Wednesday, September 30, 2015

ซีอีโอ “เพอร์เฟค เวิลด์” เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ซีแอตเทิล

          งานเลี้ยงอันทรงเกียรตินี้เปิดโอกาสครั้งใหม่ในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา

          ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้เดินทางถึงเมืองซีแอตเทิลเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา และในช่วงเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ประธานาธิบดีสีได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่มีคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความสัมพันธ์สหรัฐอเมริกา-จีนเป็นเจ้าภาพ พร้อมทั้งให้เกียรติกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับนโยบายสาธารณะครั้งเดียวในการเยือนสหรัฐรอบนี้ ขณะเดียวกัน คุณโรเบิร์ต ฮง เซียว ซีอีโอของเพอร์เฟค เวิลด์ (Perfect World) และผู้อำนวยการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความสัมพันธ์สหรัฐอเมริกา-จีน รวมถึงเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ตลอดจนผู้บริหารของบริษัทอื่นๆ และบุคคลผู้มีส่วนส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐ ต่างตอบรับคำเชิญและเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้


          หลังฟังสุนทรพจน์จากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแล้ว ซีอีโอของเพอร์เฟค เวิลด์ได้กล่าวว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เพอร์เฟค เวิลด์ก็ได้สนับสนุนการเผยแพร่และผสมผสานวัฒนธรรมต่างๆ โดยเน้นที่วัฒนธรรมจีนเป็นหลัก รวมถึงวัฒนธรรมอื่นๆทั่วโลก บัดนี้ วัฒนธรรมจีนและอเมริกันได้กลายเป็นสองวัฒนธรรมหลักของโลก ดังนั้น ความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองประเทศและต่อโลก

          เพอร์เฟค เวิลด์ ในฐานะบริษัทระดับโลกผู้สร้างสรรค์ความบันเทิงทางวัฒนธรรมผ่านอินเทอร์เน็ต มีความพร้อมและความปรารถนาที่จะร่วมแบกรับความรับผิดชอบนี้ บริษัทยินดีที่ได้เป็นผู้ขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในด้านนี้ ซีอีโอได้อธิบายเพิ่มเติมต่อไปว่า เพอร์เฟค เวิลด์ได้ใช้เกมเป็นสื่อกลางในการส่งเสริมและเผยแพร่วัฒนธรรมจีนสู่สายตาชาวโลกนับตั้งแต่วันแรกที่บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจ ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของเพอร์เฟค เวิลด์ มีวางจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศและภูมิภาค บริษัทได้ก่อตั้งสาขาขึ้นในอเมริกาเหนือและภูมิภาคอื่นๆทั่วโลก รวมทั้งได้เข้าซื้อกิจการของผู้พัฒนาเกมที่มีชื่อเสียงในหลายประเทศ เพื่อสร้างฐานการวิจัยพัฒนาและการดำเนินงานในประเทศนั้นๆ ซึ่งถือเป็นการยกระดับการเผยแพร่และผสมผสานวัฒนธรรมจีนและอเมริกัน

          ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพอร์เฟค เวิลด์ เดินหน้าอย่างจริงจังเพื่อยกระดับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านมนุษยศาสตร์กับสหรัฐอเมริกา โดยในช่วงปลายปี 2557 เพอร์เฟค เวิลด์ได้สนับสนุนโครงการ Access China ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนจีน-สหรัฐ และเมื่อต้นปี 2558 บริษัทได้เปิดตัวโครงการ Global Youth Leadership Laboratory จากนั้นในเดือนมิถุนายน 2558 นางหลิว หยานตง รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้พบกับผู้แทนจากเพอร์เฟค เวิลด์ และตัวแทนเยาวชนอเมริกันกลุ่มแรกจากโครงการ Access China และในอนาคต เพอร์เฟค เวิลด์หวังว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ตลอดจนความร่วมมือทางวัฒนธรรมในรูปแบบอื่นๆระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา

พีอาร์นิวส์ไวร์

CEO of China-based Perfect World Invited to Join Seattle Banquet in honor of Chinese President Xi Jinping

          The banquet offers a new opportunity for cultural exchanges between China and the United States

          Chinese President Xi Jinping arrived in Seattle on September 22nd. The same evening Xi attended the welcome banquet hosted by National Committee on United States-China Relations and delivered his only public policy speech of his U.S. visit. Perfect World CEO and director at the National Committee on United States-China Relations Robert Hong Xiao, former U.S. Secretary of State Henry Kissinger, together with several other companies executives and private individuals who have made meaningful contributions to the development of the Sino-America relations, had accepted the invitation and taken part in the banquet.


          After listening to President Xi's speech, the Perfect World CEO said that the firm has been actively promoting the communication and integration of Chinese culture in particular and the world's many cultures in general since its inception. Now that the American and Chinese cultures have become two of the world's mainstream cultures, the two sides' efforts at cultural exchange is of great significance for both countries and the world.

          As an international Internet-based cultural entertainment firm, Perfect World is ready and willing to shoulder its responsibility. The company is pleased to be the practitioner and the driver of cultural exchanges between China and the United States and to continue to make contributions in this area. The CEO further explained that Perfect World has been using the games as a medium to promote and give a global presence to Chinese culture from the day the firm opened its doors for business. Today, Perfect World's products have found their way into over 100 countries and regions. The game developer has set up branches in North America and in other locales worldwide as well as acquired locally renowned workshops in many countries in a move to build a localized research and development and operating platform, further contributing to the communication and integration of Chinese and American cultures.

          In recent years, Perfect World has undertaken great efforts in expanding exchanges and cooperation with the United States in the field of humanities. At the end of 2014, Perfect World gave its full support to a Sino-US project named Access China, a flagship youth exchange flagship project between the two countries. Early in 2015, the firm proudly launched the Global Youth Leadership Laboratory project. In June 2015, China's Vice Premier Minister Liu Yandong met with representatives from Perfect World and the first young American representatives from the Access China project. Looking forward, Perfect World expects to play a more important role in promoting cultural exchanges as well as other forms of cooperation in the field of culture between China and the United States.


PRNewswire

SSAB เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Hardox ในแบบแท่งกลม!

          SSAB เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Hardox ในแบบแท่งทรงกลมพร้อมคุณสมบัติที่รับประกันได้เช่นเดิม Hardox ในแบบแท่งกลมนำเสนอการทำให้เย็นและแข็งที่รองรับระดับแรงดึงและมีความแข็งสูง ซึ่งเป็นความเป็นไปได้ใหม่สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นและมีน้ำหนักเบาขึ้น


          แท่งกลมของ Hardox เช่น หมุด สามารถนำไปใช้ในกระบะของรถขุด การใช้งานแท่งทรงกลมชนิดใหม่นี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับขั้นตอนการทำงานต่างๆ เช่น การขึ้นรูป การเชื่อม และการขัดเงา

          สามารถดูข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่ http://photos.prnasia.com/prnk/20150916/8521506089

          ติดต่อ:
          Kris Chua
          โทร: +65-9299-1622
          อีเมล: kris.chua@ssab.com

          Hardox ในแบบแท่งกลม

พีอาร์นิวส์ไวร์

SSAB Introducing Hardox in Round Bars!

          SSAB is introducing Hardox in round bars with the same guaranteed properties as in plate. Hardox round bars, delivered quenched and tempered to high tensile strength and hardness levels, represent entirely new possibilities for stronger and lighter product design.


          Hardox round bars, such as pins can be used in excavator buckets. The use of these new bars also gives possibilities to optimize workshop procedures such as machining, welding and polishing.

          Full version of press release can be found at: http://photos.prnasia.com/prnk/20150916/8521506089 .

          Contact:
          Kris Chua
          +65-9299-1622
          kris.chua@ssab.com

  Hardox in Round Bars

PRNewswire

Tuesday, September 29, 2015

Wim Tellier บอกเล่าเรื่องราวจากทั่วโลกผ่านภาพถ่ายขนาด 3,000 ตารางเมตรในโปรเจคท์ “TIME”


          Wim Tellier คือนักสร้างสรรค์ผลงานศิลปะขนาดใหญ่ ด้วยการนำภาพถ่ายจากสถานที่ต่างๆมาต่อกันเป็นภาพขนาดมหึมา ศิลปินผู้นี้มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติจากหลากหลายผลงาน เช่น โปรเจคท์ "We Wish" ในปี 2549 ที่เขาได้สร้างสรรค์ภาพลูกชายของตนเองในขนาด 600 ตารางเมตร และนำไปจัดแสดงตามเมืองต่างๆ โดยมีซานตาโมนิกาเพียร์ในลอสแองเจลิสเป็นสถานที่ล่าสุด ขณะที่โปรเจคท์ "Protect 7-7" ในปี 2552 ประกอบด้วยภาพขยายของคนขนาด 800 ตารางเมตร จำนวน 6 ภาพ ซึ่งถือเป็นศิลปะจัดวางที่เกิดขึ้นครั้งแรกในทวีปแอนตาร์กติกา จากนั้นในปี 2556 ก็มีโปรเจคท์ "We Drift" ศิลปะจัดวางที่ประกอบไปด้วยภาพขนาด 16 ตารางเมตร จำนวน 1,000 ภาพ ซึ่งจัดแสดงในแม่น้ำ และในปี 2557 เขาได้ร่วมมือกับแคนนอน (Canon) รังสรรค์ศิลปะจัดวาง 2 ชิ้นในเทศกาลดนตรี Tomorrowland โดยผลงานหนึ่งชิ้นต้องใช้กล้อง 46 ตัว เพื่อเก็บภาพหมู่ที่โดดเด่นที่สุดภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์

          Wim Tellier เปิดโลกทัศน์ผ่านโปรเจคท์ใหม่ "TIME"

          ณ ชายหาดในเมือง Knokke-Heist ประเทศเบลเยียม ศิลปินผู้นี้ได้สร้างสรรค์ผลงานภาพทรงกลมขนาด 3,000 ตารางเมตร โดยองค์ประกอบหลักของภาพคือปูใกล้สูญพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวจริงไม่ต่ำกว่า 1,000 เท่า ส่วนพื้นหลังคือภาพวิวทิวทัศน์แบบฟิชอายที่ Wim Tellier ถ่ายมาจากทั่วโลก ซึ่งภาพเหล่านี้จะเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับผู้ที่ได้ชม

          การเตรียมภาพและการคำนวณขนาดในโปรเจคท์นี้ถือเป็นการบุกเบิกและการปฏิวัติวงการก็ว่าได้ เนื่องจากไฟล์ภาพมีขนาดมหึมาเกิน 400 กิกะไบต์ และเพื่อให้ได้ภาพที่มีความละเอียดขนาดนี้ ทางแคนนอนได้พิมพ์ภาพออกมา 56 ส่วน ซึ่งสามารถนำมาวางต่อกันได้พอดี และภาพทั้งหมดมีน้ำหนักรวมกันถึง 1,800 กิโลกรัม

          ภาพในโปรเจคท์ "TIME" จะจัดแสดงที่หน้าคาสิโนบนชายหาดในเมือง Knokke-Heist ประเทศเบลเยียมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ จะมีการจัดวางลูกบาศก์ความสูง 4 เมตร จำนวน 5 อัน เพื่อเปรียบเทียบขนาดกับภาพขนาดใหญ่นี้ คนทั่วไปสามารถเดินบนภาพขนาดมหึมาเพื่อชมภาพฟิชอายมากมายที่เป็นฉากหลังได้ และทรายที่ติดมากับรองเท้าก็จะทำให้ภาพบางส่วนเสียหาย ซึ่งเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ถึงการกระทำของมนุษย์ที่กระทบต่อธรรมชาติ ภายหลังเสร็จสิ้นการแสดงผลงาน ภาพที่ได้รับความเสียหายในเชิงสัญลักษณ์นี้จะถูกตัดแบ่งเป็น 12 ส่วน จากนั้น Wim Tellier จะนำชิ้นส่วนเหล่านี้มาต่อรวมกัน ณ สถานที่สำคัญ 12 แห่งทั่วโลกด้วยตัวเอง

          สถานที่แต่ละแห่งจะบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ที่มีต่อโลกใบนี้

          แหล่งข่าว: Wim Tellier

พีอาร์นิวส์ไวร์


Project TIME: A 3000 m2 Picture to Tell a Global Story by Wim Tellier


          The artist Wim Tellier makes large-scale art installations by integrating photos in environments as a form of landscape art. He garnered international acclaim with the following art projects:  "We Wish" in 2006, in which he made a 600 msquared blow-up of his son and integrated it in various cities, with the Santa Monica Pier in Los Angeles as the latest prime location; "Protect 7-7" in 2009, the first art installation on Antarctica consisting of six 800 msquared blow-ups; in 2013, "We Drift", an art installation consisting of 1000 photos of 16 msquared which people could view through a natural force, a tidal river. In 2014, in cooperation with Canon, he completed two art installations on Tomorrowland. One installation involved 46 cameras, in order to make it one of the most unique group portraits of all time.

          Wim Tellier expanded his focus with his new art project "TIME ".

          On the beach at Knokke-Heist, Belgium he integrated a 3,000 msquared circular image. It is a picture with double imaging, with its main subject a vulnerable crab magnified at least 1,000 times its original size. The background consists of fish-eye photos of unique landscapes for which Wim Tellier travelled the globe. These images are designed to give spectators an open view of the world.

          The graphic and logistical aspect of the project is pioneering and revolutionary. The photo file exceeds 400 gigabytes! Given this gigantic resolution, Canon printed the image in 56 pieces that were later seamlessly welded to each other. The photo weighs 1,800 kg.

          The "TIME " photo can be seen for two weeks in front of the casino on the beach at Knokke-Heist, Belgium. To represent the dimensions of the blow-up there are 5 cubes, each 4 m high. The general public can walk over the photo to admire the fish-eye photos. Without knowing it, they will contribute to the partial destruction of the artwork through the sand on their shoes. It is difficult to conceive of a more striking illustration of man's ecological footprint. After the exhibition, the conceptually damaged image will be cut into 12 wedges. Then, Wim will personally integrate the wedges at 12 prime locations around the world.

          Each location will tell its own, unique story to demonstrate man's impact on the planet.

          Source: Wim Tellier

PRNewswire


รางวัล "LUI Che Woo Prize" เชิดชูผู้สร้างความศิวิไลซ์ให้โลกใบนี้

          -- รางวัลระดับโลกที่มีเงินรางวัลรวม 60 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 7.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมเชิดชูความสำเร็จของบุคคลหรือองค์กรที่ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นและมีความยั่งยืนมากขึ้น

          LUI Che Woo Prize - Prize for World Civilisation เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ พร้อมเปิดรับการเสนอชื่อผู้เข้าชิงรางวัลจากทั่วโลก รางวัลประจำปีสุดยิ่งใหญ่นี้ถือเป็นรางวัลแรกที่ผนวกรวมการสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน การยกระดับความเป็นอยู่ของมนุษย์ และการส่งเสริมพลังงานด้านบวกเข้าไว้ด้วยกัน

          รับชมข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: http://www.prnasia.com/mnr/lcw_201509.shtml

          งานเปิดตัวที่ฮ่องกงมีผู้ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยานมากมาย ทั้งเหล่าผู้นำธุรกิจ นักวิชาการ ผู้นำทางศาสนาราว 500 ท่าน กงสุลใหญ่กว่า 20 ท่าน รวมถึงสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนแขกผู้ทรงเกียรติอย่าง Mr. K C Chan รัฐมนตรีคลังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง Ms. Qiu Hong รองผู้อำนวยการสำนักประสานงานประจำรัฐบาลฮ่องกง Mr. Song Ru'an รองกรรมาธิการประจำสำนักกรรมาธิการ สังกัดกระทรวงต่างประเทศเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และ Mr. Eddie Ng Hak-kim รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

          รางวัลนี้ริเริ่มขึ้นโดย Dr. LUI Che Woo นักธุรกิจผู้สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง และถือเป็นก้าวสำคัญของพันธกิจที่เขาทุ่มเทมาตลอดทั้งชีวิต นั่นคือ การอุทิศตนทำประโยชน์ให้กับสังคม

          รางวัล LUI Che Woo Prize จะยกย่องเชิดชูความสำเร็จของบุคคลหรือองค์กรที่มีความโดดเด่น โดยผู้ได้รับรางวัลในแต่ละสาขาจะได้รับเงินรางวัลสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 2.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวมถึงประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัล โดยจะมีการมอบรางวัลในช่วงครึ่งหลังของปี 2559

          ในแต่ละปีจะมีการมอบรางวัล 3 สาขาด้วยกัน โดยมีเงินรางวัลรวมกันสูงถึง 60 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 7.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

          Dr. LUI Che Woo ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล กล่าวว่า "ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้มอบรางวัล LUI Che Woo Prize - Prize for World Civilisation เพื่อเป็นของขวัญให้กับโลกใบนี้ รางวัลนี้จะยกย่องเชิดชูผู้ที่สร้างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม รวมถึงสร้างความศิวิไลซ์ให้กับโลกและสร้างความสมานฉันท์ในสังคม โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ สัญชาติ ประเทศ วัฒนธรรม หรือศาสนา ผมต้องการมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคน พร้อมกับสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างความดี ความงดงาม และความสมานฉันท์ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมืองที่ท้าทายทั่วโลก ผมจึงจัดตั้งรางวัลนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนคุณค่าเหล่านี้"

          LUI Che Woo Prize ประกอบด้วยรางวัล 3 สาขาที่มอบให้แก่หลายภาคส่วน โดยจุดสนใจพิเศษของแต่ละสาขาจะเปลี่ยนไปทุกปี สำหรับรางวัลครั้งปฐมฤกษ์ประจำปี 2559 เปิดรับการเสนอชื่อผู้เข้าชิงรางวัลตามจุดสนใจพิเศษของแต่ละสาขาดังต่อไปนี้

          1. รางวัลสาขา 1: การพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน
          จุดสนใจพิเศษ: อุปทานอาหารโลก: ความปลอดภัยและความมั่นคง

          2. รางวัลสาขา 2: การยกระดับความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ
          จุดสนใจพิเศษ: การรักษา และ/หรือ การควบคุมโรคระบาด โรคติดเชื้อ หรือโรคเรื้อรัง

          3. รางวัลสาขา 3: การส่งเสริมทัศนคติที่ดีและกระตุ้นพลังงานด้านบวก
          จุดสนใจพิเศษ: บุคคลหรือองค์กรที่มีบทบาทในการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลัง และมอบความหวังให้กับผู้อื่น

          นอกจาก Dr. LUI แล้ว คณะกรรมการตัดสินรางวัลยังประกอบด้วยผู้มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน ได้แก่ The Hon. Tung Chee-hwa, Dr. Condoleezza Rice, Dr. James Wolfensohn และ Dr. Rowan Douglas Williams

          Dr. Condoleezza Rice อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่า "เราจำเป็นต้องมองโลกในแง่ดีว่า เราทุกคนล้วนมีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับโลกใบนี้ ดิฉันมีความยินดีที่รางวัลนี้จะได้เชิดชูเกียรติบุคคลที่เป็นผู้นำและเป็นแรงบันดาลใจ ผู้ที่ริเริ่มโครงการใหม่ๆเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของมวลมนุษยชาติ"

          มหาวิทยาลัย สถาบันวิชาการ และองค์กรผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 แห่ง จะได้รับเชิญให้ร่วมเสนอชื่อผู้เข้าชิงรางวัลทั้ง 3 สาขา โดยผู้เข้าชิงจะต้องผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวดจากคณะกรรมการ 3 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการคัดเลือก คณะกรรมการที่ปรึกษา และคณะกรรมการตัดสิน ในเบื้องต้นผู้เข้าชิงจะได้รับการประเมินโดยคณะกรรมการคัดเลือกของรางวัลแต่ละสาขา ก่อนจะได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมการที่ปรึกษาในขั้นต่อไป

          ในขั้นสุดท้าย คณะกรรมการตัดสินจะตัดสินผู้ได้รับรางวัลในแต่ละสาขา จากรายชื่อที่ทางคณะกรรมการที่ปรึกษาเสนอให้ โดยสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาประกอบด้วย Prof. Lawrence J. Lau, Prof. Sir Colin Lucas, Dr. Mo Yan, Dr. Heather Munroe-Blum, Prof. Andrew Yao และ Prof. Wen-hsin Yeh

          รางวัล LUI Che Woo Prize มีรากฐานมาจากความเห็นอกเห็นใจ ความมุ่งมั่น ความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ และความสมานฉันท์ รางวัลนี้จัดขึ้นโดยบริษัท LUI Che Woo Prize Limited (หรือ Prize Company) และคณะกรรมการบริหารซึ่งประกอบด้วย Dr. LUI, Prof. Lap-Chee Tsui, Prof. Frederick Ma Si-hang และ Dr. Moses Cheng Mo-Chi โดย Dr. LUI ได้อัดฉีดสินทรัพย์มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกงเข้าสู่ Prize Company เพื่อเป็นทุนตั้งต้น ซึ่งจะช่วยให้การมอบรางวัลและการพัฒนารางวัลเป็นไปอย่างยั่งยืน

          รางวัล LUI Che Woo Prize เปิดรับการเสนอชื่อผู้เข้าชิงรางวัลจากทั่วโลก โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา หรือสัญชาติ เพื่อให้ผู้คนจากทุกวัฒนธรรมทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ดีว่าเดิม

          เกี่ยวกับรางวัล LUI Che Woo Prize

          "LUI Che Woo Prize - Prize for World Civilisation" ซึ่งริเริ่มโดย Dr. LUI Che Woo เป็นรางวัลประจำปีระดับโลกรางวัลแรกที่มอบให้ทุกภาคส่วนที่มีส่วนสร้างความศิวิไลซ์ให้กับโลกและสร้างความสมานฉันท์ในสังคม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกย่องเชิดชูบุคคลหรือองค์กรทั่วโลกที่ได้อุทิศตนและสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย 3 ประการ ได้แก่ การพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน การยกระดับความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ และการส่งเสริมทัศนคติที่ดีและกระตุ้นพลังงานด้านบวก

          www.luiprize.org

          Video - http://static.prnasia.com/pro/media/201509/lcw/lcw.mp4
          Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20150925/8521506189-a
          Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20150925/8521506189-b
          Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20150925/8521506189-c
          Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20150925/8521506189-d

          คำบรรยายภาพ:
          Dr. LUI Che Woo และแขกผู้มีเกียรติ ดื่มฉลองการเปิดตัวรางวัล LUI Che Woo
          Dr. LUI Che Woo กล่าวสุนทรพจน์ในงานเปิดตัวรางวัล LUI Che Woo Prize
          (จากซ้าย) Ms. Anna Wu Hung-yuk พิธีกรของงาน, Dr. LUI Che Woo, Dr.
          (จากซ้าย) Prof. Frederick Ma Si-hang, Dr. LUI Che Woo, Prof. Lawrence J.

          พีอาร์นิวส์ไวร์


Unveiling of LUI Che Woo Prize Marks a New Chapter in the Progress of World Civilisation

          - An international award totaling HK$60 million (around US$7.75 million) in Prize money to honour achievements which make the world a better and more sustainable place

          The LUI Che Woo Prize - Prize for World Civilisation ('the Prize' or 'the LUI Che Woo Prize') today celebrated its official launch, by calling for nominations to be submitted for the Prize from around the world. The annual prize is the first of its kind to make a global call for a combination of a sustainable future, improvements in human welfare and a promotion of positive energy.

          To view the Multimedia News Release, please click: http://www.prnasia.com/mnr/lcw_201509.shtml

          Around 500 business leaders, academics, religious leaders, more than 20 consuls general, as well as local and international media gathered in Hong Kong for the event. Guests included Mr. K C Chan, Secretary for Financial Services and the Treasury of Hong Kong SAR; Ms. Qiu Hong, Deputy Director of the Liaison Office of the Central People's Government in Hong Kong; Mr. Song Ru'an, Deputy Commissioner of the Commissioner's Office of Ministry of Foreign Affairs in HKSAR and Mr. Eddie Ng Hak-kim, Secretary for Education of Hong Kong SAR.

          Founded by Dr. LUI Che Woo, a distinguished self-made entrepreneur, the Prize marks a sizable step in a lifelong mission to contribute good work and benevolence in society.

          The LUI Che Woo Prize will recognise and honour achievements made by outstanding individuals or organisations. The laureate in each Prize Category will be presented with a cash award of HK$20 million (around US$2.56 million), a certificate and a trophy in the second half of 2016.

          There will be three Prizes awarded annually, with a total of HK$60 million (around US$7.75 million) awarded to the awardees.

          Dr. LUI Che Woo, Founder and Chairman of the Board of Governors cum Prize Council, said, "I'm more than excited to present The LUI Che Woo Prize - Prize for World Civilisation as a gift to the world. The Prize honours innovation and scientific advancements, as well as contributions to world civilisation and social harmony. This is a prize for people irrespective of their race, nationality, geography, culture or religion. In face of a challenging global economic and geopolitical environment, my wish is to deliver well-being to people and to create the conditions where goodness, beauty and harmony can thrive. I am doing this by launching a prize that embraces and promotes these values."

          The LUI Che Woo Prize is cross-sector and consists of three Prize Categories. The Specific Area of Focus of each Prize Category will change every year. For the first Prize in 2016, nominations in these Specific Areas of Focus within each of the three Prize Categories can be submitted:

          1.       Prize Category 1: Sustainable development of the world
          Specific Area of Focus: World Food Supply: Safety and Security

          2.       Prize Category 2: Betterment of the welfare of mankind
          Specific Area of Focus: Treatment and/or control of epidemics, infectious diseases or chronic illnesses

          3.       Prize Category 3: Promotion of positive life attitude and enhancement of positive energy
          Specific Area of Focus: Individuals or organisations whose behaviour and achievement inspire, energise and give hope to others

          Along with Dr. LUI, the Prize Council also comprises prominent individuals including The Hon. Tung Chee-hwa, Dr. Condoleezza Rice, Dr. James Wolfensohn and Dr. Rowan Douglas Williams.

          Dr. Rice, former United States Secretary of State, said, "It is important for us to be optimistic that we can all do some good for the world. I'm glad to see the Prize is finally in place to recognise someone who has been an extraordinary leader and an inspiration, who can encourage new initiatives of contribution for the benefit of the well-being of mankind."

          More than 1,000 universities, academic institutions and professional organisations will be invited to submit nominations. Each Prize awardee will be selected carefully by a three-tier structure, comprising the Prize Council, the Prize Recommendation Committee and the Selection Panels of the three Prize Categories. Nominations will be assessed by one of the three Selection Panels before being reviewed by the Prize Recommendation Committee.

          The Prize Council is in charge of the final decision for choosing the Prize awardees from the recommended nominee list for each of the three Prize Categories. Members of the Prize Recommendation Committee include Prof. Lawrence J. Lau, Prof. Sir Colin Lucas, Dr. Mo Yan, Dr. Heather Munroe-Blum, Prof. Andrew Yao and Prof. Wen-hsin Yeh.

          The LUI Che Woo Prize has its roots in traditional values of empathy, perseverance, love of humanity and harmony. The Prize is administered by LUI Che Woo Prize Limited ('Prize Company') and its Board of Governors comprises Dr. LUI, Prof. Lap-Chee Tsui, Prof. Frederick Ma Si-hang and Dr. Moses Cheng Mo-Chi. Dr. LUI has injected assets in the value of HK$2 billion into the Prize Company as its first funding to support the sustainable development and operation of the Prize.

          The Prize is now open to global nominations from invited nominators, regardless of their race, religion or nationality. The LUI Che Woo Prize has the aim to bring together people from around the world and across cultures to work together for the betterment of the world.

          About LUI Che Woo Prize

          Founded by Dr. LUI Che Woo, the "LUI Che Woo Prize - Prize for World Civilisation" is an annual, first of its kind international cross-sector innovative award for advancing world civilisation and inspiring people to build a more harmonious world.  It aims to recognise and honour individuals or organisations all over the world with outstanding contributions and encourages the continuation of that work in three objectives: sustainable development of the world, betterment of the welfare of mankind and promotion of positive life attitude and enhancement of positive energy.

          www.luiprize.org

          Video - http://static.prnasia.com/pro/media/201509/lcw/lcw.mp4
          Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20150925/8521506189-a
          Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20150925/8521506189-b
          Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20150925/8521506189-c
          Photo - http://photos.prnasia.com/prnh/20150925/8521506189-d

          Photo Caption:
          Dr. LUI Che Woo (centre) and guests toast to the launch of The LUI Che Woo Prize.
          Dr. LUI Che Woo talks about his vision at the LUI Che Woo Prize Launch Ceremony.
          (From left) Ms. Anna Wu Hung-yuk, moderator, Dr. LUI Che Woo, Dr. Condoleezza Rice and Prof. Lawrence J. Lau at the panel discussion.
          (From left) Prof. Frederick Ma Si-hang, Dr. LUI Che Woo, Prof. Lawrence J. Lau and Dr. Moses Cheng Mo-chi discuss the uniqueness of the LUI Che Woo Prize.

          PRNewswire


G2A ชวนคอเกมลุ้นทริปสุดหรูสู่มัลดีฟส์ พร้อมชมการแข่งขันเกมสุดมัน


          G2A ตลาดเกมดิจิตอลที่โตเร็วที่สุดในโลก ชวนคอเกมลุ้นทริปเข้าชมการแข่งขัน World Series of Video Games Maldives 2015 สำหรับ 2 ท่านฟรีตลอดทริป มอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้คอเกมได้นั่งชิลๆบนเก้าอี้ชายหาดและชมการแข่งขันเกมสุดมันท่ามกลางความงดงามของสวรรค์เมืองร้อน สำหรับการแข่งขัน WSVG World Championship 2015 รอบชิงชนะเลิศนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-10 ตุลาคม โดย 8 ผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดจะต้องประชันกันตัวต่อตัวแบบพบกันหมด ซึ่งแต่ละคนจะได้โชว์ทักษะใน 4 เกมสุดคลาสสิค ได้แก่ Age of Empires II: The Conquerors, StarCraft II: Heart of the Swarm, Hearthstone: Heroes of Warcraft และ FIFA 15

          ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ผู้ที่คว้ารางวัลจาก G2A จะได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งเดียวในชีวิต ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์เกมที่รายล้อมไปด้วยความหรูหราสไตล์มัลดีฟส์ นอกจากนี้ คอเกมยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลบัตรของขวัญมูลค่า 10 ยูโรจาก G2A จำนวน 30 รางวัลด้วย

          แจกเกอลีน เพอร์เซล เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของ G2A เปิดเผยว่า "รางวัลสุดเจ๋งนี้มีมูลค่ามากกว่า 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ และคุณสามารถร่วมลุ้นรับรางวัลได้ตั้งแต่วันนี้"

          กิจกรรมลุ้นรางวัลนี้จะหมดเขตในเวลา 6.00 น. (ตามเวลา CET) ของวันที่ 29 กันยายน ท่านที่ต้องการร่วมกิจกรรมต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

          1.) ล็อกอินบัญชี G2A ของตนเอง หรือสร้างบัญชีใหม่
          2.) กดติดตาม G2A.COM และ WSVG บนทวิตเตอร์
          3.) กดไลค์ G2A.COM และ WSVG บนเฟสบุ๊ก

          ประกาศผลผู้ได้รับรางวัลในวันที่ 29 กันยายน ทาง Contest Page และโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้แก่

          https://www.facebook.com/G2Acom 
          https://twitter.com/G2A_com 

          เกี่ยวกับ G2A

          G2A เป็นตลาดเกมดิจิตอลระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจและการการันตีคุณภาพ ซึ่งพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งเกม การบริหารจัดการ การเงิน ประชาสัมพันธ์ และการตลาด G2A ทำงานหนักทุกวันเพื่อสร้างแพลตฟอร์มดิจิตอลที่โดดเด่นที่สุดสำหรับคอเกมทุกคน โดยทุ่มเงินลงทุนกว่า 20 ล้านยูโรในด้านการวิจัยและพัฒนาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นหลักประกันว่าเกมออนไลน์ของบริษัทจะมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ G2A คือผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกมดิจิตอลอันดับ 1 ของโลกบน eBay มีผู้ใช้แพลตฟอร์มของบริษัทมากกว่า 6 ล้านคน และมีการซื้อขายกว่า 5 ล้านครั้งทั่วโลกในปี 2557 ขณะที่เดือนพฤษภาคม 2558 เดือนเดียวมีการซื้อขายมากกว่า 700,000 ครั้ง

          รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.g2a.com/winatrip 

          แหล่งข่าว: G2A

พีอาร์นิวส์ไวร์


G2A Invites Fans to WIN a Luxury Island Holiday for Two


          G2A, the world's fastest growing digital gaming marketplace, is excited to announce its latest giveaway: an all-expenses paid trip for two to attend the World Series of Video Games Maldives 2015. With its WSVG World Championship contest, G2A wants to give gamers the exclusive opportunity to experience epic gaming contests in the splendour of a tropical utopia, from the comfort of a beach chair nestled in the Maldives' pristine, sandy beaches. The Final Stages of the WSVG World Championship 2015 will be held from October 5- 10, 2015. In a one-to-one tournament, pitting all Top 8 contestants against each other, players will demonstrate their skill in four classic games: Age of Empires II: The Conquerors, StarCraft II: Heart of the Swarm, Hearthstone: Heroes of Warcraft and FIFA 15.

          For an entire week, the G2A winners will have the once-in-a-lifetime chance to be a part of gaming history, surrounded by Maldivian luxury. 30 G2A gift cards valued at 10 EUR could also be won.

          G2A Public Relations Jacqueline Purcell said, "This awesome prize is worth in excess of $8 thousand USD. Enter now to stand a chance to win".

          The contest is open for entries until the 29th September at 06:00 CET. To enter, contestants must:

          a) Login to their G2A account, or create a new one
          b) Follow G2A.COM and WSVG on Twitter 
          c) Like G2A.COM and WSVG on Facebook

          Winners will be announced on the 29th September on the Contest Page and on social media:

          https://www.facebook.com/G2Acom 
          https://twitter.com/G2A_com  

          About G2A

          G2A is a trusted & certified global digital marketplace developed by professionals in diverse fields including gaming, management, finance, public relations and marketing. Every day G2A works hard towards creating the most outstanding digital platform for all video game enthusiasts, investing more than 20 million Euros in research and development over the last two years to ensure secure and guaranteed online initiatives. G2A is the global number 1 seller on eBay for digital gaming products. It has over 6 million unique users, and had more than 5 million transactions worldwide in 2014, with over 700 thousand in May 2015 alone.

          Visit https://www.g2a.com/winatrip for more details.

          Source: G2A

PRNewswire


Desso ได้รับการรับรองคุณภาพระดับ Cradle to Cradle(R) Gold

          - ผู้ผลิตพรมปูพื้นรายแรกของโลกที่ได้รับการรับรองคุณภาพระดับ C2C Gold

          Desso ผู้ผลิตพรมชั้นแนวหน้าของโลก (บริษัทในเครือของ Tarkett Group) บรรลุความก้าวหน้าครั้งสำคัญบนเส้นทาง Cradle to Cradle(R) (C2C) โดยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตพรมปูพื้นรายแรกของโลกที่ได้รับการรับรองคุณภาพระดับ Cradle to Cradle(R) Gold สำหรับพรมปูพื้นคอลเลคชั่นใหม่ การรับรองคุณภาพระดับ Gold นี้เป็นผลจากการทำงานหนักและความทุ่มเทตลอดระยะเวลาเจ็ดปี ซึ่งได้รับการผลักดันจากเป้าหมายในการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนตามแนวคิดแบบ C2C โดยพรมปูพื้นคอลเลคชั่นใหม่จะเปิดวางจำหน่ายในตลาดสำคัญๆในเดือนตุลาคม 2558


          พรมปูพื้นชุด 'Gold Collection' ใหม่ล่าสุดมาพร้อมกับฐานพรมแบบ EcoBase(TM) ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต (ชอล์ก) จากบรรดาผู้ผลิตน้ำดื่มในพื้นที่ ซึ่งได้รับการปรับโครงสร้างเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% ในกระบวนการผลิตของ Desso นอกจากนี้ พรมปูพื้นคอลเลคชั่นใหม่ยังประกอบไปด้วย ECONYL(R) อันเป็นไนลอนที่สังเคราะห์ขึ้นใหม่จากเศษวัสดุเหลือใช้ อย่างเศษด้ายจากโรงงาน Refinity(R) ของ DESSO เอง

          ผลิตภัณฑ์ในพรมปูพื้นชุด Gold Collection ของ Desso มีคุณสมบัติดังนี้:

          - วัสดุคุณภาพเยี่ยม[1] 100%
          - ใยสังเคราะห์ 100% (ECONYL(R))
          - วัสดุรีไซเคิล[2] 80% โดยเฉลี่ย
          - วัสดุเหลือใช้จากกระบวนการอื่นๆ 52% โดยเฉลี่ย
          - ค่า VOC ต่ำ[3]
          - เป็นไปตามเกณฑ์ของ LEED v4[4]        

          ในการบรรลุความก้าวหน้าครั้งสำคัญนี้ Desso จำเป็นต้องผ่านกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ที่มีอยู่มากมายตามข้อกำหนดใน Cradle to Cradle Certified (TM) Product Standard โดยเป็นการดำเนินงานเพื่อก่อให้เกิดนวัตกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า 'การออกแบบอย่างมีจุดมุ่งหมาย' ก็นับเป็นการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง และในขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของมนุษย์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการรับรองโดยสถาบัน Products Innovation Institute ซึ่งเป็นองค์กรอิสระในสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากพรมปูพื้นคอลเลคชั่นใหม่นี้แล้ว ผลิตภัณฑ์พรมปูพื้นของ Desso ที่วางจำหน่าย 93% ได้รับการรับรองมาตรฐาน Cradle to Cradle(R) เช่นกัน ในระดับ Bronze หรือ Silver โดยแตกต่างไปตามชนิดของฐานพรม

          Desso ดำเนินธุรกิจบนเส้นทางเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนมาตั้งแต่ปี 2551 ตามหลักการของ Cradle to Cradle(R) ซึ่งเปิดโอกาสให้บรรดาผู้ผลิตสามารถผลิตสินค้าที่ได้รับการออกแบบให้มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์มากกว่าหนึ่ง ท่ามกลางกระบวนการหมุนเวียนปิดแบบปลอดสารพิษที่กำลังเกิดขึ้นและได้รับแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องจากพลังงานหมุนเวียน ด้วยเหตุนี้เศรษฐกิจแบบหมุนเวียนจึงช่วยให้เราสามารถรับมือกับความท้าทายสำคัญที่กำลังปรากฏให้เห็นทั่วโลก ทั้งความขาดแคลนทรัพยากร ความเป็นพิษ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โมเดลธุรกิจที่ใส่ใจต่อธรรมชาตินี้ได้เข้ามาแทนระบบการผลิตแบบเดิมๆ ซึ่งทำได้เพียง 'นำเข้า ผลิต และทิ้ง'

          จากการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ [5] พบว่า เศรษฐกิจแบบหมุนเวียนสามารถนำมาซึ่งเม็ดเงินสูงถึงหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ด้วยการใช้วัสดุอย่างชาญฉลาด

          Desso มีความมุ่งมั่นในการก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการดำเนินธุรกิจตามมาตรฐาน Cradle to Cradle(R) อันเป็นหลักการที่ริเริ่มขึ้นโดยดร.ไมเคิล บราวน์การ์ท นักเคมีชาวเยอรมัน และนายวิลเลียม แม็คดอนนาห์ สถาปนิกชาวสหรัฐ ซึ่งเชิญชวนให้บริษัทต่างๆหันมาให้ความสำคัญต่อวัสดุที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม ระบบและกระบวนการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ ระบบควบคุมดูแลน้ำที่ดี ตลอดจนความยุติธรรมในสังคม และพลังงานหมุนเวียน

          "ด้วยวิสัยทัศน์และความทุ่มเทอย่างหนักจากบุคลากรและผู้ถือผลประโยชน์ของเรา เราจึงมีความยินดีที่ได้บรรลุความก้าวหน้าครั้งสำคัญนี้ในการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน" คุณโรแลนด์ จองคอฟฟ์ กรรมการผู้จัดการของ Desso และรองประธานฝ่ายธุรกิจพรมประจำภูมิภาค EMEA ของ Tarkett กล่าว "นอกจากนี้ นวัตกรรมที่มีส่วนสำคัญในการก้าวขึ้นเป็นบริษัท C2C นั้น ยังคงสานต่อบทบาทสู่ความสำเร็จในการวางจำหน่าย ทั้งหมดนี้แสดงให้เราและผู้อื่นเห็นว่า การดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจควบคู่กับเป้าหมายด้าน CSR อันแข็งแกร่ง นับเป็นรากฐานสู่ความสำเร็จในการทำเงิน"

          เกี่ยวกับ Desso(R)
          Desso เป็นบริษัทชั้นนำด้านพรม พรมปูพื้น และสนามกีฬา ในเครือของ Tarkett โดยมีการดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์รองรับการใช้งานตามสำนักงาน สถาบันการศึกษา สถานบริการสุขภาพ หน่วยงานรัฐ ครัวเรือน และรวมถึงโรงแรม เรือสำราญ สายการบิน และสโมสรฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลีก Desso มีพันธกิจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกระดับสภาพแวดล้อมภายในอาคาร เพื่อส่งเสริมสุขอนามัยและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน แนวคิดดังกล่าวได้รับแรงขับเคลื่อนโดยแผนกระตุ้นนวัตกรรมของบริษัท ตามหลักการสำคัญสามประการ อันได้แก่ พลังสร้างสรรค์ คุณสมบัติ และการออกแบบตามมาตรฐาน Cradle to Cradle(R) ซึ่งเป็นรากฐานในการก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถรับชมได้ที่ http://www.desso.com

          เกี่ยวกับ Tarkett
          Tarkett เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมโซลูชั่นที่มีความยั่งยืนสำหรับการปูพื้นและติดตั้งพื้นสนามกีฬา กลุ่มบริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นไวนิล พรมน้ำมัน พรม ยาง ไม้และลามิเนต หญ้าเทียม และลู่วิ่ง โดยให้บริการลูกค้าในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ด้วยพนักงาน 12,000 รายและโรงงานอีก 34 แห่ง Tarkett มียอดจำหน่ายวัสดุปูพื้นถึง 1.3 ล้านตารางเมตรในแต่ละวัน ทั้งตามโรงพยาบาล โรงเรียน ที่อยู่อาศัย โรงแรม สำนักงาน ร้านค้า และสนามกีฬา กลุ่มบริษัทมีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยดำเนินกลยุทธ์ส่งเสริมนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน Tarkett มียอดขายสุทธิ 2.4 พันล้านยูโรในปี 2557 จากการดำเนินงานในยุโรป อเมริกาเหนือ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช เอเชียแปซิฟิก และละตินอเมริกา ทั้งนี้ Tarkett จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris (compartment A, ticker TKTT, ISIN: FR0004188670) http://www.tarkett.com

          --------------------------------------------------

          1. คุณภาพเยี่ยม = วัสดุทั้งหมดได้รับการประเมินในขั้นสีเขียว (เหมาะสม) หรือสีเหลือง (พอใช้) ตามเกณฑ์ประเมินของ Cradle to Cradle(R) ดังที่ระบุไว้ใน Cradle to Cradle(R) CertifiedCM Product Standard Version 3.1

          2. ตามมาตรฐานของ Cradle to Cradle Certified(TM) Product Standard

          3. ตามมาตรฐานของ Cradle to Cradle Certified(TM) Product Standard ซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องมีค่า TVOC ต่ำกว่า 0.5 mg/m3 มีค่า Individual VOCs ต่ำกว่า (0.01) x [the lower of the TLV or MAK value] โดยมี Time Point ทั้งสิ้น 7 วัน

          4. http://www.usgbc.org/node/2616399?view=language

          5. รายงานวิจัยหัวข้อ Towards the circular economy, volumes 1-3, Ellen MacArthur Foundation/McKinsey.

          เว็บไซต์: http://www.desso.com http://www.twitter.com/dessogroup
          รูปภาพ: http://photos.prnewswire.com/prnh/20150923/269853

          แหล่งข่าว: Desso

พีอาร์นิวส์ไวร์

Desso Receives Cradle to Cradle(R) Gold Certification

          - First Carpet Tile Manufacturer in the World to Achieve C2C Gold Level Certification

          Desso, a leading carpet company (part of the Tarkett Group) has reached a major new milestone in its Cradle to Cradle(R) (C2C) journey in becoming the first carpet tile manufacturer in the world to achieve Cradle to Cradle(R) Gold level certification for a new carpet tile collection. The Gold certification is the culmination of seven years of hard work and effort, inspired by the goal of transitioning to the circular economy, based on C2C principles. The collection will be launched in all key markets in October 2015.


          The new 'Gold Collection' comes standard with an EcoBase(TM) backing, that contains upcycled re-engineered calcium carbonate (chalk) from local drinking water companies, which is  100% recyclable in Desso's own production process. In addition, the collection contains ECONYL(R), a 100% regenerated nylon made from recovered waste materials including post-consumer yarn waste from DESSO's Refinity(R) plant.

          The products in Desso's Gold Collection offer the following benefits:

          - 100% positively defined[1] materials
          - 100% regenerated yarn (ECONYL(R))
          - On average 80% recyclable[2] materials
          - On average 52% recycled content
          - Very low VOC's[3]
          - Contributes to LEED v4[4] points

          To reach this golden milestone, Desso has had to fulfil a broad range of tough environmental and human health criteria, as defined within the Cradle to Cradle Certified(TM) Product Standard. This is a framework for innovation, which shows that 'designing with purpose' makes perfect business sense and at the same time, positively impacts the environment and human health.  Products are certified by the independent Products Innovation Institute, based in the US. Next to this collection, 93% of Desso's commercial carpet tile range is Cradle to Cradle(R) certified, at either Bronze or Silver level depending on the backing type.

          Desso has been on the path towards the circular economy since 2008 based on Cradle to Cradle(R) principles, which enables manufacturers to make goods designed for more than one product life cycle in an ever moving non-toxic closed loop, increasingly powered by renewable energy. In this way, the circular economy helps us tackle several major global challenges: resource scarcity, toxicity, and climate change. As a regenerative model inspired by nature, it replaces the more traditional linear 'take, make and waste' system.

          According to recent research[5], the circular economy could unleash as much as a trillion dollars a year globally through a smarter use of material streams.

          Desso is committed to making the transition to the circular economy through meeting Cradle to Cradle(R) standards, a philosophy developed by German chemist Dr Michael Braungart and US architect William McDonough. It calls for companies to search for healthy materials, effective recycling systems and processes, good water stewardship, social fairness and renewable energy.

          "Through the vision and hard work of our people and stakeholders we are delighted to have reached this important new milestone in our circular economy journey", says Roland Jonkhoff, Managing Director, Desso and Vice President Carpet EMEA, Tarkett. "Alongside this, the innovations that are required on our path to becoming a C2C company, continue to contribute to our commercial success. This demonstrates to us and others that a business strategy coupled to strong CSR goals does underpin commercial success."

          About Desso(R)

          Desso, a Tarkett company, is a leading carpets, carpet tiles and sport pitches business, active in more than 100 countries. Its products are supplied to corporate offices, education, healthcare, government, homes and also hotels, cruise liners, airlines and premier football clubs. Desso's mission is to develop unique products that deliver a much improved indoor environment, helping to maximise people's health and wellbeing. This is driven by the company's innovation programme based on the three pillars of Creativity, Functionality and Cradle to Cradle(R) design which underpins the shift to the regenerative circular economy. For more information please visit: http://www.desso.com

          About Tarkett

          Tarkett is a global leader in innovative and sustainable solutions for flooring and sports surfaces. Offering a wide range of products including vinyl, linoleum, carpet, rubber, wood & laminate, synthetic turf and athletic tracks, the Group serves customers in more than 100 countries worldwide. With 12,000 employees and 34 industrial sites, Tarkett sells 1.3 million square meters of flooring every day, for hospitals, schools, housing, hotels, offices, stores and sports fields. Committed to sustainable development, the Group has implemented an eco-innovation strategy and promotes circular economy. Tarkett's net sales of 2.4 billion euros in 2014 are balanced between Europe, North America and the region comprising CIS countries, APAC & LATAM. Tarkett is listed on Euronext Paris (compartment A, ticker TKTT, ISIN: FR0004188670). http://www.tarkett.com

          --------------------------------------------------

          1. Positively defined = all ingredients have been assessed as either Green (optimal) or Yellow (tolerable) according to the Cradle to Cradle(R) assessment criteria. As described in Cradle to Cradle(R) CertifiedCM Product Standard Version 3.1.

          2. In accordance with Cradle to Cradle Certified(TM) Product Standard

          3. In accordance with Cradle to Cradle Certified(TM) Product Standard. This standard prescribes that: TVOC must be < 0.5 mg/m3. Individual VOCs < (0.01) x [the lower of the TLV or MAK value]. The time point used is 7 days.

          4. http://www.usgbc.org/node/2616399?view=language

          5. Towards the circular economy, volumes 1-3, Ellen MacArthur Foundation/McKinsey.

          Website: http://www.desso.com
          http://www.twitter.com/dessogroup

          Source: Desso

PR Newswire

Ulmart ขึ้นแท่นบริษัทรัสเซียแห่งแรกที่เข้าร่วมงาน Expo Real ในมิวนิก

          Ulmart บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำของรัสเซีย เตรียมเผยแพร่รูปแบบธุรกิจอันเป็นเอกลักษณ์ในงานนี้
          Ulmart ได้เข้าร่วมมหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์มาแล้วหลายงาน โดยได้จัดแสดง suburban fulfillment center ในงาน MIPIM เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา รวมถึงในงาน St. Petersburg International Forum และล่าสุดก็เตรียมเข้าร่วมงาน Expo Real ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี

          Expo Real เป็นมหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนระดับแนวหน้า Ulmart จึงตัดสินใจจัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดของ suburban fulfillment center ในงานนี้ เพื่อให้สอดรับกับกลยุทธ์ของนายดมิทรี คอสตีจิน ประธานบริษัท ซึ่งต้องการโปรโมทสิ่งที่เรียกว่า "อีคอมเมิร์ซเจเนอเรชั่น 2" และเพื่อกระตุ้นความสนใจของกลุ่มนักลงทุนที่มีศักยภาพ

          ไบรอัน คีน หัวหน้าฝ่ายการสื่อสารและนักลงทุนสัมพันธ์ของ Ulmart กล่าวว่า "รูปแบบธุรกิจของเรามีเอกลักษณ์มาก จนบางครั้งเรารู้สึกว่านักลงทุนที่คุ้นเคยกับอีคอมเมิร์ซแบบ last mile ของ Amazon ไม่ค่อยเข้าใจความเรียบง่ายและศักยภาพในการทำกำไรของอีคอมเมิร์ซแบบ Ulmart"

          เนื่องจากบริษัทวางแผนออกหุ้น IPO ในปี 2559 คุณคอสตีจินและผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ จึงยุ่งอยู่กับการเดินทางไปทั่วโลกเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครของ Ulmart

          รูปแบบธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัท ซึ่งชูจุดเด่นที่ pre-last mile customer pick-up ส่งผลให้ Ulmart ทำเงินทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์หลังดำเนินงานมาเพียง 5 ปี ซึ่งยังไม่เคยมีบริษัทใดในแวดวงเดียวกันที่ประสบความสำเร็จรวดเร็วเช่นนี้มาก่อน และรูปแบบธุรกิจนี้ยังสร้างผลกำไรอย่างเต็มที่ให้กับบริษัท จนกระทั่งบริษัทรุกลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเมื่อปี 2555

          นอกจากจะเป็นบริษัทเอกชนรัสเซียแห่งแรกที่เข้าร่วมงาน Expo Real แล้ว Ulmart ยังเตรียมจัดการหารือทางธุรกิจ การคุยธุรกิจระหว่างอาหารเช้า รวมถึงกิจกรรมการนำเสนอไอเดียใหม่ๆ และในเวลา 15.00 น.ของทุกวัน จะมีการเลี้ยงเบียร์สด Augustiner หนึ่งถังไม้โอ๊คพร้อมกับแกล้มให้กับแขกทุกคน

          ท่านที่สนใจสามารถเยี่ยมเยือน Ulmart ได้ที่บูธ B1.430 และตลอดทั้งงาน ดมิทรี คอสตีจิน ประธานบริษัท Ulmart พร้อมด้วยบุคลากรจากอุตสาหกรรมการธนาคาร นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ สื่อมวลชน รวมถึงตัวแทนจากกรีนพีซ อิเกีย และบริษัทอื่นๆ จะมาร่วมพูดคุยอย่างออกรสในงานนี้ด้วย

          OPENING OF ULMART STAND AND INTRODUCTION OF "Mizaj"
          โดยดมิทรี คอสตีจิน ประธาน และเซอร์เก เฟโดรินอฟ ซีอีโอของ Ulmart
          เวลา: วันที่ 5 ตุลาคม 11.00-11.30 น.
          สถานที่: บูธของ Ulmart

          BUSINESS BREAKFAST
          Making the Case for Star Investment Projects in Russia
          เวลา: วันที่ 6 ตุลาคม 10.00-11.00 น.
          สถานที่: บูธของ Ulmart

          IDEA INCUBATOR
          GREENING THE WORLD-HOW E-COMMERCE CAN LEAD MAKE RETAIL MORE GREEN
          เวลา: วันที่ 6 ตุลาคม 15.00-16.00 น.
          สถานที่: บูธของ Ulmart

          ที่มา: Ulmart

พีอาร์นิวส์ไวร์

Ulmart - First Russian Company to Exhibit at Munich's Expo Real

          Ulmart, Russia's leading e-commerce company, plans to take its story on the road again.
          Having exhibited its unique suburban fulfillment centers at MIPIM this past spring and then at The St. Petersburg International Forum, next on the list of the real-estate road-shows is Munich's Expo Real.

          As one of the leading exhibitions for real estate and investment, Ulmart's decision to display its latest generation of suburban fulfillment centers continues the strategy as set forth by the company's chairman Dmitry Kostygin to promote what he calls "second generation e-commerce" and, secondly, to pique the interest of potential investors.

          "The story is a unique one and sometimes we feel that potential investors who are so used to Amazon's last-mile obsessed approach to e-commerce have difficulty fully comprehending both the simplicity of the Ulmart approach and the potential for profitability," Brian Kean, Head of Communications and IR at Ulmart added.

          As the company prepares for a likely IPO in 2016, Mr. Kostygin and other top managers have been busy traveling the world telling the unique story of Ulmart.

          The company's unique model, which emphasizes pre-last mile customer pick-up, pushed Ulmart over the $1 billion threshold after a mere 5 years of operations. No e-retailer has had such success so quickly and with a model that was fully profitable until the company made aggressive infrastructure investments in 2012.

          Besides having the first stand ever from a Russian, privately-held company, Ulmart also plans to sponsor business discussion panels, a working breakfast, an "idea incubator", and each day at 15:00 an oak barrel of fresh, Augustiner beer will be tapped to the famous words of Munich - O ZAPFT IS! All guests can enjoy beers and snacks.

          Ulmart's stand can be found at B1.430. At all events the company chairman, Dmitry Kostygin, along with professionals from banking industries, real estate investors, journalists, Greenpeace, IKEA and other companies will be taking part in free and lively discussions.

          OPENING OF ULMART STAND AND INTRODUCTION OF "Mizaj"
          Presented by Dmitry Kostygin, Chairman and Sergei Fedorinov, CEO, Ulmart
          Time: 5 October, 11:00-11:30
          Location: Ulmart Stand

          BUSINESS BREAKFAST
          Making the Case for Star Investment Projects in Russia
          Time: 6 October, 10:00 - 11:00
          Location: Ulmart Stand

          IDEA INCUBATOR
          GREENING THE WORLD-HOW E-COMMERCE CAN LEAD MAKE RETAIL MORE GREEN
          Time: 6 October, 15:00-16:00
          Location: Ulmart Stand

          Source: Ulmart

PRNewswire

Monday, September 28, 2015

"ดังกิ้น โดนัท" ฉลองวันกาแฟโลก มอบส่วนลด 50% วันที่ 29 ก.ย. นี้

          ดังกิ้น โดนัท เชิญชวนลูกค้าในประเทศไทยเพลิดเพลินไปกับส่วนลด 50% เมื่อซื้อเครื่องดื่มเอสเปรสโซ่ชนิดใดก็ได้พร้อมกับเซ็ต Value Pack ของทางร้านในวันที่ 29 ก.ย. นี้

         


          ดังกิ้น โดนัท (Dunkin' Donuts) หนึ่งในเครือร้านขนมและกาแฟชั้นนำของโลก จัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจคนรักกาแฟในประเทศไทย ในวันอังคารที่ 29 ก.ย. นี้ ดังกิ้น โดนัท ในไทยจะมอบส่วนลด 50% สำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องดื่มเอสเปรสโซ่ชนิดใดก็ได้พร้อมกับเซ็ต Value Pack เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวัน "Global Coffee Day" ครั้งที่ 2 ของแบรนด์

          "กาแฟเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้ของดังกิ้น โดนัท มาตั้งแต่ที่เราจัดตั้งแบรนด์นี้ขึ้นมาเมื่อ 65 ปีที่แล้ว เราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับการเฉลิมฉลองวัน "Global Coffee Day" ครั้งที่ 2 ในทุกสาขาทั่วโลก ในวันที่ 29 ก.ย. นี้" คริส ฟูกัว รองประธาน ฝ่ายการตลาดแบรนด์ ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคทั่วโลก และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของดังกิ้น แบรนด์ส กล่าว "เราหวังว่าลูกค้าทั่วประเทศไทยจะร่วมเฉลิมฉลองและมีความสุขไปกับข้อเสนอสุดพิเศษนี้ที่ดังกิ้น โดนัท"

          การมอบข้อเสนอสุดพิเศษนี้เป็นการเฉลิมฉลองวัน Global Coffee Day ครั้งที่ 2 ของดังกิ้น โดนัท เพื่อขอบคุณเหล่าแฟนๆทั่วโลกสำหรับการอุดหนุนอย่างเหนียวแน่น พร้อมไปกับการเฉลิมฉลองบทบาทอันสำคัญของกาแฟในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ร้านดังกิ้ง โดนัท สาขาประเทศไทย เสิร์ฟเมนูกาแฟร้อนและเย็นที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องดื่มต่างๆอย่างมอคค่า นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มลาเต้ร้อนและเย็น คาปูชิโน่ตลอดจนเอสเปรสโซ่ที่เรียงแถวกันเข้ามาพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้า

          ดังกิ้น โดนัท เป็นผู้นำด้านกาแฟมาเป็นเวลา 65 ปี และสามารถทำยอดขายกาแฟได้ประมาณ 1.8 พันล้านแก้วต่อวันทั่วโลกเมื่อปี 2557 ความจริงแล้วชื่อของแบรนด์มาจากแนวคิดการจับคู่เมนูอร่อยอย่างกาแฟคุณภาพสูงและโดนัท เนื่องจากผู้บริโภคต่างชื่นชอบกับการจุ่มโดนัทลงไปในแก้วกาแฟเพื่อรับประทานคู่กัน จึงเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อดังกิ้น โดนัท นั่นเอง ทั้งนี้ ดังกิ้น โดนัทใช้เมล็ดกาแฟอราบิก้า 100% ในการสรรค์สร้างเมนูกาแฟและความพิเศษของกาแฟดังกิ้น โดนัท ยังถือเป็นกาแฟคุณภาพเยี่ยมในวงการกาแฟอีกด้วย

          ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับดังกิ้น โดนัท และรายการเครื่องดื่มคุณภาพสูง รวมถึงแซนวิชและผลิตภัณฑ์ขนมปังต่างๆได้ ด้วยการติดตามผ่านทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/DunkinDonuts

          เกี่ยวกับดังกิ้น โดนัท

          ดังกิ้น โดนัท ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2493 คือร้านขนมอันเป็นที่โปรดปรานของชาวอเมริกันที่สามารถแวะซื้อกาแฟและขนมได้ทุกวันและตลอดทั้งวัน ดังกิ้น โดนัท เป็นผู้นำตลาดกาแฟร้อนแบบธรรมดา กาแฟดีแคฟ กาแฟปรุงรส กาแฟเย็น โดนัท เบเกิล และมัฟฟิน โดยบริษัท แบรนด์ คียส์ (Brand Keys) ได้จัดอันดับให้ ดังกิ้น โดนัท รั้งอันดับ 1 ติดต่อกัน 9 ปี ในฐานะร้านกาแฟที่ลูกค้ายังคงให้ความนิยมอย่างเหนียวแน่น บริษัทมีร้านขายโดนัทกว่า 11,400 สาขา ใน 39 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ ดังกิ้น โดนัท มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแคนตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และเป็นบริษัทในเครือของดังกิ้น แบรนส์ กรุ๊ป (จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ในชื่อ DNKN) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.DunkinDonuts.com

            พีอาร์นิวส์ไวร์


Dunkin' Donuts Announces Second Annual Global Coffee Day Celebration on Tuesday, September 29

          Dunkin' Donuts invites guests in Thailand to enjoy 50% off any Espresso beverage with the purchase of a Value Pack on September 29

         

          Dunkin' Donuts , one of the world's leading coffee and baked goods chains, today announced a special deal for coffee lovers in Thailand. On Tuesday, September 29, participating Dunkin' Donuts restaurants in Thailand will offer guests 50% off any Espresso beverage with the purchase of a Value Pack in honor of the brand's second annual Global Coffee Day celebration.

          "Coffee has been an integral part of the Dunkin' Donuts menu since our brand was founded 65 years ago, so we are very excited to be celebrating our second annual Global Coffee Day at our restaurants worldwide on September 29," said Chris Fuqua, Vice President, Brand Marketing, Global Consumer Insights & Product Innovation, Dunkin' Brands. "We hope our guests across Thailand join in the celebration and enjoy this very special coffee offer at Dunkin' Donuts."

          This year marks the second time Dunkin' Donuts is celebrating Global Coffee Day as a way to thank fans worldwide for their loyalty and celebrate the important role coffee plays in the lives of people all around the globe. Dunkin' Donuts restaurants in Thailand offer an extensive variety of hot and iced coffee choices, including flavors such as Mocha. The brand also offers a delicious lineup of Hot and Iced Lattes, Cappuccino and Espresso.

          Dunkin' Donuts has been a coffee leader for 65 years and sold approximately 1.8 billion cups of coffee globally in 2014. In fact, the brand's name originated from the idea of pairing delicious, high-quality coffee and donuts, as people enjoyed dunking, or dipping, their donuts into their coffee, inspiring the name Dunkin' Donuts. Dunkin' Donuts uses 100% Arabica coffee beans for its coffee, and the company's coffee specifications are recognized by the industry as a superior grade of coffee.

          To learn more about Dunkin' Donuts and its range of high-quality beverages, sandwiches and baked goods, follow us on Facebook atwww.facebook.com/DunkinDonuts.

          About Dunkin' Donuts

          Founded in 1950, Dunkin' Donuts is America's favorite all-day, everyday stop for coffee and baked goods. Dunkin' Donuts is a market leader in the hot regular/decaf/flavored coffee, iced coffee, donut, bagel and muffin categories. Dunkin' Donuts has earned the No. 1 ranking for customer loyalty in the coffee category by Brand Keys for nine years running. The company has more than 11,400 restaurants in 39 countries worldwide. Based in Canton, Mass., Dunkin' Donuts is part of the Dunkin' Brands Group, Inc. (Nasdaq: DNKN) family of companies. For more information, visitwww.DunkinDonuts.com.

            PRNewswire


ผู้นำจากนานาประเทศเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดใหม่เพื่อส่งเสริมการศึกษาทั่วโลก

          เหล่าผู้นำ 20 ท่านที่มาจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีและอดีตนายกรัฐมนตรี 5 ท่าน และเจ้าของรางวัลโนเบล 3 ท่าน ต่างได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดใหม่ที่มีชื่อว่า International Commission on Financing Global Education Opportunity เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเงินทุนสำหรับการศึกษาทั่วโลก คณะกรรมาธิการชุดใหม่นี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลนอร์เวย์และนายกรัฐมนตรีเออร์นา โซลเบิร์ก แห่งนอร์เวย์ และมีหน้าที่ทบทวนอนาคตของแวดวงการศึกษาทั่วโลก ซึ่งขณะนี้มีเยาวชนกว่า 124 ล้านคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ

          การคัดเลือกบุคคลจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมภารกิจนี้เกิดขึ้นในภาวะวิกฤต เนื่องจากขณะนี้มีเยาวชนที่ไม่ได้เรียนหนังสือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ขณะเดียวกันสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้กดดันให้เด็กๆหลายล้านคนกลายเป็นผู้ลี้ภัย ส่งผลให้ต้องหยุดเรียนและไร้อนาคตทางการศึกษาไปโดยปริยาย คณะกรรมาธิการชุดนี้จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อแสวงหาคำตอบว่า ภายใน 15-20 ปีข้างหน้านี้ การศึกษาจะนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สาธารณสุข และความมั่นคงได้อย่างไร

          คณะกรรมาธิการชุดนี้ร่วมกันจัดตั้งโดยนายกรัฐมนตรีเออร์นา โซลเบิร์ก แห่งนอร์เวย์ ประธานาธิบดีมิเชล บาเชเลต แห่งชิลี ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ประธานาธิบดีปีเตอร์ มูทาริกา แห่งมาลาวี และอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก

          กอร์ดอน บราวน์ ทูตพิเศษด้านการศึกษาโลกขององค์การสหประชาชาติ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมาธิการชุดนี้

          นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์กล่าวว่า "การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับความยากจน และดิฉันเชื่อว่าการให้การศึกษาแก่เด็กผู้หญิงถือเป็นการลงทุนที่ทรงพลังที่สุด เพราะการให้การศึกษาแก่เด็กผู้หญิงก็เท่ากับการให้การศึกษาแก่ประเทศ ดิฉันมั่นใจว่าคณะกรรมาธิการชุดนี้จะมีบทบาทสำคัญในการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายการศึกษาเพื่อการพัฒนาภายในปี 2573 และหลังจากนั้น"

          ผู้นำจากทั่วโลกที่เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการชุดนี้ ประกอบด้วย

          - อนันต์ อการ์วัล ซีอีโอของ EdX
          - โฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยุโรป
          - เฟลิปเป คัลเดอรอน อดีตประธานาธิบดีเม็กซิโก
          - คริสติน เคลเม็ต กรรมการผู้จัดการของ Civita
          - อาลิโก ดันโกเต ซีอีโอของ Dangote Group
          - จูเลีย กิลลาร์ด ประธานองค์กร Global Partnership for Education และอดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
          - บาเอลา ราซา จามิล ผู้อำนวยการโครงการ Idara-e-Taleem-o-Aagahi
          - อี จูโฮ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้
          - จิม คิม ประธาน World Bank Group
          - แอนโทนี เลค กรรมการบริหารองค์การยูนิเซฟ
          - แจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร Alibaba Group
          - กราซา มาเชล ผู้ก่อตั้ง Graca Machel Trust
          - สตรีฟ มาซียีวา ซีอีโอของ Econet Wireless
          - ทีโอพิสตา บีรุนกี มายันจา ผู้ก่อตั้ง Uganda National Teachers Union
          - โกซี โอคอนโจ-อีเวอาลา อดีดรัฐมนตรีคลังไนจีเรีย
          - ไคลัช สัตยาธี ผู้ก่อตั้ง Bachpan Bachao Andolan
          - อมาร์ตยา เซน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
          - ธีโอ โซวา ซีอีโอของ African Women's Development Fund
          - ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อธิการบดีกิตติคุณของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, รัฐมนตรีคลังสหรัฐคนที่ 71 ในสมัยประธานาธิบดีคลินตัน และประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของประธานาธิบดีโอบามา
          - เฮลเล ธอร์นนิง-ชมิดท์ อดีตนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก

          เชคคา ลุบนา อัล คาซิมี รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาและความร่วมมือระหว่างประเทศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะเข้าร่วมการประชุมครั้งปฐมฤกษ์ของคณะกรรมาธิการชุดนี้ ขณะที่เจฟฟรีย์ แซคส์ ที่ปรึกษาพิเศษของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ จะเข้าร่วมการประชุมครั้งที่ 3 และมาลาลา ยูซาฟไซ จะเข้าเป็นสมาชิกระดับเยาวชนของคณะกรรมาธิการนี้

          ทางคณะกรรมาธิการจะประชุมร่วมกันในวันที่ 29 กันยายน ในระหว่างที่มีการประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ โดยจะมีการยกกรณีศึกษาด้านเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นและชักจูงให้ผู้นำทั่วโลกลงมือทำสิ่งต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม จากนั้นในเดือนกันยายน 2559 ทางคณะกรรมาธิการจะรายงานผลการดำเนินงานต่อผู้ร่วมจัดตั้ง รวมถึงนายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ซึ่งให้คำมั่นว่าจะรับรายงานและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางคณะกรรมาธิการ

          ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
          คริสตี้ เวลเดอร์
          Full Picture
          โทร. +1-212-995-2147
          อีเมล: cwelder@fullpic.com

          พีอาร์นิวส์ไวร์


Leaders Appointed To New Commission On Global Education As United Nations Goes Into Session

          More than twenty world leaders, including five former presidents and prime ministers and three Nobel Prize recipients, have been appointed to a new International Commission on Financing Global Education Opportunity to reverse the lack of financing for education around the world.  The Commission, supported by the Government of Norway and Prime Minister Erna Solberg, will review the future of global education which currently leaves 124 million young people out of school.

          The selection of this diverse group of individuals comes at a crucial time when more children are out of school now than a year ago and increased conflict has forced millions of children out of the classrooms to become refugees with no prospects of education.  The Commission will explore how over the next 15 to 20 years, education could lead to greater economic growth, better health outcomes, and improved global security.

          The Commission is co-convened by the Norwegian Prime Minister alongside President Michelle Bachelet of Chile, President Joko Widodo of Indonesia, President Peter Mutharika of Malawi and the Director-General of UNESCO, Irina Bokova.

          Gordon Brown, UN Special Envoy for Global Education, has been appointed Chair of the Commission.

          Prime Minister Solberg said, "Education is key to fighting poverty, and I believe educating girls is the single most powerful investment for development. When you educate a girl, you educate a nation.  I am confident that the Commission will play an important role in mobilizing the resources needed to achieve education for development set out for 2030 and beyond."

          This Commission includes the following leaders:

          - Anant Agarwal, CEO, EdX
          - Jose Manuel Barroso, Former President, European Commission
          - Felipe Calderon, Former President, Mexico
          - Kristin Clemet, Managing Director, Civita
          - Aliko Dangote, CEO, Dangote Group
          - Julia Gillard, Chair, Global Partnership for Education and Former Prime Minister, Australia
          - Baela Raza Jamil, Director Programs for the Idara-e-Taleem-o-Aagahi
          - Lee Ju-ho, Former Korean Minister of Education
          - Jim Kim, President, World Bank Group
          - Anthony Lake, Executive Director, UNICEF
          - Jack Ma, Founder and Executive Chairman, Alibaba Group
          - Graca Machel, Founder, Graca Machel Trust
          - Strive Masiyiwa, CEO, Econet Wireless
          - Teopista Birungi Mayanja, Founder, Uganda National Teachers Union
          - Ngozi Okonjo-Iweala, Former Minister of Finance, Nigeria
          - Kailash Satyarthi, Founder, Bachpan Bachao Andolan
          - Amartya Sen,  Professor, Harvard University
          - Theo Sowa, CEO, African Women's Development Fund
          - Lawrence Summers, President Emeritus, Harvard University; 71st Secretary of the Treasury for President Clinton and Director of the National Economic Council for President Obama
          - Helle Thorning-Schmidt, Former Prime Minister, Denmark

          Sheikha Lubna Al Qasimi, Minister of International Cooperation and Development for the United Arab Emirates will join the inaugural meeting of the Commission. Jeffrey Sachs, United Nations Secretary-General's Special Advisor, will join the third meeting of the Commission. Malala Yousafzai will join the Commission's youth panel.

          The Commission will meet on September 29 during the United Nations General Assembly to start building the economic case to inspire and persuade world leaders to action. In September 2016, the Commission will report to the Co-conveners and the Secretary-General of United Nations, Ban Ki-moon, who has agreed to receive the report and act on its recommendations.

          For additional inquiries, please contact:
          Christy Welder
          Full Picture
          +1-212-995-2147
          cwelder@fullpic.com

          PRNewswire



China Yiwu International Forest Product Fair ครั้งที่ 8 เตรียมเปิดฉากเดือนพ.ย.นี้ ชูจุดเด่นการพัฒนาสีเขียว

          งาน China Yiwu International Forest Product Fair ครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานบริหารกิจการป่าไม้จีน (State Forestry Administration) และรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียง จะจัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ Yiwu International Expo Center ระหว่างวันที่ 1-4 พฤศจิกายน 2558

          ปี 2558 นี้นับเป็นปีที่เจ็ดติดต่อกันสำหรับการจัดงานมหกรรมด้านป่าไม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย หลังจากที่ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2551 สำหรับมหกรรมครั้งล่าสุดในปี 2557 นั้น มีบริษัทต่างๆร่วมออกบูธ 3,240 บูธ บนพื้นที่จัดแสดง 70,000 ตารางเมตร โดยสามารถทำยอดขายรวมกันได้ถึง 4.682 พันล้านหยวน (ประมาณ 755 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเนื่องจากงานนี้เป็นงานจัดแสดงวนผลิตภัณฑ์งานแรกของจีนที่ได้รับการรับรองจาก UFI และยังได้รับการรับรอง UFI เป็นรายที่สองของโลก มหกรรมจัดแสดงสินค้างานนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมป่าไม้จีนอย่างยั่งยืน

          การพัฒนาการทำป่าไม้และการบริโภคผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นจุดสนใจหลักของงานในปีนี้ ขณะเดียวกันจุดเด่นของงานในปีนี้ไม่เพียงอยู่ที่การเข้าร่วมงานของบริษัทป่าไม้ที่มีชื่อเสียงของจีนเท่านั้น แต่ยังจะเน้นไปที่การจัดแสดงวนผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี รวมทั้งความสำเร็จล่าสุดในอุตสาหกรรมป่าไม้ของจีน โดยคาดว่างานนี้จะเป็นหนึ่งในมหกรรมจัดแสดงสินค้า ความร่วมมือ และเผยแพร่ข้อมูลที่สำคัญสำหรับบริษัทด้านการป่าไม้ของจีนที่มีแผนจะบุกตลาดโลก

          งานในปี 2558 นี้จะประกอบไปด้วยบูธจัดแสดง 3,000 บูธ บนพื้นที่ 70,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า 1,200 รายจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย บราซิล และมาเลเซีย และคาดว่าจะมีผู้ซื้อเข้าร่วมงานมากกว่า 100,000 ราย โดยส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศ

          นอกจากการจัดแสดงสินค้าแล้ว ภายในงานนี้ยังจะประกอบไปด้วยการประชุมสามรายการ ได้แก่ China Forest Economic Development Summit, China Forest Products E-commerce Development Forum และ China Creative Forestry Industry Development Forum อีกทั้งยังมีกิจกรรมมากมากที่จัดขึ้นควบคู่กับงานมหกรรมครั้งนี้ เช่น China Forest Products Creativity Contest และกิจกรรมรณรงค์การเลือกซื้อสินค้าจากป่าไม้ที่มีคุณภาพ ซึ่งทั้งสองกิจกรรมล้วนมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการเกี่ยวกับการป่าไม้

          ภายในงานยังจะมีการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับผู้ซื้อนานาชาติด้วยเช่นกัน ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมที่บรรดาผู้จัดแสดงสินค้าจะได้พบปะกับผู้ซื้อจากนานาชาติ ไม่เพียงเท่านี้ การประชุมทางธุรกิจนับร้อยรายการก็กำลังจะเกิดขึ้นตลอดการจัดนิทรรศการสี่วันเต็ม ซึ่งจะเปิดทางให้บริษัทที่จัดแสดงสินค้าได้ผูกสัมพันธ์กับลูกค้าที่มุ่งหวัง เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย ซัพพลายเออร์ และสมาคมอุตสาหกรรม

          สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน China Yiwu International Forest Products Fair สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.forestryfair.com

         พีอาร์นิวส์ไวร์


The 8th China Yiwu International Forest Products Fair to be Held in November, Highlighting Green Development

          The 8th China Yiwu International Forest Products Fair, co-organized by the State Forestry Administration of China and the government of Zhejiang province, will be held at the Yiwu International Expo Center between November 1st and 4th, 2015.

          2015 marks the seventh consecutive year that this largest comprehensive forest fair in Asia has been held since its founding in 2008. The 2014 fair, which featured an exhibition area of 70,000 square meters housing 3,240 booths, realized an aggregate turnover of 4.682 billion yuan (approx. US$755 million). As the first UFI-certified forest exhibition in China and the second UFI-certified forest expo worldwide, the event is of great significance to the sustainable development of the Chinese forestry sector.

          With a focus on green development of forestry and green consumption of forestry products, this year's exhibition will not only highlight the participation of many well-known Chinese forestry companies, but it will also exhibit a range of select forest products and the latest achievements in the Chinese forestry sector. The fair is expected to become an important trading, cooperation and information platform for Chinese forestry companies who plan to go global.

          The 2015 fair, featuring 3,000 booths spread over a 70,000-square-meter exhibition space, is expected to attract 1,200 exhibitors from outside of China, with the largest number of exhibitors hailing from South Korea, France, Australia, Brazil and Malaysia. More than 100,000 buyers are expected to attend, with a significant number coming from outside of China.

          Three forums, the China Forest Economic Development Summit, the China Forest Products E-commerce Development Forum and the China Creative Forestry Industry Development Forum, will be held during the fair. Several events will run concurrently with the expo, including the China Forest Products Creativity Contest and a quality forest products selection campaign, both of which are aimed at promoting the international trade of forest products as well as scientific and academic exchanges on forestry.

          An international purchaser trade fair will be held as well, providing a great opportunity for exhibitors to meet with international buyers. In addition, during the four-day exhibition, approximately one hundred business meetings will be organized, where exhibiting companies will seek to establish relationships with prospective customers, representatives, suppliers and industry associations.

          More information about the China Yiwu International Forest Products Fair is available at www.forestryfair.com.

          PRNewswire



New Phase IIIb/IV Data Show Switching to Once-Daily Triumeq(R) Maintains HIV Viral Suppression

          ViiV Healthcare today announced 24-week data from the Phase IIIb/IV STRIIVING study, an open-label study evaluating the efficacy, safety and tolerability of switching from an antiretroviral therapy (ART) to the once-daily, fixed-dose dolutegravir-based regimen, Triumeq(R) (abacavir/dolutegravir/lamivudine) in virologically suppressed adults with HIV-1 (n=274).[1] The study included (n= 277) adults who remained on their existing ART to 24 weeks. STRIIVING met its primary endpoint, demonstrating that viral suppression was non-inferior for patients switching to abacavir/dolutegravir/lamivudine (HIV RNA <50 copies/mL in intention to treat efficacy (ITTe, primary endpoint; n=551): 85% (abacavir/dolutegravir/lamivudine) vs. 88% (existing ART) [adjusted difference -3.4%; 95% CI: -9.1, 2.3], per protocol (PP; n=435): 93% vs. 93% [adjusted difference -0.3%; 95% CI: -4.9, 4.4]).[1] No patients had protocol defined virologic failure (confirmed plasma HIV-1 RNA greater than or equal to400 copies/mL) and therefore no patients were evaluated for treatment-emergent resistance in either arm (ITTe).[1]

          Furthermore, statistically, the treatment satisfaction score improved significantly more for those patients switching to once-daily abacavir/dolutegravir/lamivudine from their established regimen, as assessed by the HIV Treatment Satisfaction Questionnaire (adjusted difference 2.4, 95% CI: 1.3, 3.5; p<0.001).[1]

          "For clinicians, choosing among antiretroviral therapies now involves balancing efficacy with factors such as tolerability, dosing, ability to use with other medications, and resistance profile. These data support the use of once-daily abacavir/dolutegravir/lamivudine as a treatment option in the switch setting for appropriate patients," said John Pottage, MD, Chief Scientific and Medical Officer, ViiV Healthcare.

          The STRIIVING study recruited patients switching from a broad range of protease inhibitor (PI; n=234), integrase strand transfer inhibitor (INSTI; n=146) and non-nucleoside reverse transcriptase inhibitor (NNRTI; n=171)-based regimens, with the aim of reflecting a common clinical situation.[1]

          Patients switching to abacavir/dolutegravir/lamivudine reported more adverse events (AEs) leading to withdrawal compared with those who continued on their established regimen (ITTe: 4% vs. 0%).[1] The majority of these AEs were Grade I & 2.[1] The most common AEs (greater than or equal to 5%) reported in patients switched to the abacavir/dolutegravir/lamivudine arm included cough (5%), diarrhoea (7%), fatigue (7%), headache (5%), nausea (10%) and upper respiratory tract infection (7%).[1] The AE profile observed with abacavir/dolutegravir/lamivudine in the study is in line with previous studies with dolutegravir-based regimens.[2],[3],[4],[5],[6]

          STRIIVING study design

          STRIIVING is a Phase IIIb/IV randomised, open-label, multicentre, North American study to evaluate the efficacy, safety and tolerability of switching from an ART regimen to once-daily, fixed-dose abacavir/dolutegravir/lamivudine in virologically-suppressed (HIV-1 RNA <50 copies/mL) adults with HIV-1. Participants were randomised 1:1 to switch to abacavir/dolutegravir/lamivudine (n=274) or continue on their current ART (n=277) for 24 weeks. The total number of patients in the study was 551.[1]

          Important Safety Information (ISI) for Triumeq(R) (abacavir, dolutegravir and lamivudine) tablets

          The following ISI is based on the Highlights section of the Prescribing Information for Triumeq. Please consult the full Prescribing Information for all the labelled safety information for Triumeq.

          BOXED WARNING: RISK OF HYPERSENSITIVITY REACTIONS, LACTIC ACIDOSIS AND SEVEREHEPATOMEGALY, AND EXACERBATIONS OF HEPATITIS B See full Prescribing Information for complete boxed warning.

          - Serious and sometimes fatal hypersensitivity reactions have been associated with abacavir-containing products.
          - Hypersensitivity to abacavir is a multi-organ clinical syndrome.
          - Patients who carry the HLA-B*5701 allele are at high risk for experiencing a hypersensitivity reaction to abacavir.
          - Discontinue Triumeq as soon as a hypersensitivity reaction is suspected. Regardless of HLA-B*5701 status, permanently discontinue Triumeq if hypersensitivity cannot be ruled out, even when other diagnoses are possible.
          - Following a hypersensitivity reaction to abacavir, NEVER restart Triumeq or any other abacavir-containing product.
          - Lactic acidosis and severe hepatomegaly with steatosis, including fatal cases, have been reported with the use of nucleoside analogues.
          - Severe acute exacerbations of hepatitis B have been reported in patients who are co-infected with Hepatitis B Virus (HBV) and Human Immunodeficiency Virus (HIV-1) and have discontinued lamivudine, a component of Triumeq. Monitor hepatic function closely in these patients and, if appropriate, initiate anti-hepatitis B treatment.

          CONTRAINDICATIONS

          - Presence of HLA-B*5701 allele.
          - Previous hypersensitivity reaction to abacavir, dolutegravir or lamivudine.
          - Co-administration with dofetilide.
          - Moderate or severe hepatic impairment.

          WARNINGS AND PRECAUTIONS

          Patients with underlying hepatitis B or C may be at increased risk for worsening or development of transaminase elevations with use of Triumeq. Appropriate laboratory testing prior to initiating therapy and monitoring for hepatotoxicity during therapy with Triumeq is recommended in patients with underlying hepatic disease such as hepatitis B or C.

          - Hepatic decompensation, some fatal, has occurred in HIV-1/Hepatitis C Virus (HCV) co-infected patients receiving combination antiretroviral therapy and interferon alfa with or without ribavirin. Discontinue Triumeq as medically appropriate and consider dose reduction or discontinuation of interferon alfa, ribavirin, or both.
          - Immune reconstitution syndrome and redistribution/accumulation of body fat have been reported in patients treated with combination antiretroviral therapy.
          - Administration of Triumeq is not recommended in patients receiving other products containing abacavir or lamivudine.

          ADVERSE REACTIONS The most commonly reported (greater than or equal to2%) adverse reactions of at least moderate intensity in treatment-naive adult subjects receiving Triumeq were insomnia (3%), headache (2%), and fatigue (2%).

          DRUG INTERACTIONS Co-administration of Triumeq with other drugs can alter the concentration of other drugs and other drugs may alter the concentrations of Triumeq. The potential drug-drug interactions must be considered prior to and during therapy.

          USE IN SPECIFIC POPULATIONS

          - Pregnancy: Triumeq should be used during pregnancy only if the potential benefit justifies the potential risk.
          - Nursing mothers: Breastfeeding is not recommended due to the potential for HIV transmission.
          - Triumeq is not recommended in patients with creatinine clearance less than 50 mL per min.

          If a dose reduction of abacavir, a component of Triumeq, is required for patients with mild hepatic impairment, then the individual components should be used.

          About Triumeq(R)

          Triumeq is a once-daily dolutegravir-based regimen, containing the integrase strand transfer inhibitor (INSTI) dolutegravir and the nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NRTIs) abacavir and lamivudine.

          Two essential steps in the HIV life cycle are replication - when the virus turns its RNA copy into DNA - and integration - the moment when viral DNA becomes part of the host cell's DNA. These processes require two enzymes called reverse transcriptase and integrase. NRTIs and INSTIs interfere with the action of the two enzymes to prevent the virus from replicating. This decrease in replication will lead to less virus being available to cause subsequent infection of uninfected cells.

          Please refer to the full US Prescribing Information for contraindications, special warnings and precautions for use. [7]

          Triumeq is a registered trademark of the ViiV Healthcare group of companies.

          About ViiV Healthcare

          ViiV Healthcare is a global specialist HIV company established in November 2009 by GlaxoSmithKline (LSE: GSK) and Pfizer (NYSE: PFE) dedicated to delivering advances in treatment and care for people living with HIV. Shionogi joined in October 2012. The company's aim is to take a deeper and broader interest in HIV/AIDS than any company has done before and take a new approach to deliver effective and new HIV medicines, as well as support communities affected by HIV. For more information on the company, its management, portfolio, pipeline, and commitment, please visit http://www.viivhealthcare.com

          References

          1. Trottier B, Lake J, Logue K et al. Switching to Abacavir/Dolutegravir/Lamivudine combination (ABC/DTG/3TC FDC) from a PI, INI or NNRTI based regimen maintains HIV suppression.  Presented at the Interscience Conference on Antimicrobial Agents and Chemotherapy (ICAAC), 17-21 September 2015, San Diego, California

          2. Raffi F, Jaeger H, Quiros-Roldan E, Albrecht H, Belonosova E, Gatell JM, Baril J-G, Domingo P, Brennan C, Almond S, Min S, for the SPRING-2 Study Group. Once-daily dolutegravir versus twice-daily raltegravir in antiretroviral-naive adults with HIV-1 infection (SPRING-2 study): 96 week results from a randomised, double-blind, non-inferiority trial. Lancet Infect Dis. 2013;13(11):927-935.

          3. Pappa K, Baumgarten A, Felizarta F, et al. Dolutegravir (DTG) + abacavir/lamivudine once daily superior to tenofovir/emtricitabine/efavirenz in treatment naive HIV subjects: 144-week results from SINGLE (ING114467). Abstract presented at: 54th Interscience Conference on Antimicrobial Agents and Chemotherapy; September 5-9, 2014; Washington, DC, USA.

          4. Castagna S, et al. Dolutegravir in antiretroviral-experienced patients with raltegravir- and/or elvitegravir-resistant HIV-1: 24-week results of the Phase III VIKING-3 study. J Infect Dis 2014;210:354-62

          5. Vavro C, Huang J, Avatapally C, Min S, Ait-Khaled M. Durable efficacy and limited integrase resistance in subjects receiving dolutegravir after failing a prior regimen: week 48 results from VIKING-3. Rev Antiviral Ther Infect Dis. 2014;2:Abstract O-10.

          6. Molina J, et al. Once-daily dolutegravir versus darunavir plus ritonavir for treatment-naive adults with HIV-1 infection (FLAMINGO): 96 week results from a randomised, open-label, phase 3b study. Lancet HIV 2015. Published online March 2015 http://dx.doi.org/10.1016/S2352-3018(15)00027-2 (Last Accessed March 2015)

          7. Triumeq US label

          Cautionary statement regarding forward-looking statements: GSK cautions investors that any forward-looking statements or projections made by GSK, including those made in this announcement, are subject to risks and uncertainties that may cause actual results to differ materially from those projected. Such factors include, but are not limited to, those described under Item 3.D 'Risk factors' in the company's Annual Report on Form 20-F for 2014.

          Source: ViiV Healthcare

          PRNewswire