Thursday, March 24, 2016

ZF นำองค์กรเข้าสู่มิติใหม่ หลังเข้าซื้อกิจการ TRW


          - ยอดขายของกลุ่มบริษัทปรับตัวขึ้นอย่างมากสู่ระดับ 2.92 หมื่นล้านยูโร

          - กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) อยู่ที่ระดับ 1.6 พันล้านยูโร

          - หนี้จากการเข้าซื้อกิจการลดลงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ

          ZF Friedrichshafen AG ประสบความสำเร็จในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องในปี 2015 โดยกลุ่มบริษัททำยอดขายได้ 2.92 หมื่นล้านยูโรในปีงบการเงิน 2015 ซึ่งรวมถึงยอดขาย 8.9 พันล้านยูโรจาก ZF TRW ที่ได้รวมตัวกันเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ในชื่อ "Active & Passive Safety Technology" Division มาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2015 ทั้งนี้ ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและการเติบโตจากภายในองค์กรคิดเป็นสัดส่วนรวมกัน 5% ของยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) รวมอยู่ที่ 1.6 พันล้านยูโร ซึ่งสอดคล้องกับมูลค่าการเติบโตที่ 498 ล้านยูโร และอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT margin) ที่ 5.5% โดยตัวเลขเหล่านี้เป็นผลมาจากการซื้อและขายกิจการ ดังนั้น จึงเปรียบเทียบกับตัวเลขของปีก่อนได้ในขอบเขตที่จำกัดเท่านั้น

         

          "ปี 2015 ถือเป็นปีที่โดดเด่นสำหรับบริษัท เพราะเราได้ฉลองครบรอบร้อยปีไปพร้อมๆ กับความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท" ดร.สเตฟาน ซอมเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ZF กล่าว "ผมมีความภูมิใจที่จะได้ประกาศว่า ในปีงบการเงินที่ผ่านมานั้น เราได้วางรากฐานความสำเร็จอย่างยั่งยืนให้กับอนาคตของ ZF เราวางเครือข่ายชิ้นส่วนประกอบเครื่องจักรกลเข้ากับหน่วยควบคุมและเซ็นเซอร์ได้อย่างชาญฉลาด วิธีนี้จะทำให้เราสามารถช่วยกำหนดแนวทางการขับขี่ที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น"

          ศ.ดร.จอร์โจ เบห์ร ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการของ ZF แสดงความพึงพอใจอย่างมากต่อผลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่มีประธานเจ้าหน้าที่บริหารที่มีวิสัยทัศน์และมีแนวคิดแปลกใหม่อย่าง สเตฟาน ซอมเมอร์" เบห์รเน้นย้ำ "การเข้าซื้อ TRW ถือเป็นกรณีพิเศษที่ทำให้เขานำพา ZF และเหล่ากรรมการบริหารก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน รวมถึงวางตำแหน่งของกลุ่มบริษัทไว้ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและราคาในภาคอุตสาหกรรมผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ เราจึงเชื่อมั่นในความสามารถของเขาอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะดำเนินการตามแผนงานนี้ไปอย่างต่อเนื่อง และเราต้องการที่จะสานต่อความสำเร็จนี้ไปด้วยกัน"

          การกระจายยอดขายในภูมิภาคมีความสมดุล

          ผลจากการเข้าซื้อกิจการ TRW ทำให้ ZF มียอดขายของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยยอดขายของ ZF TRW ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจลำดับที่ห้านั้นมีส่วนช่วยในการเติบโตของยอดขายที่ 8.9 พันล้านยูโร นับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2015 ยิ่งไปกว่านั้น การกระจายตัวของยอดขายระดับภูมิภาคของกลุ่มบริษัทยังมีความสมดุลมากขึ้น โดยส่วนแบ่งยอดขายในอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 28% ขณะที่ส่วนแบ่งในยุโรปลดลงจาก 56% สู่ระดับ 47% สำหรับส่วนแบ่งในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกคิดเป็น 22% ของยอดขายของ ZF (เทียบกับ 20% ในปี 2014)

          สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคหลักๆ นั้นแตกต่างกันไปในปี 2015 ซึ่งสอดคล้องกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยตลาดอเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิกเติบโตอย่างมาก ส่วนตลาดยุโรปเติบโตในระดับปานกลาง ต่างจากในอเมริกาใต้ที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

          กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

          ตัวเลขกำไรของกลุ่มบริษัทนั้นได้รับอิทธิพลจากรายการพิเศษ โดยกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.6 พันล้านยูโร (เทียบกับ 1.1 พันล้านยูโรในปี 2014) โดยอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT margin) คิดเป็น 5.5% ในปีงบการเงิน 2015 ทั้งนี้ หลังการปรับปรุงรายการพิเศษ อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT margin) ของปี 2015 อยู่ที่ 5.4% มากกว่าปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 4.6% สำหรับกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราค (EBITDA) ไต่ขึ้นสู่ระดับ 3.4 พันล้านยูโร (เทียบกับ 2.0 พันล้านยูโรในปี 2014) ขณะที่อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA margin) ยืนอยู่ที่ระดับ 11.5% (เทียบกับ 11.1% ในปี 2014) กำไรสุทธิหลังหักภาษีอยู่ที่ 1.0 พันล้านยูโร ซึ่งสอดคล้องกับที่เพิ่มขึ้น 347 ล้านยูโร

          หนี้สินจากการซื้อกิจการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

          กระแสเงินสดจากการดำเนินงานภายหลังการปรับปรุงรายการพิเศษอยู่ที่เกือบ 1.4 พันล้านยูโร ณ สิ้นปี เพิ่มขึ้น 800 ล้านยูโรจากปีก่อน เนื่องมาจากการควบรวมกันของ ZF TRW เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2015 โดยคิดเป็น 7.5 เดือนในงบการเงินรวมของ ZF

          ZF สามารถลดระดับหนี้สินลงได้อย่างมากในปี 2015 โดยมีปัจจัยหลัก ได้แก่ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และผลกระทบจากรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว "เรายึดมั่นในการดำเนินแนวทางการเงินแบบอนุรักษ์นิยมด้วยสถานะทางการเงินที่มั่นคงและสมดุลมาตั้งแต่เริ่มต้น" ดร.คอนสแตนติน เซาเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ ZF กล่าว "ข้อเท็จจริงก็คือ เราสามารถลดจำนวนหนี้สินสุทธิของเราลงได้แล้วอย่างรวดเร็วถึง 1.4 พันล้านยูโร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้ นอกจากนี้ เรายังตั้งใจที่จะทำงานอย่างเป็นระบบในการลดหนี้สินลงอย่างต่อเนื่องในปี 2016 อีกด้วย"

          รักษาระดับการลงทุนไว้ในระดับสูง

          นอกจากลดหนี้สินลงได้อย่างมากแล้ว ในปี 2015 ZF ยังได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนในอนาคตในระดับเดียวกัน บริษัทได้ลงทุนราว 1.3 พันล้านยูโร (เทียบกับ 1 พันล้านยูโรในปี 2014) ในด้านอสังหาริมทรัพย์ โรงงานและอุปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อขยายกำลังการผลิตและการพัฒนาศักยภาพของบริษัท เม็ดเงินลงทุนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 4.4% ของยอดขาย นอกจากนี้ยังได้มีการลงทุนจำนวน 1.4 พันล้านยูโรในด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งช่วยให้ ZF สามารถบรรลุเป้าหมายที่ที่บริษัทกำหนดเอาไว้ที่ประมาณ 5% ของยอดขาย

          การควบรวมกันของ ZF TRW ช่วยผลักดันความสำเร็จในอนาคต

          ภายหลังการซื้อกิจการ TRW ได้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ ZF Group ในฐานะแผนกใหม่คือ "Active & Passive Safety Technology" Division ซึ่ง ZF ได้นำเสนอความสำเร็จเบื้องต้นจากกระบวนการควบรวมกิจการอย่างครบวงจรและกินระยะเวลาหลายปี ที่งาน IAA ในแฟรงค์เฟิร์ต เมื่อเดือนกันยายน 2015

          "นวัตกรรมต่างๆ อย่างเช่นรถยนต์ที่จัดแสดงในงาน IAA และต้นแบบโมเดลการผลิตเป็นจำนวนมากซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเร็วๆนี้ที่สวีเดน ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอันเป็นผลมาจากการควบรวมกิจการ โครงสร้างใหม่นี้ทำให้เราอยู่ในสถานะที่สมบูรณ์แบบในการเป็นผู้จัดหาระบบที่ครบวงจรระดับโลกอย่างแท้จริง" ซอมเมอร์กล่าว "เราจะยังคงเดินหน้าผลักดันการรวมตัวกันของ ZF TRW อย่างเป็นระบบต่อไปในปี 2016 และเราจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้ความเชี่ยวชาญอันเหนือชั้นในด้านระบบเครื่องกลอัจฉริยะได้อย่างเต็มที่"

          แนวโน้ม

          ZF เชื่อว่าตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กจะมีการพัฒนาโดยรวมที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน ZF คาดว่าจะได้เห็นการเติบโตอย่างมากของยอดขายในแผนก Industrial Technology Division ซึ่งปัจจัยที่ผลักดันภาคส่วนนี้ ได้แก่ การผนวกรวมธุรกิจเกียร์อุตสาหกรรมและกังหันลมที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการไปเมื่อสิ้นปี 2015 รวมทั้งตำแหน่งที่แข็งแกร่งในตลาด และการพัฒนาธุรกิจ Wind Power Technology Business Unit

          ZF คาดว่ายอดขายปี 2016 ของกลุ่มบริษัทในภูมิภาคจะอยู่ที่ระหว่าง 3.5-3.6 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2015 อันเนื่องมาจากการรวมตัวกันของ ZF TRW ได้เต็มปีเป็นครั้งแรก โดยในระยะกลาง ZF คาดว่ากลุ่มบริษัทจะขยายตัว 7% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาดโดยรวม และคาดว่า EBIT margin ที่มีการปรับปรุง 2016 จะอยู่ที่ 5-6% ในปี 2016 ขณะที่คาดว่า EBITDA margin หลังการปรับปรุงจะสูงกว่า 10% "ในปี 2015 เราประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน และนับเป็นอีกครั้งที่เราทำผลงานได้ดีกว่าปีก่อนหน้า" ซอมเมอร์กล่าว "เพื่อรับประกันสถานะของเราในอนาคต เราจำเป็นต้องทำการบ้านในปี 2016 และปรับปรุงผลลัพธ์ของเราให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเยอรมนี ซึ่งเราจะต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น"

          สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรูปภาพ กรุณาเข้าชมที่ www.zf.com/apc

          สื่อมวลชนติดต่อ:
          Christoph Horn
          Head of Corporate Communications
          โทร: +49 7541 77-2705
          อีเมล: christoph.horn@zf.com

          Andreas Veil
          Head of Business and Finance Communications
          โทร: +49 7541 77-7925
          อีเมล: andreas.veil@zf.com

          โลโก้ - http://photos.prnasia.com/prnh/20150514/8521503115LOGO

No comments:

Post a Comment