Tuesday, May 19, 2020

Bigo Live ปลื้มแคมเปญ 'Global BIGOer One World Together' มีผู้รับชมมากถึง 3.7 ล้านรายจาก 150 ประเทศ เพื่อระดมทุนให้กับกองทุน Solidarity Response Fund ของ WHO

- แคมเปญระดมทุน "Global BIGOer One World Together" มีผู้รับชมมากถึง 3.7 ล้านรายเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อผนึกกำลังสู้โรคโควิด-19

- แคมเปญระยะเวลา 24 ชั่วโมงนี้ระดมทุนได้ถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ และยอดเงินที่ระดมทุนได้ทั้งหมดนี้จะบริจาคเข้ากองทุน COVID-19 Solidarity Response Fund ขององค์การอนามัยโลก (WHO)

- โครงการระดมทุนดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแคมเปญใหญ่ที่ Bigo Live จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมความตระหนักเรื่องโรคโควิด-19 ทั่วโลก พร้อมสร้างพลังบวกให้กับสังคม


Bigo Live แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมชั้นนำระดับโลก ประกาศระดมทุนบริจาครวมกันได้มากถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐผ่านแคมเปญ 'Global BIGOer One World Together' โดยเงินที่ระดมทุนได้ทั้งหมดจะนำไปบริจาคเข้ากองทุน Solidarity Response Fund ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในนามของ BIGO Technology ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Bigo Live

แคมเปญ 'Global BIGOer One World Together' มีผู้รับชมรวมกันกว่า 3.7 ล้านรายทั่วโลก ที่ต่างได้เข้ามาเพลิดเพลินไปกับดนตรีสดของ Bigo Live และร่วมระดมทุนไปด้วยกัน โดยการแสดงสดนี้ประกอบด้วยการแสดงจากบรรดาวีเจเกือบ 100 รายในกว่า 20 ประเทศ

Mike Ong รองประธาน BIGO Technology กล่าวว่า "ดนตรีเป็นภาษาสากลซึ่งอยู่เหนือวัฒนธรรมและพรมแดน เพื่อเผยแพร่ข้อความแห่งความสบายใจ ความหวัง และความเป็นหนึ่งเดียว อันเป็นสิ่งที่โลกกำลังต้องการมากที่สุดในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ เราอยากหลอมรวมคนทั้งโลกเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกันให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ผ่านแคมเปญ 'Global BIGOer One World Together' ซึ่งได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม เรารู้สึกชื่นใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นชุมชน Bigo Live ทั่วโลกร่วมกันสนับสนุนอุดมการณ์ในช่องทางที่ตนสะดวก โดยบทบาทเพียงเล็กน้อยก็สร้างความแตกต่างได้ และเรามีความยินดีที่ได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว"

กิจกรรมตนตรีสดนี้มีนักร้องและนักดนตรีมากความสามารถจากทั่วโลกร่วมกันให้ความบันเทิงตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจากประเทศแถบเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และสหรัฐ โดยมีวีเจจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น (Bigo Live ID) HtooChit (เมียนมา), L33MOLIKA (กัมพูชา), annetenorio (ฟิลิปปินส์), heitu (มาเลเซีย), ricoaijoo (อินโดนีเซีย), 10.10.NQ (เวียดนาม) และ nesnes (ไทย)

นอกเหนือจากการแสดงดนตรีสดแล้ว อีเวนต์ดังกล่าวยังรวมถึง #UnitedatBIGO เพื่อเชิดชูเหล่าบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้า ที่เป็นผู้นำทัพสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ทางแคมเปญยังมีการปล่อยมิวสิกวิดีโอที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษร่วมกับบรรดาวีเจ Bigo Live กว่า 100 ราย โดยเป็นการคัฟเวอร์เพลงยอดฮิต "We Are The World" ของศิลปินระดับตำนานอย่างไมเคิล แจ็กสัน

คุณ Mike กล่าวเสริมว่า "เรามีความยินดีที่ Bigo Live มีโอกาสตอบแทนและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ผู้เป็นด่านหน้าและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ โดยในฐานะแพลตฟอร์มระดับโลกที่เชื่อมต่อและหลอมรวมผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน เรามีความพยายามและมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการต่อสู้โรคโควิด-19 พร้อมมอบพลังบวกและความสุขใจแก่ผู้ใช้งานของเราทั่วโลกในช่วงเวลาที่สะเทือนอารมณ์เช่นนี้ เราขอขอบคุณวีเจ Bigo Live และผู้ใช้งานที่ร่วมแคมเปญนี้ทุกท่าน ที่ทำให้อีเวนต์นี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี"

นับตั้งแต่เกิดการระบาด Bigo Live ได้จัดโครงการส่งเสริมความตระหนักเกี่ยวกับโรคโควิด-19 มาแล้วมากมาย และได้นำความสุขความสดใสมาให้กับผู้คนทั่วโลก โดยนอกเหนือจากแคมเปญ 'Global BIGOer One World Together' แล้ว Bigo Live ยังได้เปิดตัวแคมเปญ #STAYATBIGO ที่มาพร้อมกับเซสชันพิเศษที่เปิดโอกาสให้ได้ร่วมแบ่งปันกับผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขตัวจริง รวมถึงการแสดงดนตรีจากดีเจในประเทศต่าง ๆ และการสาธิตวิธีการออกกำลังกายโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้ชุมชนของเรานั้นแข็งแรงและปลอดโรคภัยในขณะกักตัวอยู่บ้าน นอกจากนี้ Bigo Live ยังเป็นแพลตฟอร์มแรกที่เปิดผับออนไลน์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ชุมชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้สัมผัสกับการไลฟ์สตรีมดนตรีเสมือนจริง

เกี่ยวกับ Bigo Live

Bigo Live เป็นชุมชนสังคมไลฟ์สตรีมที่เติบโตเร็วเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งผู้ใช้สามารถบรอดแคสต์แบบเรียลไทม์เพื่อแบ่งปันช่วงเวลาดี ๆ ในชีวิต โชว์ความสามารถพิเศษ และโต้ตอบกับผู้คนทั่วโลก Bigo Live มีผู้ใช้ราว 400 ล้านคนในกว่า 150 ประเทศ และปัจจุบันครองตำแหน่งผู้นำตลาดไลฟ์สตรีม Bigo Live เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2016 โดยมีบริษัทสัญชาติสิงคโปร์อย่าง BIGO Technology เป็นเจ้าของ

ดาวน์โหลดแอป Bigo Live ได้ที่: https://bigolive.onelink.me/sG8X/bigoliveth


No comments:

Post a Comment