, chairman and CEO of XCMG.
Themed "XCMG Creators," the latest season focused on XCMG's thriving development of intelligent manufacturing and pioneering innovations. The journey brought the apprentices to XCMG's 5,560-square-meter hydraulic testing center, Asia's longest cold-drawing machine and largest vibration and noise lab. The creators were also shown the art of 3D printing in the intelligent manufacturing industry.
The apprentices joined discussions with Shen Yong, deputy general manager and chief engineer of XCMG Earthmoving Machinery Business Unit, on coordinated R&D, intelligent manufacturing, production improvement, creative marketing and international strategy.
At the VR room of XCMG's industrial design centre, the apprentices gained a comprehensive understanding of XCMG's visualized virtual reality technology and experienced the virtual review process of a road roller during production.
"It is awe-inspiring to know that XCMG has over 20 thousand employees, working to build this great achievement together," said Maria Isabel Aportela Nino Justo, an apprentice from Mexico. "With all these advanced laboratories supporting XCMG products and people who are persistent in innovation, there can be no doubt that XCMG's products are truly 'Advanced and Endurable.'"
XCMG created the XCMG Apprentice Program to offer young talents the opportunity to learn about company, its leading innovative achievements and global influence while promoting international exchange and the sharing of Chinese culture.
For more information, please visit www.xcmg.com, Facebook, Twitter, YouTube, LinkedIn and Instagram.
การประชุม “UN Climate Finance & Sustainable Investing Conference 2019” เจาะลึก 6 ประเด็นสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ร่วมมือกับ World Green Organisation (WGO) จัดการประชุม "UN Climate Finance & Sustainable Investing Conference 2019" ระหว่างวันที่ 17-18 ตุลาคม ที่ฮ่องกง โดยถือเป็นการประชุมว่าด้วยการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) และการลงทุนอย่างยั่งยืนงานใหญ่งานแรกที่จัดขึ้นในฮ่องกงโดยสหประชาชาติ เป้าหมายของการประชุมคือการเปิดเวทีให้ผู้กำหนดนโยบาย ภาคเอกชน ภาคการเงิน องค์กรระหว่างประเทศ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นเร่งด่วนต่างๆ ในการส่งเสริมการลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) และขยายตลาดทุนสีเขียวของเอเชียแปซิฟิก
ผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วยวิทยากรรับเชิญจากกระทรวงการคลังเวียดนามและไทย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากจีน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป ตลอดจนตัวแทนจาก IFC, The World Bank Group และ Asian Development Bank Institute นอกจากนี้ บริษัทชั้นนำจากในประเทศและต่างประเทศก็เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง เช่น Allianz Global Investors, BCT Group, Invesco Hong Kong Limited, Hang Seng Indexes Company Limited, The Hong Kong and China Gas Company Limited, Konrad-Adenauer-Stiftung, Regional Project Energy Security and Climate Change Asia-Pacific, Federal Group Global Limited, TREELION Foundation, BDO เป็นต้น โดยผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 400 คนมีทั้งซีอีโอ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียน บริษัทบริหารสินทรัพย์ สำนักงานครอบครัว บริษัทไพรเวทอิควิตี้ วาณิชธนกิจ บริษัทประกันภัยต่อ บริษัทพลังงาน ฯลฯ
การประชุม "UN Climate Finance & Sustainable Investing Conference 2019" ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเจาะลึก 6 ประเด็นสำคัญดังนี้
1. การเงินสีเขียวและการลงทุนอย่างยั่งยืน
2. การลงทุนและนวัตกรรมสีเขียว
3. กองทุนบำเหน็จบำนาญและการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
4. การบริหารสินทรัพย์ การบูรณาการ ESG และตราสารหนี้สีเขียว (Green Bonds)
5. เศรษฐกิจสีเขียวและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
6. ความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนในการระดมทุนเพื่อโครงสร้างพื้นฐาน
ดร. เทียนทิพ สุพานิช หัวหน้าฝ่ายการระดมทุนเพื่อการพัฒนา แผนกนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและการระดมทุนเพื่อการพัฒนา สังกัดคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก กล่าวว่า "หลายประเทศมีความคืบหน้าช้ามากในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และระดมทุนอย่างเพียงพอเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว ภาครัฐไม่สามารถบรรลุเป้าหมายปี 2030 ได้โดยลำพัง การร่วมมือกับภาคเอกชนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้"
ดร. วิลเลียม ยวี่ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร World Green Organisation กล่าวว่า "การประชุมใน 6 ประเด็นสำคัญเปิดโอกาสให้มีการอัปเดตข้อมูลล่าสุดในตลาดและแลกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ๆ ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมืออย่างครอบคลุมกับผู้สนับสนุนและนักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง เอเชีย และประเทศอื่นๆ"
World Green Organisation
World Green Organisation (WGO) เป็นองค์กรนอกภาครัฐที่มีพันธกิจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงดำเนินกิจการด้านเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของผู้คนผ่านนโยบายสาธารณะที่อิงวิทยาศาสตร์และโครงการระดับชุมชนที่ครอบคลุม เราช่วยเหลือทุกภาคส่วนโดยเฉพาะรากหญ้าให้สามารถรับมือกับความท้าทายและมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thewgo.org/
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191029/2625194-1
ผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วยวิทยากรรับเชิญจากกระทรวงการคลังเวียดนามและไทย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากจีน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป ตลอดจนตัวแทนจาก IFC, The World Bank Group และ Asian Development Bank Institute นอกจากนี้ บริษัทชั้นนำจากในประเทศและต่างประเทศก็เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง เช่น Allianz Global Investors, BCT Group, Invesco Hong Kong Limited, Hang Seng Indexes Company Limited, The Hong Kong and China Gas Company Limited, Konrad-Adenauer-Stiftung, Regional Project Energy Security and Climate Change Asia-Pacific, Federal Group Global Limited, TREELION Foundation, BDO เป็นต้น โดยผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 400 คนมีทั้งซีอีโอ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียน บริษัทบริหารสินทรัพย์ สำนักงานครอบครัว บริษัทไพรเวทอิควิตี้ วาณิชธนกิจ บริษัทประกันภัยต่อ บริษัทพลังงาน ฯลฯ
การประชุม "UN Climate Finance & Sustainable Investing Conference 2019" ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเจาะลึก 6 ประเด็นสำคัญดังนี้
1. การเงินสีเขียวและการลงทุนอย่างยั่งยืน
2. การลงทุนและนวัตกรรมสีเขียว
3. กองทุนบำเหน็จบำนาญและการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
4. การบริหารสินทรัพย์ การบูรณาการ ESG และตราสารหนี้สีเขียว (Green Bonds)
5. เศรษฐกิจสีเขียวและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
6. ความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนในการระดมทุนเพื่อโครงสร้างพื้นฐาน
ดร. เทียนทิพ สุพานิช หัวหน้าฝ่ายการระดมทุนเพื่อการพัฒนา แผนกนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและการระดมทุนเพื่อการพัฒนา สังกัดคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก กล่าวว่า "หลายประเทศมีความคืบหน้าช้ามากในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และระดมทุนอย่างเพียงพอเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว ภาครัฐไม่สามารถบรรลุเป้าหมายปี 2030 ได้โดยลำพัง การร่วมมือกับภาคเอกชนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้"
ดร. วิลเลียม ยวี่ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร World Green Organisation กล่าวว่า "การประชุมใน 6 ประเด็นสำคัญเปิดโอกาสให้มีการอัปเดตข้อมูลล่าสุดในตลาดและแลกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ๆ ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมืออย่างครอบคลุมกับผู้สนับสนุนและนักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง เอเชีย และประเทศอื่นๆ"
World Green Organisation
World Green Organisation (WGO) เป็นองค์กรนอกภาครัฐที่มีพันธกิจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงดำเนินกิจการด้านเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของผู้คนผ่านนโยบายสาธารณะที่อิงวิทยาศาสตร์และโครงการระดับชุมชนที่ครอบคลุม เราช่วยเหลือทุกภาคส่วนโดยเฉพาะรากหญ้าให้สามารถรับมือกับความท้าทายและมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thewgo.org/
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20191029/2625194-1
Bain & Company, Google and Temasek: Digital Financial Services Revenue in Southeast Asia Set to Jump from US$11 Billion in 2018 to US$38-60 Billion in 2025
Digital payments alone will exceed US$1 trillion in transaction value by 2025, as customer adoption of digital financial services reaches an inflection point
Among the findings of a recent report, Fulfilling its Promise - The Future of Southeast Asia's Digital Financial Services Industry, from Bain & Company, Google and Temasek, it shows that Southeast Asia represents one of the world's largest and fastest-growing regions; however, around 75 percent of consumers in the region are currently underbanked or unbanked, with limited access to financial services. Digital financial services offer accessibility to this potential consumer base, given the region's high smartphone penetration and engagement, facilitating greater customer adoption of embedded financial services.
The report includes data from consumer and merchant surveys, corroborated with expert interviews and databases. This research forms part of the 2019 e-Conomy SEA report, which covers the six largest markets in the region: Indonesia, Malaysia, the Philippines, Singapore, Thailand and Vietnam.
According to the report, among various services, digital payments is the most advanced and will exceed US$1 trillion in transaction value by 2025. Both digital payments and digital remittances are at inflection points. The other services -- lending, investment and insurance -- are still emerging, but each should grow by more than 20 percent annually through 2025. Digital lending will naturally emerge as the largest revenue contributor led by innovations in consumer and SME lending.
"Southeast Asia's internet economy is growing at a blistering pace and is set to reach US$300 billion by 2025. Alongside e-commerce and ride-hailing, digital payments has reached an inflection point and is now emerging as a gateway to greater digital financial inclusion," said Stephanie Davis, Google's Managing Director for Southeast Asia.
This underbanked segment of 98 million across the ASEAN-6 represents the biggest potential and true growth engine of the digital financial services market. In contrast, it is important to note that digital financial services will not be a panacea for reaching the unbanked population. Contrary to common perception, fintechs and consumer tech platforms are not yet making a meaningful impact on the unbanked segment. Governments and telecom companies will need to play a key role in accelerating the development of infrastructure needed to efficiently serve this segment, and combining their access with strong product and underwriting capabilities from partners.
"We anticipate growing consumer acceptance of fintechs and consumer tech platforms in Southeast Asia, with new entrants closing the trust gap to established players, particularly in the fast growing markets like Indonesia and Vietnam. Companies that surface as leaders will be those that make themselves the gatekeepers for consumers and merchants," said Aadarsh Baijal, partner and leader of Bain & Company's Digital practice in Southeast Asia. "For Southeast Asia to realize its full potential, there must be supportive regulations, a strong financial infrastructure and scaled funding in place."
Despite the march of new players entering the market, it is unlikely that consumers and merchants will move away from banks completely. Banks have capital access and regulated deposits. Funding and balance sheet management remains a potential risk to scaling fintech lending businesses. Should markets truly open up to data sharing through open banking, Bain expects to see a rapid shift in business models with an even broader array of opportunities for disruption.
Rohit Sipahimalani, Joint Head, Investment Group, Temasek said, "Investments focused on innovative solutions that stimulate adoption will be crucial to the growth of the digital financial services sector in Southeast Asia. Together with businesses, governments and communities, we are committed to helping drive financial accessibility and inclusivity in this region."
Logo - https://photos.prnasia.com/prnh/20191029/2625110-1LOGO
Among the findings of a recent report, Fulfilling its Promise - The Future of Southeast Asia's Digital Financial Services Industry, from Bain & Company, Google and Temasek, it shows that Southeast Asia represents one of the world's largest and fastest-growing regions; however, around 75 percent of consumers in the region are currently underbanked or unbanked, with limited access to financial services. Digital financial services offer accessibility to this potential consumer base, given the region's high smartphone penetration and engagement, facilitating greater customer adoption of embedded financial services.
The report includes data from consumer and merchant surveys, corroborated with expert interviews and databases. This research forms part of the 2019 e-Conomy SEA report, which covers the six largest markets in the region: Indonesia, Malaysia, the Philippines, Singapore, Thailand and Vietnam.
According to the report, among various services, digital payments is the most advanced and will exceed US$1 trillion in transaction value by 2025. Both digital payments and digital remittances are at inflection points. The other services -- lending, investment and insurance -- are still emerging, but each should grow by more than 20 percent annually through 2025. Digital lending will naturally emerge as the largest revenue contributor led by innovations in consumer and SME lending.
"Southeast Asia's internet economy is growing at a blistering pace and is set to reach US$300 billion by 2025. Alongside e-commerce and ride-hailing, digital payments has reached an inflection point and is now emerging as a gateway to greater digital financial inclusion," said Stephanie Davis, Google's Managing Director for Southeast Asia.
This underbanked segment of 98 million across the ASEAN-6 represents the biggest potential and true growth engine of the digital financial services market. In contrast, it is important to note that digital financial services will not be a panacea for reaching the unbanked population. Contrary to common perception, fintechs and consumer tech platforms are not yet making a meaningful impact on the unbanked segment. Governments and telecom companies will need to play a key role in accelerating the development of infrastructure needed to efficiently serve this segment, and combining their access with strong product and underwriting capabilities from partners.
"We anticipate growing consumer acceptance of fintechs and consumer tech platforms in Southeast Asia, with new entrants closing the trust gap to established players, particularly in the fast growing markets like Indonesia and Vietnam. Companies that surface as leaders will be those that make themselves the gatekeepers for consumers and merchants," said Aadarsh Baijal, partner and leader of Bain & Company's Digital practice in Southeast Asia. "For Southeast Asia to realize its full potential, there must be supportive regulations, a strong financial infrastructure and scaled funding in place."
Despite the march of new players entering the market, it is unlikely that consumers and merchants will move away from banks completely. Banks have capital access and regulated deposits. Funding and balance sheet management remains a potential risk to scaling fintech lending businesses. Should markets truly open up to data sharing through open banking, Bain expects to see a rapid shift in business models with an even broader array of opportunities for disruption.
Rohit Sipahimalani, Joint Head, Investment Group, Temasek said, "Investments focused on innovative solutions that stimulate adoption will be crucial to the growth of the digital financial services sector in Southeast Asia. Together with businesses, governments and communities, we are committed to helping drive financial accessibility and inclusivity in this region."
Logo - https://photos.prnasia.com/prnh/20191029/2625110-1LOGO
Tencent Cloud เผยบริการโซลูชั่น CDN ได้คะแนนรีวิว 4.5 จากเต็ม 5 จากประสบการณ์การใช้งานจริงของลูกค้า ณ วันที่ 31 ส.ค. 2019(*)
โซลูชั่น CDN ของบริษัท Tencent Cloud ได้คะแนนรวม 4.5 จาก 5 ในรายงาน Voice of the Customer: CDN Services ของ Gartner ณ วันที่ 31 ส.ค. 2019 ซึ่งอยู่ในรายงาน Gartner Peer Insights Voice of the Customer: CDN Services ประจำปีฉบับล่าสุดที่เผยแพร่โดย Gartner บริษัทด้านวิจัยและที่ปรึกษาระดับชั้นนำของโลก
Gartner Peer Insights Customers' Choice(**) คืออะไร
นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2015 มีการลงรีวิวกว่า 260,000 รีวิวในตลาดต่าง ๆ กว่า 340 แห่งในรายงาน Gartner Peer Insights สำหรับตลาดที่มีข้อมูลเพียงพออยู่แล้วนั้น Gartner Peer Insights จะทำการจัดอันดับเวนเดอร์ที่ได้คะแนนสูงสุดจากลูกค้าโดยยกให้เป็น Customers' Choice การจัดอันดับที่มาจากผู้ใช้งานจริงนี้นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะเข้ามาเสริมความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เพราะสะท้อนถึงประสบการณ์โดยตรงของผู้ใช้ในการนำและใช้งานโซลูชั่น
ณ วันที่ 31 ส.ค. 2019 เมื่อประเมินจากข้อมูลรีวิว 15 รายการแล้ว Tencent Cloud มีผู้ที่ตั้งใจจะแนะนำบริการ CDN จำนวน 93% และลูกค้ายังชื่นชอบความสามารถต่าง ๆ ในบริการ CDN ของ Tencent Cloud ด้วย ซึ่ง ณ วันที่ 31 ส.ค. 2019 Tencent Cloud ได้คะแนนด้าน Evaluation and Contracting อยู่ที่ 4.6 คะแนนจาก 5 ในด้าน Service Capabilities จากการรีวิว 15 รายการ นอกจากนี้ ลูกค้ายังยกให้บริการดังกล่าวอยู่ในระดับ Excellent เมื่อประเมินจากศักยภาพอันเป็นเลิศทั้งในแง่ของขั้นตอนบริการ การวางแผนและสับเปลี่ยน การส่งมอบ และการใช้งาน
Tencent Cloud ยังมีความก้าวหน้าอย่างชัดเจนในการนำโซลูชั่น CDN ไปใช้ในวงการต่าง ๆ ลูกค้าที่รีวิวโซลูชั่น CDN ของ Tencent Cloud ส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการ การผลิต การสื่อสาร และการเงิน ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา Tencent Cloud ตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการอินเทอร์เน็ต และยังคงเป็นหนึ่งในเวนเดอร์ระดับชั้นนำในแง่ของส่วนแบ่งตลาดในตลาดเกม อี-คอมเมิร์ซ วิดีโอสั้น ไลฟ์สตรีม และบริการด้านไลฟ์สไตล์ (***) นอกจากนี้ Tencent Cloud ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายราย เพื่อช่วยหน่วยงานรัฐบาลในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล เช่นเดียวกับองค์กรต่าง ๆ ในภาคการเงิน การผลิต และค้าปลีก ปัจจุบัน Tencent Cloud มีพันธมิตรในเครือข่ายกว่า 6,000 รายแล้ว และตัวเลขดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
Tencent Holdings (Tencent Cloud) ได้รับการจัดอันดับให้เป็น Representative Vendor ในรายงาน Gartner Market Guide for CDN Services(****) มา 2 ปีซ้อนแล้ว ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดด้านการใช้งานของ Gartner อย่างครบถ้วน ข้อมูลนี้ได้มาจากรายงานอีกฉบับของ Gartner อย่าง Market Guide for CDN Services ที่เผยแพร่วันที่ 27 มิ.ย. 2019 ID: G00386502 โดยโซลูชั่น Tencent Cloud CDN ผสานกลไกกำหนดการทำ GSLB ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ Tencent Cloud เข้ากับระบบตรวจสอบคุณภาพแบบเรียลไทม์ทั่วโลกของ CDN ส่งผลให้โซลูชั่น Tencent Cloud CDN ตอบโจทย์ของผู้ใช้ในเรื่อง access node ที่ดีที่สุด และทำให้ลูกค้าได้รับบริการด้านการเร่งความเร็วที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะเข้าถึงเครือข่ายแบบข้ามภูมิภาคได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีความเสี่ยงที่การสื่อสารจะล้มเหลวและทำให้ค่าหน่วงเวลาหายไป แม้ในขณะที่ทำการเชื่อมโยงลูกค้าทั่วโลกกับเซิร์ฟเวอร์ตัวเดียวก็ตาม Tencent Cloud ทำให้ลูกค้ามีแบนด์วิธเครือข่ายที่สูงเกิน 100Tbps ด้วย node กว่า 1,100 ตัวทั่วประเทศจีน และ node ราว 200 ตัวในกว่า 50 ประเทศและดินแดนนอกจากจีนแผ่นดินใหญ่
Tencent Cloud CDN มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย อาทิ การป้องกันการโจมตีได้ถึง 100 Gbps ด้วย node 1 ตัว และเมื่อรวม node ทั้งหมดแล้ว บริการ CDN สามารถป้องกันการโจมตี DDoS ได้เกิน 2Tbps โซลูชั่น CDN ที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยตัวนี้ จึงทำให้ลูกค้าได้รับบริการการเร่งความเร็วที่ปลอดภัยและมีเสถียรภาพ รองรับการใช้งานทางธุรกิจหลากหลายประเภท
ผู้ให้บริการโซลูชั่นประมวลผลบนระบบคลาวด์กลายเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด CDN ซึ่งเป็นส่วนที่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริการและเทคโนโลยีต่าง ๆ มีผลมากขึ้นต่อขั้นตอนการตัดสินใจของลูกค้า
(*) Gartner Peer Insights 'Voice of the Customer': CDN Services เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2019 โดย Gartner Peer Insights ทั้งนี้ Gartner Peer Insights เป็นการรีวิวที่ประกอบด้วยข้อคิดเห็นส่วนตัวของผู้ใช้รายบุคคล ซึ่งอิงจากประสบการณ์การใช้งานเองของผู้ใช้ และไม่ได้เป็นมุมมองของ Gartner หรือบริษัทในเครือของ Gartner
(**) Gartner Peer Insights Customer's Choice, Gartner Peer Insights Customers' Choice and Voice Of the Customer https://blogs.gartner.com/reviews-pages/tpt-resources-home/gartner-peer-insights-customers-choice-2019/
Gartner Peer Insights Customers' Choice ประกอบด้วยข้อคิดเห็นส่วนตัวจากการรีวิว การให้คะแนนของผู้ใช้รายบุคคล รวมทั้งข้อมูลที่นำมาใช้เทียบกับระเบียบวิธีในการจัดทำ ดังนั้น ข้อคิดเห็นดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นมุมมอง รวมทั้งไม่ได้เป็นการรับรองของ Gartner หรือบริษัทในเครือ
(***) IDC Quarterly Public Cloud Services Tracker-2018H2; IDC China Public Cloud Services in Internet Industry 2018
(****) Gartner, Market Guide for CDN Services, Ted Chamberlin et al. 27 มิ.ย. 2019
Gartner ไม่ได้ให้การรับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่กล่าวถึงในรายงานการวิจัยของบริษัท และไม่ได้แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้จำหน่ายที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดหรืออันดับอื่น ๆ รายงานการวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner ดังนั้นจึงไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมดเกี่ยวกับรายงานการวิจัยนี้ ไม่ว่าจะโดยชัดเจนหรือโดยนัย ทั้งในด้านการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ
Gartner Peer Insights Customers' Choice(**) คืออะไร
นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2015 มีการลงรีวิวกว่า 260,000 รีวิวในตลาดต่าง ๆ กว่า 340 แห่งในรายงาน Gartner Peer Insights สำหรับตลาดที่มีข้อมูลเพียงพออยู่แล้วนั้น Gartner Peer Insights จะทำการจัดอันดับเวนเดอร์ที่ได้คะแนนสูงสุดจากลูกค้าโดยยกให้เป็น Customers' Choice การจัดอันดับที่มาจากผู้ใช้งานจริงนี้นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะเข้ามาเสริมความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เพราะสะท้อนถึงประสบการณ์โดยตรงของผู้ใช้ในการนำและใช้งานโซลูชั่น
ณ วันที่ 31 ส.ค. 2019 เมื่อประเมินจากข้อมูลรีวิว 15 รายการแล้ว Tencent Cloud มีผู้ที่ตั้งใจจะแนะนำบริการ CDN จำนวน 93% และลูกค้ายังชื่นชอบความสามารถต่าง ๆ ในบริการ CDN ของ Tencent Cloud ด้วย ซึ่ง ณ วันที่ 31 ส.ค. 2019 Tencent Cloud ได้คะแนนด้าน Evaluation and Contracting อยู่ที่ 4.6 คะแนนจาก 5 ในด้าน Service Capabilities จากการรีวิว 15 รายการ นอกจากนี้ ลูกค้ายังยกให้บริการดังกล่าวอยู่ในระดับ Excellent เมื่อประเมินจากศักยภาพอันเป็นเลิศทั้งในแง่ของขั้นตอนบริการ การวางแผนและสับเปลี่ยน การส่งมอบ และการใช้งาน
Tencent Cloud ยังมีความก้าวหน้าอย่างชัดเจนในการนำโซลูชั่น CDN ไปใช้ในวงการต่าง ๆ ลูกค้าที่รีวิวโซลูชั่น CDN ของ Tencent Cloud ส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการ การผลิต การสื่อสาร และการเงิน ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา Tencent Cloud ตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการอินเทอร์เน็ต และยังคงเป็นหนึ่งในเวนเดอร์ระดับชั้นนำในแง่ของส่วนแบ่งตลาดในตลาดเกม อี-คอมเมิร์ซ วิดีโอสั้น ไลฟ์สตรีม และบริการด้านไลฟ์สไตล์ (***) นอกจากนี้ Tencent Cloud ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายราย เพื่อช่วยหน่วยงานรัฐบาลในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล เช่นเดียวกับองค์กรต่าง ๆ ในภาคการเงิน การผลิต และค้าปลีก ปัจจุบัน Tencent Cloud มีพันธมิตรในเครือข่ายกว่า 6,000 รายแล้ว และตัวเลขดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
Tencent Holdings (Tencent Cloud) ได้รับการจัดอันดับให้เป็น Representative Vendor ในรายงาน Gartner Market Guide for CDN Services(****) มา 2 ปีซ้อนแล้ว ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดด้านการใช้งานของ Gartner อย่างครบถ้วน ข้อมูลนี้ได้มาจากรายงานอีกฉบับของ Gartner อย่าง Market Guide for CDN Services ที่เผยแพร่วันที่ 27 มิ.ย. 2019 ID: G00386502 โดยโซลูชั่น Tencent Cloud CDN ผสานกลไกกำหนดการทำ GSLB ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ Tencent Cloud เข้ากับระบบตรวจสอบคุณภาพแบบเรียลไทม์ทั่วโลกของ CDN ส่งผลให้โซลูชั่น Tencent Cloud CDN ตอบโจทย์ของผู้ใช้ในเรื่อง access node ที่ดีที่สุด และทำให้ลูกค้าได้รับบริการด้านการเร่งความเร็วที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะเข้าถึงเครือข่ายแบบข้ามภูมิภาคได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีความเสี่ยงที่การสื่อสารจะล้มเหลวและทำให้ค่าหน่วงเวลาหายไป แม้ในขณะที่ทำการเชื่อมโยงลูกค้าทั่วโลกกับเซิร์ฟเวอร์ตัวเดียวก็ตาม Tencent Cloud ทำให้ลูกค้ามีแบนด์วิธเครือข่ายที่สูงเกิน 100Tbps ด้วย node กว่า 1,100 ตัวทั่วประเทศจีน และ node ราว 200 ตัวในกว่า 50 ประเทศและดินแดนนอกจากจีนแผ่นดินใหญ่
Tencent Cloud CDN มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย อาทิ การป้องกันการโจมตีได้ถึง 100 Gbps ด้วย node 1 ตัว และเมื่อรวม node ทั้งหมดแล้ว บริการ CDN สามารถป้องกันการโจมตี DDoS ได้เกิน 2Tbps โซลูชั่น CDN ที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยตัวนี้ จึงทำให้ลูกค้าได้รับบริการการเร่งความเร็วที่ปลอดภัยและมีเสถียรภาพ รองรับการใช้งานทางธุรกิจหลากหลายประเภท
ผู้ให้บริการโซลูชั่นประมวลผลบนระบบคลาวด์กลายเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด CDN ซึ่งเป็นส่วนที่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริการและเทคโนโลยีต่าง ๆ มีผลมากขึ้นต่อขั้นตอนการตัดสินใจของลูกค้า
(*) Gartner Peer Insights 'Voice of the Customer': CDN Services เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2019 โดย Gartner Peer Insights ทั้งนี้ Gartner Peer Insights เป็นการรีวิวที่ประกอบด้วยข้อคิดเห็นส่วนตัวของผู้ใช้รายบุคคล ซึ่งอิงจากประสบการณ์การใช้งานเองของผู้ใช้ และไม่ได้เป็นมุมมองของ Gartner หรือบริษัทในเครือของ Gartner
(**) Gartner Peer Insights Customer's Choice, Gartner Peer Insights Customers' Choice and Voice Of the Customer https://blogs.gartner.com/reviews-pages/tpt-resources-home/gartner-peer-insights-customers-choice-2019/
Gartner Peer Insights Customers' Choice ประกอบด้วยข้อคิดเห็นส่วนตัวจากการรีวิว การให้คะแนนของผู้ใช้รายบุคคล รวมทั้งข้อมูลที่นำมาใช้เทียบกับระเบียบวิธีในการจัดทำ ดังนั้น ข้อคิดเห็นดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นมุมมอง รวมทั้งไม่ได้เป็นการรับรองของ Gartner หรือบริษัทในเครือ
(***) IDC Quarterly Public Cloud Services Tracker-2018H2; IDC China Public Cloud Services in Internet Industry 2018
(****) Gartner, Market Guide for CDN Services, Ted Chamberlin et al. 27 มิ.ย. 2019
Gartner ไม่ได้ให้การรับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่กล่าวถึงในรายงานการวิจัยของบริษัท และไม่ได้แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้จำหน่ายที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดหรืออันดับอื่น ๆ รายงานการวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner ดังนั้นจึงไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมดเกี่ยวกับรายงานการวิจัยนี้ ไม่ว่าจะโดยชัดเจนหรือโดยนัย ทั้งในด้านการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ
Quectel เปิดตัวโมดูลระบุตำแหน่งแบบ Dual-band ความแม่นยำสูง ที่ทำงานด้วยชิป GNSS BCM47755 ของ Broadcom
Quectel Wireless Solutions Co., Ltd. ผู้จัดจำหน่ายโมดูลสื่อสารไร้สายและโมดูล GNSS ชั้นนำระดับโลก ประกาศว่า Quectel LC79D ได้เข้าสู่กระบวนการผลิตปริมาณมากและพร้อมวางจำหน่ายแล้วในขณะนี้ โดย LC79D เป็นโมดูล GNSS ความแม่นยำสูงที่ทำงานโดยใช้สัญญาณ L1/L5 เพื่อมอบประสิทธิภาพอันเหนือชั้นในระดับราคาที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับโซลูชั่น L1 GNSS ที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้
โซลูชั่นดังกล่าวใช้ชิป BCM47755 ของ Broadcom จึงสามารถทำงานร่วมกับคลื่นสัญญาณทั้ง L1 และ L5 ของดาวเทียม GPS, Galileo และ QZSS ได้ โดยที่คลื่นสัญญาณ L1 นั้นเป็นความถี่ที่ถูกใช้ในดาวเทียม GLONASS และ BeiDou ส่วนคลื่นสัญญาณ L5 จะถูกใช้อยู่ใน IRNSS การรองรับการทำงาน GNSS ในหลายรูปแบบ ประกอบกับการผสานรวมระหว่าง LNA และ SAW ทำให้โมดูล LC79D ตัวนี้มีความสามารถในการระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำในระยะความผิดพลาดแค่ใกล้เคียงระดับ 1 เมตร และมีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมดูลตัวอื่นเมื่อถูกนำไปใช้งานในหุบเขาที่ห่างไกล ด้วยคุณสมบัติทั้งด้านประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม การทำงานที่เป็นอิสระ รวมถึงความต้องการพลังงานและต้นทุนในระดับต่ำ ทำให้โมดูลนี้เหมาะกับทุกคนที่กำลังมองหาโซลูชั่น GNSS ที่มีประสิทธิภาพสูงมาใช้
"Broadcom ตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Quectel ในการพัฒนาโมดูล LC79D ของพวกเขา" Prasan Pai ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์แผนก Wireless Communications and Connectivity Division ของ Broadcom กล่าว "การใช้ชิปตัวรับสัญญาณ BCM47755 Dual-Frequency GNSS ของ Broadcom ทำให้ LC79D จาก Quectel เป็นหนึ่งในโซลูชั่นชั้นนำด้านเทคโนโลยี IoT และการระบุตำแหน่งที่ความแม่นยำสูงในตลาด จากคุณสมบัติของการมอบความแม่นยำที่มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องการการใช้พลังงานที่ต่ำลง และมีประสิทธิภาพการทำงานในพื้นที่ห่างไกลดียิ่งขึ้น
"โมดูล LC79D นำเสนอประสิทธิภาพอันเหนือชั้นในต้นทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับโซลูชั่นตัวอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาดทุกวันนี้" Mark Murray รองประธานฝ่ายขายผลิตภัณฑ์ GNSS ของ Quectel กล่าว "ความแม่นยำที่ระดับใกล้เคียงกับ 1 เมตร ประกอบกับการใช้พลังงานและต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้โมดูลนี้เป็นโซลูชั่นที่เพอร์เฟคสำหรับการทำงานด้าน IoT การติดตามตำแหน่ง การเกษตรแม่นยำสูง โดรน และผู้ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการกำหนดตำแหน่งด้วยความแม่นยำในระดับสูงทั้งหลาย นอกจากนี้ ในการทำงานโหมดโฮสต์ LC79D ยังรองรับการทำงานกับระบบ dead reckoning โดยเฉพาะในตลาด eBike หุ่นยนต์ และยานยนต์ไร้คนขับด้วย"
โมดูล LC79D มีขนาดเพียง 10.1 มม.x 9.7 มม. โดยสามารถขอรับตัวอย่างผลิตภัณฑ์และชุดเครื่องมือเพื่อการพัฒนาได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับ Quectel Wireless Solutions
Quectel Wireless Solutions คือผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาโมดูลสื่อสารไร้สายและโมดูล GNSS ที่มีผลิตภัณฑ์กว้างขวางครอบคลุมเทคโนโลยีไร้สายล่าสุดอย่าง 5G, LTE/LTE-A, NB-IoT/LTE-M, UMTS/HSPA(+), GSM/GPRS และ GNSS ผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในแวดวง IoT/M2M เช่น การชำระเงินไร้สาย เทเลเมติกส์และการขนส่ง พลังงานอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ การรักษาความปลอดภัย เกตเวย์แบบไร้สาย อุตสาหกรรม การดูแลสุขภาพ การเกษตร และการติดตามสถานการณ์สิ่งแวดล้อม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Quectel ได้ที่ เว็บไซต์, ลิงก์อิน, เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์
โซลูชั่นดังกล่าวใช้ชิป BCM47755 ของ Broadcom จึงสามารถทำงานร่วมกับคลื่นสัญญาณทั้ง L1 และ L5 ของดาวเทียม GPS, Galileo และ QZSS ได้ โดยที่คลื่นสัญญาณ L1 นั้นเป็นความถี่ที่ถูกใช้ในดาวเทียม GLONASS และ BeiDou ส่วนคลื่นสัญญาณ L5 จะถูกใช้อยู่ใน IRNSS การรองรับการทำงาน GNSS ในหลายรูปแบบ ประกอบกับการผสานรวมระหว่าง LNA และ SAW ทำให้โมดูล LC79D ตัวนี้มีความสามารถในการระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำในระยะความผิดพลาดแค่ใกล้เคียงระดับ 1 เมตร และมีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมดูลตัวอื่นเมื่อถูกนำไปใช้งานในหุบเขาที่ห่างไกล ด้วยคุณสมบัติทั้งด้านประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม การทำงานที่เป็นอิสระ รวมถึงความต้องการพลังงานและต้นทุนในระดับต่ำ ทำให้โมดูลนี้เหมาะกับทุกคนที่กำลังมองหาโซลูชั่น GNSS ที่มีประสิทธิภาพสูงมาใช้
"Broadcom ตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Quectel ในการพัฒนาโมดูล LC79D ของพวกเขา" Prasan Pai ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์แผนก Wireless Communications and Connectivity Division ของ Broadcom กล่าว "การใช้ชิปตัวรับสัญญาณ BCM47755 Dual-Frequency GNSS ของ Broadcom ทำให้ LC79D จาก Quectel เป็นหนึ่งในโซลูชั่นชั้นนำด้านเทคโนโลยี IoT และการระบุตำแหน่งที่ความแม่นยำสูงในตลาด จากคุณสมบัติของการมอบความแม่นยำที่มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องการการใช้พลังงานที่ต่ำลง และมีประสิทธิภาพการทำงานในพื้นที่ห่างไกลดียิ่งขึ้น
"โมดูล LC79D นำเสนอประสิทธิภาพอันเหนือชั้นในต้นทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับโซลูชั่นตัวอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาดทุกวันนี้" Mark Murray รองประธานฝ่ายขายผลิตภัณฑ์ GNSS ของ Quectel กล่าว "ความแม่นยำที่ระดับใกล้เคียงกับ 1 เมตร ประกอบกับการใช้พลังงานและต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้โมดูลนี้เป็นโซลูชั่นที่เพอร์เฟคสำหรับการทำงานด้าน IoT การติดตามตำแหน่ง การเกษตรแม่นยำสูง โดรน และผู้ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการกำหนดตำแหน่งด้วยความแม่นยำในระดับสูงทั้งหลาย นอกจากนี้ ในการทำงานโหมดโฮสต์ LC79D ยังรองรับการทำงานกับระบบ dead reckoning โดยเฉพาะในตลาด eBike หุ่นยนต์ และยานยนต์ไร้คนขับด้วย"
โมดูล LC79D มีขนาดเพียง 10.1 มม.x 9.7 มม. โดยสามารถขอรับตัวอย่างผลิตภัณฑ์และชุดเครื่องมือเพื่อการพัฒนาได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับ Quectel Wireless Solutions
Quectel Wireless Solutions คือผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาโมดูลสื่อสารไร้สายและโมดูล GNSS ที่มีผลิตภัณฑ์กว้างขวางครอบคลุมเทคโนโลยีไร้สายล่าสุดอย่าง 5G, LTE/LTE-A, NB-IoT/LTE-M, UMTS/HSPA(+), GSM/GPRS และ GNSS ผลิตภัณฑ์ของบริษัทถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในแวดวง IoT/M2M เช่น การชำระเงินไร้สาย เทเลเมติกส์และการขนส่ง พลังงานอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ การรักษาความปลอดภัย เกตเวย์แบบไร้สาย อุตสาหกรรม การดูแลสุขภาพ การเกษตร และการติดตามสถานการณ์สิ่งแวดล้อม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Quectel ได้ที่ เว็บไซต์, ลิงก์อิน, เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์
Subscribe to:
Posts (Atom)