Thursday, May 24, 2018

สหรัฐ แซง ฮ่องกง ขึ้นครองอันดับ 1 ประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในโลก โดย IMD

          รายงานการจัดอันดับ IMD World Competitiveness Rankings ประจำปี ครั้งที่ 30 ยังคงเน้นย้ำถึงแนวโน้มระยะยาวเช่นเดียวกับรายงานฉบับก่อน ๆ กล่าวคือ ประเทศในอันดับต้น ๆ ของรายงานต่างมีแนวทางของตนเองในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ


          สำหรับเศรษฐกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันมากที่สุดห้าอันดับแรกในปีที่แล้วนั้น ยังคงอยู่ครบในปีนี้ แต่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับ โดยสหรัฐอเมริกากลับมาทวงบัลลังก์อันดับ 1 ตามด้วยฮ่องกง สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ การกลับขึ้นมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้งของสหรัฐอเมริกานั้น ได้รับปัจจัยผลักดันจากความแข็งแกร่งในด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจ (Economic Performance) และโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ซึ่งสหรัฐครองอันดับ 1 ในสองหัวข้อนี้ ขณะที่ฮ่องกงใช้แนวทางที่ค่อนข้างแตกต่างออกไป โดยเน้นไปที่ประสิทธิภาพของภาครัฐ (Government Efficiency) และประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) ซึ่งฮ่องกงมาเป็นอันดับ 1 ในสองปัจจัยนี้

          ด้านเนเธอร์แลนด์ขยับขึ้นหนึ่งขั้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์หล่นลงมาอยู่ที่อันดับ 5 การขยับอันดับขึ้นของเนเธอร์แลนด์แสดงให้เห็นว่า ประเทศใช้แนวทางที่ "สมดุล" ในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยเนเธอร์แลนด์ติด 10 อันดับแรกในด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพของภาครัฐและภาคธุรกิจ ส่วนการลดอันดับลงสวิตเซอร์แลนด์นั้นมีสาเหตุหลักมาจากส่งออกที่ชะลอตัว และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการย้ายสถานที่ตั้งของศูนย์วิจัยและพัฒนาต่าง ๆ

          เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน อยู่ในอันดับที่ 6, 8 และ 9 ตามลำดับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อยู่ในอันดับที่ 7 และแคนาดาปิดท้ายในอันดับที่ 10

          สำหรับประเทศเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ได้แก่ ออสเตรีย ในอันดับที่ 18 และจีน อันดับที่ 13 ซึ่งศาสตราจารย์ อาร์ทูโร บริส ( Arturo Bris ) ผู้อำนวยการ IMD World Competitiveness Center กล่าวว่า "การเติบโตทางเศรษฐกิจ หนี้รัฐบาลที่ลดลง และผลิตภาพทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้ออสเตรียสามารถไต่อันดับขึ้นมาได้ ส่วนจีนนั้น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งที่เป็นรูปธรรมและที่จับต้องไม่ได้ ตลอดจนกับการปรับปรุงภาคสถาบันในบางแง่มุม อาทิ กรอบการทำงานด้านกฎหมายและกฎระเบียบ ได้ช่วยส่งเสริมสมรรถนะของประเทศ"

          ศ.บริสตั้งข้อสังเกตว่า "ผลการจัดอันดับปีนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงแนวโน้มที่สำคัญของความสามารถในการแข่งขันในภาพรวม นั่นคือ ประเทศต่าง ๆ ใช้แนวทางที่แตกต่างกันในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน" พร้อมกล่าวต่อไปว่า "ประเทศที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ล้วนมีสมรรถนะเหนือกว่าค่าเฉลี่ย ในทุกปัจจัยชี้วัดความสามารถในการแข่งขัน แต่การผสมผสานปัจจัยต่าง ๆ นั้นแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ประเทศหนึ่งอาจสร้างกลยุทธ์การแข่งขันที่เจาะจงไปในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน ขณะที่อีกประเทศอาจใช้แนวทางเพิ่มความสามารถในการแข่งขันผ่านทางประสิทธิภาพของภาครัฐ"

          เกี่ยวกับ IMD: IMD เป็นโรงเรียนธุรกิจที่เป็นอิสระ โดยมีรากฐานในสวิตเซอร์แลนด์ และขยายขอบเขตกว้างไกลออกไปทั่วโลก ทางสถาบันมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผู้นำและปฏิรูปองค์กร เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาว

          ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา IMD ติด 3 อันดับแรกในการจัดอันดับการศึกษาสำหรับผู้บริหารทั่วโลก และเป็นที่หนึ่งในการจัดอันดับหลักสูตรแบบเปิด (Financial Times 2012-2018) http://www.imd.org



No comments:

Post a Comment