เมอร์ค (Merck) บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ และวิทยาลัยแพทยศาสตร์เบย์เลอร์ (Baylor College of Medicine) ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ประกาศขยายความร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์มผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อเร่งก้าวสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 1
"การผลิตวัคซีนมีความซับซ้อนมาก เราจึงร่วมมือกันพัฒนากระบวนการเพื่อเร่งผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของเบย์เลอร์" อูดิท บาทรา สมาชิกคณะกรรมการบริหารของเมอร์ค และซีอีโอกลุ่มธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ กล่าว "เพื่อต่อสู้กับการระบาดใหญ่ครั้งนี้ เราต้องผลิตวัคซีนจำนวนมหาศาลในระยะเวลาอันน้อยนิด และเราต้องการวิธีการมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อบรรลุผลสำเร็จ"
การผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่มีแบบแผนหรือกระบวนการที่เป็นมาตรฐาน เนื่องจากตัววัคซีนมีความซับซ้อนและหลากหลายมาก ด้วยเหตุนี้ การผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงเป็นความท้าทายสำหรับทุกองค์กรที่กำลังแข่งขันกันพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ทั้งนี้ เมอร์คอาศัยองค์ความรู้จากการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคพยาธิใบไม้ในเลือด ตลอดจนร่วมมือกับคณะนักวิจัยจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์เบย์เลอร์และศูนย์พัฒนาวัคซีนแห่งโรงพยาบาลเด็กเท็กซัส (Texas Children's Hospital) เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตวัคซีนโควิด-19 สองตัว หนึ่งในนั้นคือวัคซีน CoV RBD219-N1 ที่คาดว่าจะเข้าสู่การทดลองทางคลินิกปลายปีนี้ โดยเมอร์คจะช่วยทำให้การผลิตในปริมาณมากมีความยั่งยืน ความร่วมมือครั้งนี้จะเน้นไปที่การยกระดับประสิทธิภาพการผลิต ผลผลิต ความทนทาน ความยืดหยุ่น และความคุ้มทุน
ดร.ปีเตอร์ โฮเทซ คณะบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน วิทยาลัยแพทยศาสตร์เบย์เลอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาวัคซีนแห่งโรงพยาบาลเด็กเท็กซัส ร่วมกับดร.มาเรีย เอเลนา บอตตาซซี กล่าวว่า "ความร่วมมือครั้งแรกระหว่างเรากับเมอร์คก่อให้เกิดกรอบการทำงานที่มีความสำคัญยิ่ง ซึ่งช่วยให้เราสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมทำการผลิตวัคซีนป้องกันโรคเขตร้อนที่ถูกละเลยเพื่อให้ทั่วโลกเข้าถึงได้"
ดร.บอตตาซซี ผู้นำการพัฒนาวัคซีน และรองคณะบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน วิทยาลัยแพทยศาสตร์เบย์เลอร์ กล่าวว่า "การขยายความร่วมมือครั้งนี้เพื่อครอบคลุมโรคระบาดสำคัญ จะช่วยให้เราสามารถเร่งพัฒนากระบวนการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีความยืดหยุ่นในราคาเอื้อมถึง และจะช่วยให้เกิดความก้าวหน้าโดยเร็วที่สุดในการผลิตวัคซีนในประเทศรายได้น้อยถึงปานกลาง"
ทีมงานของเมอร์คและเบย์เลอร์จะพัฒนาแพลตฟอร์มผลิตวัคซีน CoV RBD219-N1 ซึ่งเดิมพัฒนาขึ้นเพื่อต้านโรคซาร์สในช่วงปี 2554-2559 นอกจากนี้ ทีมงานจะพัฒนาแพลตฟอร์มผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวที่สอง เพื่อย่นเวลาในการเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 โดยความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายในการพัฒนากระบวนการผลิตและขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การผลิตนำร่องและการผลิตระดับอุตสาหกรรมในที่สุด
นักวิทยาศาสตร์ด้านการพัฒนากระบวนการและวิศวกรการผลิตทางชีวภาพของเมอร์ค และคณะนักวิจัยจากศูนย์พัฒนาวัคซีนแห่งโรงพยาบาลเด็กเท็กซัส ร่วมมือกันเป็นครั้งแรกในปี 2561 เพื่อยกระดับการพัฒนาและการผลิตวัคซีน รวมถึงยกระดับการตอบสนองต่อโครคระบาดอย่างโควิด-19 และเนื่องจากมีแพลตฟอร์มพัฒนากระบวนการของเดิมอยู่แล้ว ทีมงานจึงสามารถย่นเวลาในการเข้าสู่การทดลองทางคลินิกและบรรลุเป้าหมายสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
ข่าวประชาสัมพันธ์ของเมอร์คทั้งหมดได้รับการเผยแพร่ผ่านทางอีเมลในเวลาเดียวกับที่มีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของเมอร์ค กรุณาเข้าไปที่ www.merckgroup.com/subscribe เพื่อลงทะเบียนออนไลน์ เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกบริการนี้
วิทยาลัยแพทยศาสตร์เบย์เลอร์และศูนย์พัฒนาวัคซีนแห่งโรงพยาบาลเด็กเท็กซัส ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก NAID ในการพัฒนาวัคซีน CoV RBD219-N1 และกำลังจะเริ่มพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวที่สอง นอกจากนี้ เบย์เลอร์และโรงพยาบาลเด็กเท็กซัสยังร่วมมือกับ PATH สนับสนุนความก้าวหน้าในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศรายได้น้อยถึงปานกลาง
เกี่ยวกับ เมอร์ค
เมอร์ค คือบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ โดยมีการดำเนินงานครอบคลุมด้านการดูแลสุขภาพ ชีววิทยาศาสตร์ และวัสดุสมรรถนะสูง พนักงานประมาณ 57,000 คนของบริษัทต่างทุ่มเทในการสร้างความแตกต่างที่ดีต่อชีวิตของผู้คนหลายล้านคนในทุก ๆ วัน ด้วยการนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตที่มีความสุขและยั่งยืนยิ่งขึ้น เมอร์คเป็นทั้งผู้พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีน ไปจนถึงการเสาะหากลวิธีใหม่ ๆ ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ท้าทายที่สุด ตลอดจนการคิดค้นอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยในปี 2562 เมอร์คทำยอดขายได้ 1.62 หมื่นล้านยูโร ใน 66 ประเทศ
การสำรวจทางวิทยาศาสตร์และการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ คือหัวใจหลักในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเมอร์ค ทั้งยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเมอร์คนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2211 ปัจจุบัน ครอบครัวผู้ก่อตั้งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมอร์คครอบครองสิทธิ์ในชื่อและแบรนด์เมอร์คทั่วโลก ยกเว้นในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ของเมอร์คดำเนินงานภายใต้ชื่อ อีเอ็มดี เซโรโน ในวงการดูแลสุขภาพ, มิลลิพอร์ซิกมา ในวงการชีววิทยาศาสตร์ และอีเอ็มดี เพอร์ฟอร์แมนซ์ แมททีเรียลส์
No comments:
Post a Comment