เซินเจิ้น จีน--21 พ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งสะท้อนให้เห็นความยืดหยุ่นและศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่งของตลาดนี้ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมทั้งในโมเดลการบริหารจัดการของภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมแนวดิ่งต่าง ๆ พร้อมส่งเสริมประสิทธิภาพในการผลิตและให้บริการในคราวเดียวกัน และเมื่อมองเช่นนี้แล้ว การพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะมีทิศทางเช่นไร และอุตสาหกรรมเหล่านี้จะพลิกโฉมตัวเองได้อย่างไร แล้วหัวเว่ยจะนำข้อได้เปรียบต่าง ๆ มาช่วยให้ลูกค้าภาคองค์กรประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้อย่างไร โดยในการประชุม Huawei Global Analyst Summit 2020 (HAS 2020) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย (Huawei Enterprise Business Group) ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มและความท้าทายต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญ ให้แก่เหล่านักวิเคราะห์และสื่อมวลชน ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยจะทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ในการสำรวจตลาดเทคโนโลยีดิจิทัลภาคอุตสาหกรรม พร้อมช่วยลูกค้าเร่งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและกระบวนการทำงานแบบอัจฉริยะ
“ปี 2562 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ขึ้น ๆ ลง ๆ และเป็นโจทย์ยากสำหรับหัวเว่ย อย่างไรก็ดี เราประสบความสำเร็จในการจัดการกับปัญหาท้าทายต่าง ๆ ด้วยการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาและนำเสนอคุณประโยชน์แก่ลูกค้า” คุณ Peng Zhongyang ผู้อำนวยการคณะกรรมการ และประธานกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย กล่าว “เรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมากว่า 30 ปี ทำให้เรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและความต้องการของลูกค้า หัวเว่ยให้บริการผลิตภัณฑ์และโซลูชันไอซีทีศักยภาพสูงครอบคลุมหลายขอบข่ายผลิตภัณฑ์ สิ่งนี้คือเหตุผลที่ลูกค้าหลายรายได้เลือกหัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์ในการก้าวสู่ยุคดิจิทัล ความสำเร็จของหัวเว่ยเป็นผลจากการลงทุนอย่างหนักในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการไม่หยุดคิดค้นนวัตกรรม โดยในยุคดิจิทัล ทีมวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ยซึ่งมีบุคลากรมากถึง 90,000 ราย จะช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจของหัวเว่ยในตลาดเทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนาโซลูชันที่ตรงตามการใช้งานแก่ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เราจะร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ทุกรายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นในการก้าวเป็นพาร์ทเนอร์ในดวงใจของลูกค้าเพื่อช่วยเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัล ดังนั้น เราขอเชิญให้ร่วมสร้างแกนหลักในการขับเคลื่อนยุคดิจิทัลไปด้วยกัน”
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมภายนอกนั้น หัวเว่ยมีความมั่นใจอย่างยิ่งในการบรรลุเป้าหมายใหม่ ๆ อันแสนท้าทาย โดยประการแรกนั้น การพัฒนาและการบูรณาการเทคโนโลยีไอซีทีใหม่ ๆ เช่น 5G, AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง ได้เข้ามาเร่งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในอุตสาหกรรมแนวดิ่งต่าง ๆ ประการที่สอง การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หน่วยงานรัฐและเอกชนทั่วโลกตระหนักถึงความจำเป็นในการพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัล ด้วยเหตุนี้ พลังและศักยภาพของโลกดิจิทัลจึงปรากฏให้เห็นชัดเจนแล้ว
คุณ Qiu Heng ประธานฝ่ายการตลาดสากลประจำกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย ได้เปิดเผยผลการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายในกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยสำหรับปี 2562 ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “Bring Digital to Every Organization” โดยกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทั่วโลก ส่งผลให้มีรายได้จากยอดขายรวมกันถึง 8.97 หมื่นล้านหยวนในปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่ง 86% ของรายได้ดังกล่าวมาจากพาร์ทเนอร์ หัวเว่ยได้ให้บริการแก่ลูกค้าภาคองค์กรกว่า 50,000 รายทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทระดับ Fortune Global 500 ทั้งสิ้น 228 ราย และบริษัทระดับ Fortune Global 100 ถึง 58 ราย ได้เลือกหัวเว่ยและพาร์ทเนอร์ของหัวเว่ย เป็นผู้ช่วยในการพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัล โดยที่เมืองเซินเจิ้นที่เดียว หัวเว่ยได้เข้ามาช่วยลูกค้าภาคองค์กรกว่า 1800 ราย ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพลิกโฉมธุรกิจของตน ทั้งในแวดวงการเงิน การขนส่ง การผลิต พลังงานไฟฟ้า การศึกษา และบริการสุขภาพ และในอนาคตข้างหน้า หัวเว่ยจะเดินหน้าขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจของลูกค้า ด้วยการผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนการปฏิรูปแคมปัสและศูนย์ข้อมูล พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ดาวเด่นสุดล้ำสมัย
หัวเว่ยได้ส่งเสริมการพลิกโฉมอุตสาหกรรมการขนส่งสู่ความเป็นดิจิทัลมานานกว่า 20 ปี เมื่อผนวกรวม 5G, AI และไอซีทีเข้าสู่อุตสาหกรรมอย่างแน่นแฟ้นแล้ว หัวเว่ยได้ช่วยลูกค้าในอุตสาหกรรมการขนส่งพัฒนาความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ครอบคลุมในทุกด้าน โดยคุณ Xiang Xi รองประธานฝ่ายการขนส่งระดับโลกของหัวเว่ย ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของหัวเว่ยในแวดวงการขนส่งว่า “เนื่องจากอุตสาหกรรมการขนส่งจะมีการบูรณาการมากขึ้นในอนาคต หัวเว่ยจะเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรทางระบบนิเวศเพื่อสรรสร้างระบบการขนส่งที่ครอบคลุมและเป็นหนึ่งเดียว ผ่านการมุ่งเน้นโครงการ 'One ID for Travel, One Order for Logistics, and One Brain for Operations and Supervision’”
การพลิกโฉมอุตสาหกรรมการบริการด้านการเงินสู่ความเป็นดิจิทัลมุ่งมั่นที่จะ “กลายเป็นดิจิทัล อัจริยะ และเปิดกว้างอย่างเต็มรูปแบบ” เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อุตสาหกรรมการบริการด้านการเงินมีความมั่นใจและแน่วแน่ที่จะดำเนินการทางดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมบริการด้านการเงินยังแสดงข้อได้เปรียบและคุณประโยชน์ในการดำเนินงานทางดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยคุณ Vincent Chen ซีทีโอฝ่ายการบริการด้านการเงินระดับโลกของหัวเว่ย เปิดเผยว่า หัวเว่ยจะเดินหน้าใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมและแนวทางการปฎิบัติระดับชั้นนำในโครงสร้างพื้นฐานไอซีที เพื่อช่วยสถาบันการเงินในการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น แนวคิดการเงินที่มีความทั่วถึง นวัตกรรมโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และงานธนาคารแบบเปิดกว้าง เพื่อจะส่งมอบการบริการด้านการเงินที่มีเสถียรภาพ ปลอดภัย และคล่องตัว
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมพลังงานกำลังเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น การปฏิรูปพลังงาน ความต้องการคาร์บอนต่ำ ความมั่นคงทางพลังงาน และการมีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับการใช้พลังงาน โดยคุณ Xia Wenbo ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัลประจำแผนกอุตสาหกรรมพลังงานสากลของกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ เชื่อมั่นว่า ความท้าทายเหล่านี้จะช่วยเร่งการพลิกโฉมและการยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า โดยกล่าวว่า “หัวเว่ยจะทำงานร่วมกับลูกค้าในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการประยุกต์ใช้คลาวด์คอมพิวติ้ง บิ๊กดาต้า 5G และเทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงสามารถมั่นใจถึงความปลอดภัยและการทำงานที่มีเสถียรภาพของกริดไฟฟ้า ส่งเสริมการเข้าถึงพลังงานใหม่ขนาดใหญ่ และพัฒนาประสิทธิภาพของการดำเนินงาน นอกจากนี้ ยังจะช่วยยกระดับการพัฒนาบริการใหม่ ๆ และเร่งการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสู่ความเป็นดิจิทัล”
ในอนาคตข้างหน้า หัวเว่ยจะวางรากฐานส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศจีน และสร้างแกนหลักสำคัญเพื่อให้โลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ตามสโลแกน “New Connectivity, New Computing, New Platforms, and New Ecosystems”
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://e.huawei.com/en/
No comments:
Post a Comment